วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส. พะเยา พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะทีมหัวหน้าเศรษฐกิจ ว่า เมื่อช่วงต้นปี 2565 รัฐบาลปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African swine fever: ASF) ซึ่งเป็นต้นเหตุของสถานการณ์โรคระบาดในสุกร ส่งผลให้ราคาหมูแพง สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อเกษตรกร เศรษฐกิจครัวเรือนพังพินาศ โดยครั้งนั้นรัฐบาลรับปากว่าจะแก้วิกฤตให้เกษตรกรและแก้ปัญหาหมูราคาแพง
“รัฐบาลโกหก 5 อย่าง คือ โกหกที่ 1 รัฐบาลบอกว่าหมูแพงเป็นเพราะหมูขาดตลาด เรื่องจริงคือหมูติดโรคอหิวาต์มาตั้งแต่ปี 2561-2563 แต่ที่ผ่านมารัฐบาลบอกว่าไม่มีโรคระบาด”
โกหกที่ 2 รัฐบาลเบิกจ่ายงบประมาณ 997 ล้านบาท แต่อ้างไม่รู้โรคระบาด ทำให้ระบาดไปทั่วประเทศ อ้างว่าหลักฐานไม่มี โดยในช่วง 4 ปีดังกล่าวมีการเบิกงบ 4-5 ครั้ง เพื่อแก้ไขปัญหาอหิวาต์แอฟริกา แต่ออกมาบอกตลอดว่าไม่มีโรค
โกหกที่ 3 เบิกงบพันล้าน แต่สิ่งที่ได้มาคือ 1) ปฏิเสธว่าไม่พบเชื้อ ASF 2) ชดเชยเยียวยาล่าช้า จนส่งผลให้ 3) เกษตรกรสิ้นอาชีพ
โกหกที่ 4 แก้ปัญหาแบบ ‘หมูหายล้อมเล้า’
“หมูหาย คือ รัฐบาลปกปิดความจริงมาเกือบ 4 ปี ผู้เลี้ยงหมูรายกลางและรายย่อยจึงซื้อแม่พันธุ์หมูมาเลี้ยงใหม่ แต่หมูตายซ้ำซาก ทำให้หมดช่องทางทำมาหากิน
“ล้อมเล้า คือ 6 มกราคม 2565 รัฐบาลสั่งห้ามส่งออกหมู เพื่อแก้ปัญหาหมูแพง แต่กลับไม่แก้ปัญหาที่ต้นตอ จนความแตกว่าอหิวาต์แอฟริกาหมูระบาด ทำให้เนื้อหมูหายไปจากระบบเกินครึ่ง”
โกหกที่ 5 รัฐบาลเอาหมูติดเชื้อตายมาขายประชาชน
ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565 รัฐบาลจัดโครงการขายหมูราคาพิเศษคือ 140 บาท/กิโลกรัม ราคาเดียว ในขณะที่ราคาท้องตลาดตอนนั้น 250 บาท วิสุทธิ์เกิดความสงสัยจึงได้ซื้อเนื้อหมูจากโครงการนั้นไปส่งตรวจที่หน่วยชันสูตรโรคสัตว์กลาง จุฬาฯ 3 ตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างทั้งหมดติดเชื้ออหิวาต์แอฟริกา และเมื่อสุ่มตรวจอีกครั้งในเดือนเมษายน โดยตัวอย่างหมูจากร้านค้าปลีกในตลาดทั่วไป พบว่ายังติดเชื้ออยู่ถึง 75 เปอร์เซ็นต์
วันที่ 11 พฤษภาคม 2565 เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย สรวิศ ธาโตนี อธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้ออกแถลงการณ์ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ปลอดจากโรค ASF และสามารถกำจัดโรคในหมูได้อยู่หมัด
ภายหลังการแถลงการณ์นั้น ส.ส.วิสุทธิ์ ได้หารือกับ ประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อขอนำงบกรรมาธิการไปตรวจสอบว่า สิ่งที่ รมว.เกษตรฯ พูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่ แต่เมื่อตรวจแล้วยังพบตัวอย่างหมูปนเปื้อนเชื้ออยู่ 40 เปอร์เซ็นต์
วิสุทธิ์ชี้ว่า เป็นเรื่องที่ย้อนแย้งอย่างยิ่ง เนื่องจากตามข่าวในปี 2561 กรมปศุสัตว์ย้ำกับประชาชนด้วยตัวเองว่า อย่าบริโภคเนื้อสัตว์ที่ตายเองโดยไม่ได้ถูกฆ่า เพราะเสี่ยงติดเชื้อและสารตกค้าง อีกทั้งยังเตือนผู้จำหน่ายถึงการจำหน่ายเนื้อสัตว์ที่ไม่ได้รับรองจากพนักงานตรวจโรคสัตว์ จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2559
“ท่านเอาอยู่ตรงไหน ท่านประกาศทำไม ท่านหลอกลวงคนไปทั่วโลก หลอกลวงคนไทยทั้งประเทศ หลักฐานผมมี ใครอยากได้มาเอา”
การที่รัฐบาลหลอกลวงเช่นนี้ส่งผลให้อาชีพผู้เลี้ยงหมูล้มละลาย ในตลาดหมู รายใหญ่ที่ใช้ระบบ Bio-security รอด 74 เปอร์เซ็นต์ รายกลางเหลือ 26 เปอร์เซ็นต์ ส่วนรายเล็กเกือบ 2 แสนรายทั่วประเทศตายเรียบ เกษตรกรระดับกลางและย่อยมากกว่า 1 แสนราย สูญเสียอาชีพ
ส.ส.วิสุทธิ์ ระบุถึงการพบเชื้อในเนื้อหมู หมายความว่า กระบวนการผลิตเนื้อหมูไม่ได้คุณภาพและเป็นตัวแปรที่ทำให้เชื้อระบาดอย่างรวดเร็ว เพราะน้ำล้างหมูหรือเลือดหมูหยดลงพื้นเพียงหยดเดียว ก็สามารถทำให้เชื้อแพร่กระจายไม่หยุด
ทั้งหมดนี้ ส่งผลกระทบต่อชีวิตพี่น้องเกษตรกร ต่อชีวิตของประชาชน ส่งผลให้ชาวบ้านเข้าสู่วงจรการเป็นหนี้
กลับกัน สิ่งตอบแทนที่ประชาชนได้รับคือ ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2565 มติ ครม. ประกาศให้ต่ออายุราชการของอธิบดีกรมปศุสัตว์ ผู้ซึ่งเอาหมูตายมาขายประชาชน โดย ส.ส.วิสุทธิ์ ท้วงถามว่า “ทำความดีความชอบสิ่งใดฤา?”
“วันนี้ขอเลยนะครับท่านชวนครับ ท่านประธานที่เคารพเป็นที่พึ่งของผม สั่งนายกฯ หน่อยสิครับว่าให้ทำเรื่องนี้สักที สงสารประชาชนบ้างสิ ท่านก็ไม่มาฟัง ผมพูดนี่เปิดวิทยุฟังบ้างหรือเปล่า มันเป็นเรื่องจริง
“ทั้งนายตำรวจ ทั้งนายทหาร ทั้งในและนอกราชการ เป็นนายหัวให้พวกนี้ (หนี้นอกระบบ) รีดนาทาเร้นพี่น้องประชาชน ทุกข์ยากลำบากจากโควิดมาก็หนักหนาสาหัส ติดหนี้สินจนกลับบ้านไม่ได้ เห็นแล้วแทบหลั่งน้ำตา
“ผมไม่สามารถที่จะไว้วางใจท่านนายกฯ ประยุทธ์และ ครม. ชุดนี้ต่อไปได้ ในสภาล้มท่านไม่ได้หรอก เพราะท่านมีเสียงมากกว่า แต่ประชาชนที่ฟังผมพูดอยู่ตอนนี้ทั้งแผ่นดิน จะให้บทเรียนท่านทันทีเมื่อมีการเลือกตั้งในคูหา”