เรื่อง: ณขวัญ ศรีอรุฯ / ภาพ: ณัฐชานันท์ กล้าหาญ
กฎเหล็กบอกว่า ถ้าจะเล่าเรื่องตลก จงอย่าบอกว่ามันคือเรื่องตลก เพราะความตลกมาจากสิ่งที่เหนือความคาดหมาย แต่กฎข้อนี้อาจใช้ไม่ได้ หากเราเปิดการแสดง stand up comedy และประกาศขายบัตรเป็นเรื่องเป็นราว
ผมไม่แน่ใจว่าเขาไปกินดีหมีมาจากไหน กตัญญู สว่างศรี ถึงมีความกล้าหาญชาญชัยเยี่ยงนี้ เพราะการทำโชว์เดี่ยวไมโครโฟนนั้นเป็นของโหดหิน ตัดภาพมาวันแสดงจริง หลังจากเสียงร่ำลือถึงหายนะในรอบซ้อม เราก็มาอยู่ที่ตรงนี้จนได้ ในแสงอุ่นบนชั้นสามของร้านหนังสือกลาง RCA อุณหภูมิกำลังดี มีเสียงดนตรีจากวง The Orchid Gardener อุ่นเครื่องให้เหล่าผู้ชมผู้อ่อนล้าจากการจราจรหัวค่ำวันพฤหัส
“รู้มั้ยครับว่ายูเคยแต่งเพลงด้วยนะครับ ก็อารมณ์นักเขียน อารมณ์กวีอ่ะนะ แต่หนึ่งในความห่วยสัสของยู…คือมันแต่งเพลงไม่จบครับ (ฮา)
“แต่เราจะมาทำให้มันจบเอง ขอเชิญรับฟังครับ”
และจากนั้น เสียงเคาะคาฮองและกีตาร์ก็พลิ้วไหวไปอย่างสวยงาม ซึ่งอันที่จริงก็ไม่สวยงามเท่าไหร่
เพราะหลังจากจบเพลงของยู เพลงต่อไปขณะบรรเลงไปกลางเพลง จู่ๆ นักร้อง (ผู้เล่นกีตาร์ไปด้วย) ก็ลืมคอร์ด!
“ยู ขนาดกูเล่นล่มกลางเพลง กูยังไม่ว่าไรเล้ย” (ฮา-จริงๆ)
ใครจะไปรู้ล่ะครับ ว่านี่คือการเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่บูชาความสวยงามอันไม่สมบูรณ์แบบอย่างวะบิ-ซะบิ หรือเขาลืมจริงๆ แต่ผมคิดว่านี่เป็นโชว์เปิดม่านที่ดีที่สุดที่จะเป็นได้เลยล่ะ
‘สามสิบปี ชีวิตห่วยสัส’ เป็นชื่อโชว์ครั้งนี้ มันบอกเราตรงไปตรงมาว่าเรื่องที่เราจะมาฟังนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร และเรื่องชวนหัวเหล่านั้น ของชายหนุ่มหนวดครึ้มร่างเล็ก (แต่กว้าง) ในเสื้อลายทางเป็นซิกเนเจอร์ นั้นย่อมต้องมิใช่เรื่องราวอันหวานหอมของรสชาติแห่งความสำเร็จเป็นแน่
กตัญญูล้อเล่นกับตัวเอง ไม่เว้นกระทั่งแม่ แฟน พ่อแฟน เหล่าเจ้านายทั้งในอดีตและปัจจุบัน (น่าปลื้มใจจริงๆ ที่ทุกตัวละครที่ว่ามานั้น นั่งอยู่ด้วยกันในหมู่ผู้ชม) สักพักเขาพาเราย้อนไปในวัยเด็ก คนเราย่อมมีอดีต และชีวิตที่ ‘ห่วยสัส’ ย่อมมีที่มาที่ไป
‘ห่วยสัส มาจากไหน’ สุจิตต์ วงษ์เทศ ยังไม่เคยบอก แต่กตัญญูจะบอกเอง
ยูบอกว่า มันคือ ‘บั๊ก’ ในชีวิต เป็นความผิดพลาดเล็กน้อยอันน่ารำคาญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแฟนตาซีตามประสาหนุ่มน้อยวัยแตกพาน ผู้คิดว่า แนน สาวที่เขาหลงรัก นั้นทอดสายตามองยูทุกครั้งที่เดินผ่านห้องเรียนตลอดสามปี (“ผมชอบแนนที่นิสัยครับ แนนนิสัยนมใหญ่”) นำไปสู่การสารภาพรักที่ป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียนที่…แป้ก ไม่เป็นท่า
หรืออาการย้ำคิดย้ำทำว่า “กูล็อครถรึยังว้า” ยูแพ้พ่ายทุกครั้ง จนต้องประโลมตนเองว่ามันคือการปลอดภัยไว้ก่อน
เรื่องราวนั้นไต่ระดับความขำขึ้นเรื่อยๆ เป็นกราฟที่น่าหวาดเสียว เพราะบางมุกก็ดิ่งพสุธาประหนึ่งนักบินฝึกหัดท่าผาดโผน เขาชำนาญดีอยู่ แต่ใครจะรู้ว่าลมฝนเป็นเช่นไร และในจังหวะหวาดเสียวที่มีเสียงแอร์ดังหึ่งหึ่ง เดชะบุญที่วินาทีถัดมานั้นระเบิดด้วยเสียงหัวเราะ
ก่อนจบลงด้วยมุกที่ท่านชายทั้งหลายน่าจะหวั่นไหวและเอาใจช่วยกันจนตัวเกร็ง (อันที่จริงผมไม่น่าจะเล่าเนอะ เผื่อเขาออกดีวีดีบ็อกซ์เซ็ต แถมโมเดลเรซิ่นน้องหนวดในเสื้อลายทาง) นั่นคือการเปิดจู๋ให้หมอตรวจความผิดปกติ ที่สำคัญคือ คุณหมอนั้นเป็นสาวสวยน่ารักมากก
สรุปภาพรวมของชีวิตยูได้ว่า ความห่วยสัสนั้นมาจากการแอบรักสาวนมใหญ่ และปวดไข่จนต้องไปหาหมอ…
แต่สิ่งที่เซอร์ไพรส์ผู้ชมอย่างผมก็คือ วันนั้น เป็นวันเกิดของยู เป็นวันที่เขาอายุ 30 ปีจริงๆ
คนแบบไหนกันหนอ เขาไปกินดีหมีมาจากที่ไหน ถึงจะเปลือยเล่าที่มาที่ไปของความห่วย ในวาระวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง มันควรจะเป็นเรื่องราวอันหวานหอมของรสชาติแห่งความสำเร็จสิ…
แต่เมื่อโชว์จบ สาวชุดแดง (แฟนของยู) ก็ยกเค้กวันเกิดออกมา เหล่าผู้ชมผู้รู้สึกว่าสองชั่วโมงนั้นผ่านไปเร็วไว ก็พร้อมใจกันร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์
ผมไม่ได้กินเค้ก แต่ผมว่ามันเป็นค่ำคืนที่หอมหวานของยู จริงๆ นะ
คุณสามารถตามอ่านเรื่องราวที่มาที่ไปของโชว์นี้ได้ ที่เฟซบุ๊คเพจ A – Katanyu เบื้องหลัง stand up comedy เป็นหนังดราม่าดีๆ ได้เรื่องนึงเลยล่ะครับ