ChatGPT คือปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เปิดตัวเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2022 ในฐานะแชทบอท (Chatbot) โดย Open AI หน่วยงานวิจัยและพัฒนาปัญญาประดิษฐ์สัญชาติอเมริกา ChatGPT มีเป้าหมายเพื่อให้ข้อมูลรวมไปถึงช่วยเหลือผู้ใช้งาน (user) ผ่านการตอบคำถาม
“My purpose is to assist you with information and answer your questions”
แม้จุดประสงค์ของ ChatGPT จะมีเพียงเท่านั้น (แถมยังถูกย้ำเตือนซ้ำๆ บนหน้าเว็บไซต์) แต่ความสามารถของ ChatGPT กลับไม่ใช่แค่การถาม-ตอบ หรือมอบองค์ความรู้ให้แก่ผู้ใช้งานเพียงโดดๆ AI ตัวนี้สามารถช่วยออกแบบ วางแผน รวมไปถึงทำงานแทนผู้ใช้งานได้ภายใต้ขอบเขตความสามารถที่ถูกป้อนไว้ให้โดยผู้พัฒนา
ตัวอย่างเช่น หากขอให้ ChatGPT แนะนำไอเดียสำหรับจัดงานวันเกิดให้เด็กวัย 10 ขวบ AI ก็จะประมวลผลออกมาให้ทั้งหมด 5 แนวทาง พร้อมอธิบายเหตุผลประกอบการเลือก รวมไปถึงให้คำแนะนำกับผู้ใช้งานว่าควรจะเลี้ยงดูเด็กน้อยคนนี้อย่างไร
นี่เป็นตัวอย่างคำถามที่ปรากฏในหน้าแรกของเว็บไซต์ https://chat.openai.com/chat เพื่อพูดคุยกับ ChatGPT ซึ่งหากพิจารณาก็จะพบว่า AI น้องใหม่ตัวนี้ สามารถให้คำตอบกับผู้ใช้งานได้ตั้งแต่คำถามซึ่งเกี่ยวข้องกับศาสตร์ความรู้และทักษะ ไปจนถึงให้คำแนะนำวิธีจัดการชีวิตประจำวันของมนุษย์
นอกเหนือจากนั้นก็ยังปรากฏข้อความที่คล้ายเป็นเงื่อนไข และอาจถือเป็นข้อตกลงระหว่างโปรแกรมกับผู้ใช้งานไว้ 3 หัวข้อ คือ ตัวอย่างคำถาม สิ่งที่ทำได้ และข้อจำกัดของตัวเอง หากแต่อีกหลายข้อจำกัดของ ChatGPT ที่ไม่ได้ระบุไว้ อาจปรากฏขึ้นในคำถามที่ต้องการคำตอบเกี่ยวกับความคิดเห็น (opinion) และความรู้สึก (emotion)
ChatGPT เป็นแชทบอทที่มีผู้เข้าใช้เกิน 1 ล้านคนในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ โดยรูปแบบการพูดคุยของ ChatGPT อยู่ภายใต้หลักการ ‘ติดตามผล ยอมรับข้อผิดพลาด ท้าทายข้อสันนิษฐาน และปฏิเสธคำขอที่ไม่เหมาะสม’ ในเวอร์ชันแรกๆ ของ ChatGPT ได้รับการปรับแต่งอย่างละเอียดผ่านการสนทนากับผู้ฝึกสอนที่เป็นมนุษย์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอยู่ในขั้นของการประมวลความคิดเห็นจากผู้ใช้งาน โดยทางผู้พัฒนาเองยังยืนยันว่าคำตอบที่จะได้จาก ChatGPT อาจไม่ได้ถูกต้องทั้ง 100% และบางครั้งก็อาจสร้างคำแนะนำที่เป็นอันตรายหรือแสดงเนื้อหาที่แฝงอคติ
ทักษะของ ChatGPT ที่เข้าใกล้กับวิถีการใช้ชีวิตของมนุษย์มากขึ้นกว่าปัญญาประดิษฐ์ตัวอื่นๆ ก่อนหน้า ถูกพูดถึงในแวดวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แน่นอนว่าความกังวลว่า AI จะยึดงาน-แย่งทักษะไปจากมนุษย์ ยังคงเป็นประเด็นที่ถูกหยิบมาถกเถียงหาความเป็นไปได้ในทุกครั้งที่มีการพัฒนาขึ้นของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
ความกังวลนั้นถูกฉายชัดผ่านข้อเสนอของสตีเฟน ฮอว์กิง (Stephen Hawking) นักจักรวาลวิทยาและนักฟิสิกส์ทฤษฎีชาวอังกฤษผู้ล่วงลับ โดยเฉพาะเมื่อมนุษย์ใช้ AI เป็นแหล่งข้อมูลขนาดยักษ์ที่สามารถพัฒนาองค์ความรู้ได้อย่างก้าวไกล อีกทั้ง AI ยังกลายเป็นฐานข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เก็บสะสมได้แม้แต่วิธีคิดและกระบวนการใช้ชีวิตของมนุษย์เอง
ในปี 2017 ฮอว์กิงได้พูดถึงเรื่องนี้ในนิตยสาร WIRED โดยกล่าวว่าแม้รูปแบบดั้งเดิมของ AI จะมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อมนุษย์ แต่ความสามารถอันเทียบเท่าหรืออาจจะล้ำเกินมนุษย์ไปอีกนั้นอาจทำให้เทคโนโลยีอัจฉริยะเหล่านี้ถูกนำมาแทนที่มนุษย์โดยสิ้นเชิง
ซึ่งนั่นเป็นหนึ่งในข้อกังวลของผู้ใช้งาน ChatGPT เพราะความสามารถที่ปัญญาประดิษฐ์ตัวนี้มี อาจเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ในบางสาขางานได้อย่างง่ายดาย
ฮอว์กิงให้คำนิยามนวัตกรรมชาญฉลาดเหล่านั้นว่า ‘สิ่งมีชีวิตรูปแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพเหนือมนุษย์’
เขาเชื่อว่าถ้ามนุษย์สามารถสร้างไวรัสคอมพิวเตอร์ขึ้นมาได้ ก็จะมีมนุษย์คนอื่นๆ ออกแบบ AI ที่สามารถพัฒนาและจำลองตัวเองเพื่อต่อกรกับสิ่งนั้นได้ ซึ่งเมื่อมองย้อนมาถึงการพัฒนาและรวบรวมข้อมูล ChatGPT ก็อาจเกิดเป็นคำถามต่อไปว่า หากข้อมูลที่ AI ให้คำตอบมาไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องทั้งหมด เราในฐานะผู้ใช้งานทั่วไปจะมีวิธีการตรวจสอบด้วยตัวเองได้อย่างไร และจะต้องใช้ผู้พัฒนาระบบที่มีองค์ความรู้มากเท่าไรจึงจะสามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลจำนวนมากมายมหาศาลนั้นได้
แม้ฮอว์กิงจะเชื่อว่ามนุษย์ไม่อาจเอาชนะสภาวะการเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างแท้จริง แต่ข้อเสนอเหล่านั้นก็ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ขณะที่เทคโนโลยีอย่าง ChatGPT กำลังถูกพัฒนาต่อไป มนุษย์เองก็ยังต้องใช้งานมันอย่างมีวิจารณญาณเช่นกัน
อ้างอิง
ChatGPT: New AI chatbot has everyone talking to it
Stephen Hawking: AI will be ‘either best or worst thing’ for humanity
Stephen Hawking warns artificial intelligence could end mankind
Author
