ที่เราเคยนึกภาพว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือดาบอาญาสิทธิ์ บินลอยอยู่เหนือศีรษะประชาชนทุกคนในประเทศ จะเป็นเพียงเมจิกคัลเรียลลิสม์
แต่ในความเป็นจริง ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ฉันทามติของคนส่วนใหญ่อนุญาตให้เป็นเช่นนั้นแล้ว
ภายใต้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 ที่อนุญาตให้พลเอกประยุทธ์ทำอะไรก็ได้ บวกเข้ากับเสียงส่วนใหญ่ที่เห็นดีเห็นงามให้เกิดอะไรก็ได้ภายใต้อำนาจพลเอกประยุทธ์
บทวิเคราะห์ทางรัฐศาสตร์ใดๆ ย่อมไม่สมจริงเท่ากับการพยายามเดาใจว่า ถ้าฉันเป็นประยุทธ์ในวินาทีนี้ ฉันจะทำอะไร
อย่าถามเซ้าซี้ ปั๊ดโถ่ว อุตส่าห์เสียสละเพื่อบ้านเพื่อเมืองขนาดนี้แล้ว จะเอาอะไรอี๊ก
อาทิตย์ สุริยะวงศ์กุล
ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองเน็ต (Thainetizen)
“สั่งมหาลัยทั่วประเทศ เปลี่ยนคณะนิติศาสตร์เป็นโรงเรียนนิติบริการ เปลี่ยนคณะรัฐศาตร์เป็นโรงเรียนข้าราชการ ยุบสาขาสังคมศาสตร์ที่เหลือทั้งหมดทิ้ง เรียนไปก็ไม่มีประโยชน์ กวนน้ำให้ขุ่นเปล่าๆ
“อย่างสาขาประวัติศาสตร์นี่ก็ไม่เห็นต้องมี กรมประชาสัมพันธ์เขาก็มีหน้าที่เขียนให้อยู่แล้ว ดีมั๊ย ประชาชน 15 ล้านเขาเห็นด้วยกับผมอยู่แล้ว”
ไชยันต์ ไชยพร
อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
“Being John Malkovich”
วรศักดิ์ มหัทธโนบล
นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ ประจำปี 2558
“ผมคิดว่าในกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มันบังคับไว้อยู่แล้วว่าใครก็ตามที่มาเป็นรัฐบาลต้องทำการปฏิรูปครั้งใหญ่ ฉะนั้นถ้าผมเป็นประยุทธ์ ผมก็ต้องปล่อยวางแล้ว จากที่ผมให้สัมภาษณ์ไปครั้งแรกที่เชื่อว่าเขาก็คงไม่อยากเข้ามาทำงานตรงนี้ หรือยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแต่แรกอยู่แล้ว ฉะนั้น ยิ่งประชามติผ่าน เขาก็น่าจะวางใจและก็คงปล่อยให้เป็นไปตามวิถีหรือกลไกหลังจากนี้ต่อไป
“ตอนที่ให้สัมภาษณ์ครั้งแรกก่อนลงประชามติ ผมไม่ได้พูดความในใจของผมครั้งก่อนว่า ผมเชื่อว่ามันผ่าน ตอนนี้มันก็ผ่านจริงๆ ฉะนั้น ผมเองก็ยังคิดว่าคำตอบผมก็ยังไม่เปลี่ยนมากเท่าไร สิ่งที่อยากจะเพิ่มเติมคือผมก็จะขอย้ำว่า สิ่งที่ผมบอกว่าประยุทธ์ เขาไม่ได้เป็นคนที่ต้องการมาเล่นการเมืองหรือเป็นคนติดใจในอำนาจ แต่เขาคงมีความกังวลว่าถ้ามีการเลือกตั้งแล้วการเมืองจะกลับไปสู่จุดเดิมหรือไม่ ร่างรัฐธรรมนูญชุดนี้จึงเกิดขึ้น
“แต่ผมมานั่งคิดดูอีกที ประการแรกผมคิดว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ ค่อนข้างร่างอย่างเคร่งครัดและตีกรอบบทบาทของนักการเมืองเอาไว้มากพอสมควร
“ประการที่สอง คือเรื่องการให้ สว. มีส่วนร่วมในการเลือกนายกรัฐมนตรี ตรงนี้ผมนึกไม่ออกว่าถ้ามีการเลือกตั้งแล้ว หมายความว่านายกฯ ที่ถูกเลือกมา มันมีสิทธิ์เต็มที่ได้หรือเปล่า ดังนั้นสารภาพตรงๆ เลยว่ามองไม่ออก แต่ก็เชื่อว่าคุณประยุทธ์ ไม่ประสงค์ที่จะเล่นการเมืองจริงๆ คืออยากจะปลดภาระตรงนี้ และปล่อยวางออกไป ฉะนั้นข้อวิตกต่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ก็อาจจะต้องลองดู
“พวกเรามีประสบการณ์จากรัฐธรรมนูญปี 40 และ 50 ว่าถึงเราบอกว่ารัฐธรรมนูญปี 40 จะดีที่สุดแล้ว แต่ถึงที่สุดแล้ว พฤติกรรมของนักการเมืองก็ยังเป็นเหมือนเดิม คือหาช่องทางในการโกงกินจนได้
“พอปีรัฐธรรมนูญปี 50 ตีความเข้มงวดมากขึ้น เขาก็ยังมีช่องทางอยู่ดี (หัวเราะ) ฉะนั้นฉบับปี 59 มันเข้มงวดมากขึ้นไปอีก ผมคิดว่า ในที่สุดถ้าคนมันจะตุกติกก็คงหาเรื่องได้ ถึงตอนนั้นการรัฐประหารจะเกิดขึ้นอีกหรือเปล่าก็เป็นเรื่องที่อาจเป็นไปได้ (ถอนหายใจ) แต่ในที่สุดคงไม่ใช่คุณประยุทธ์แล้ว”
กตัญญู สว่างศรี
นักเขียน / พิธีกร / comedian
“ผมจะคิดว่าผมต้องคิดอะไรด้วยจริงๆ เหรอ มันเสียเวลา ถ้าให้ตอบจริงๆ ผมคิดว่าผมจะกินอะไรมื้อเย็นนี้ดีนะ พรุ่งนี้เช้า เที่ยง จะกินอะไร ที่ไหน ผมจะทำอะไรน่ะหรอ? ไร้สาระน่า ผมหาอะไรกินเรื่อยๆ ดีกว่า”
บุญเลิศ วิเศษปรีชา
อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
“ถ้าผมเป็นประยุทธ์ ผมจะเตือนตัวเองว่า อย่าประมาท ขนาดไล่บี้ ไล่จับ คนรณรงค์โหวตโน แล้วอัดข้อดีรัฐธรรมนูญข้างเดียว คะแนนโหวตเยสยังมากกว่า ปี 50 แค่นิดเดียว
“ผมคงต้องคิดหนัก ยิ่งถ้าคิดจะเป็นนายกฯต่อ เกิดกระแสพลิกเหมือนสุจินดา เดี๋ยวจะจบเหมือนพฤษภา’ 35”
ยิ่งชีพ อัชฌานนท์
โครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw)
“ถ้าผมเป็นประยุทธ์ตอนนี้จะรู้สึกดีใจมาก ที่ประชาชนจำนวนมาก ลงคะแนนรับรองร่างรัฐธรรมนูญที่จัดทำขึ้นภายใต้ คสช. แต่ผมจะไม่แสดงความดีใจออกนอกหน้า เพราะมันน่าเกลียด แต่จะทำตัวนิ่งๆ ไว้แล้วมีการงานอะไรก็ทำไป ปล่อยให้ประเด็นร่างรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของ กรธ.
“แต่จังหวะนี้จะดีสำหรับผม ถ้าผมเป็นประยุทธ์ เพราะความสนใจของสื่อมวลชนและสังคมยังอยู่ที่เรื่องประชามติ ถ้ามีอะไรที่เคยอยากทำแต่กลัวคนอื่นรู้ ก็อาศัยทำตอนนี้เลย น่าจะไม่มีใครทันสังเกตเห็น
“ส่วนถ้าเคยอยากได้อำนาจอะไรที่กลัวคนด่า ก็ถือโอกาสนี้บอกให้ กรธ. เขียนไว้ในกฎหมายลูกเสีย เพราะถ้าเขียนไว้ในร่างรัฐธรรมนูญแต่แรกกลัวคนจะรู้ แล้วเดี๋ยวจะโหวตโนกันเยอะ หลังจากนี้โอกาสที่คนจะรู้หรือจะตัดสินใจมีน้อยแล้ว อยากได้อะไรก็คงใส่ได้
“ส่วนถ้าผมมีความกังวลอะไรหลงเหลืออยู่ ว่าทางข้างหน้าประเทศไทยจะไม่เดินไปแบบที่ผมอยากให้เป็น ผมก็จะเขียนไว้ในยุทธศาสตร์ชาติเลย ง่ายๆ แล้วตอนนี้ก็สบายใจแล้วเพราะรัฐบาลหน้ายังไงก็ต้องทำ เตรียมตั้ง ส.ว. 250 คน เสร็จแล้วก็เก็บของไปพักผ่อนได้
“จริงๆ ยังมีช่องทางให้ผม (ในฐานะประยุทธ์) กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ไม่ยาก ถ้าผมยังอยากเป็นก็ใช้ ส.ว. 250 คนตั้งผมเป็นนายกฯ เสีย อาศัยมาตรา 272 กับคำถามพ่วง แต่ผมคงไม่อยากเป็นแล้ว เพราะสองปีกว่าที่ผ่านมาเหนื่อยแล้ว ทำงานหนักแล้วก็เห็นแล้วว่าแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้ อยู่ต่อไปก็โดนด่า เตรียมตัวไปพักยาวดีกว่า ให้ทหารคนอื่นมาโดนด่าต่อแทน”