“เอ๊ะ แปลก หลังๆ ไม่ได้ดูประจำ เดี๋ยวนี้เชียร์คุณอนุทินแล้วหรือ?”
ข้างต้นคือคอมเมนต์จากเฟซบุ๊กส่วนตัวของสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ต่อโพสต์ของเพจไข่แมวX ที่วาดการ์ตูนสนับสนุนนโยบายรักษามะเร็งฟรีของพรรคภูมิใจไทย
ภาพการ์ตูน 3 ช่อง ที่คุ้นตาตามสไตล์ไข่แมวX ประกอบไปด้วย บิลค่ารักษามะเร็ง 2xx,xxx บาท คนไข้ที่น้ำลายฟูมปากเพราะกระอักค่าใช้จ่ายมหาศาล และอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ถือป้าย ‘มะเร็งรักษาฟรี’ พร้อมแอ็กชันถีบหมอที่ถือบิลค่ารักษาลงหุบเหวเฉกเช่นฉากในตำนานของภาพยนตร์เรื่อง 300 (2006)
นอกจากสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล แล้ว โพสต์ของไข่แมวX เมื่อวันที่ 14 เมษายน ที่ผ่านมา สร้างข้อถกเถียงบนโลกออนไลน์โดยมีประเด็นที่น่าสนใจคือ การรักษามะเร็งฟรีไม่ใช่สิ่งใหม่ เพราะผู้ถือสิทธิบัตรทองก็สามารถรักษามะเร็งฟรีตามหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
16 เมษายน อธึกกิต แสวงสุข คอลัมนิสต์ที่รู้จักในนามปากกา ‘ใบตองแห้ง’ ระบุผ่านเฟซบุ๊กของตนว่า บัตรทองรักษามะเร็งฟรีเป็นสิ่งที่มีมาตั้งแต่ปี 2545 และพัฒนาเรื่อยมากระทั่งปี 2564 ที่ผู้ป่วยสามารถเข้ารักษาที่สถาบันมะเร็งโดยไม่จำเป็นต้องถูกส่งต่อเฉกเช่นระยะแรก ซึ่งนโยบายของพรรคภูมิใจไทยหนนี้ เป็นเพียงการซื้อเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งให้โรงพยาบาลทุกจังหวัด แต่อ้างว่าเป็นการรักษามะเร็งฟรี
อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าการพยายามนำเสนอตัวเอง นับเป็นส่วนหนึ่งของการหาเสียงที่เข้าใจได้ แม้จะอาศัยการบิดคำเสียใหม่ก็ตาม แต่ถ้าย้อนมองการรักษามะเร็งฟรี ก็มีคำถามที่น่าสนใจว่า เหตุใดนโยบายรัฐที่สังคมรับรู้กันมานานแล้ว จึงถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือหาเสียงบนป้ายไวนิลข้างถนน หรือกระทั่งตามมีมของเพจและอินฟลูเอนเซอร์ต่างๆ
หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ‘30 บาท รักษาทุกโรค’ (ครอบคลุมโรคมะเร็ง)
ย้อนไปในทศวรรษ 2530 สังคมไทยมีระบบสวัสดิการและหลักประกันสุขภาพ 5 ระบบ ได้แก่ ระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ ระบบประกันสังคม ระบบประกันสุขภาพโดยสมัครใจ (โครงการบัตรสุขภาพ) โครงการสวัสดิการประชาชนด้านการรักษาพยาบาล (สปร. หรือบัตรอนาถา) และระบบประกันสุขภาพของภาคเอกชน (ประกันชีวิต) หากแต่ยังพบผู้ที่ไม่ได้สิทธิหรือกลุ่มตกหล่นจำนวนมาก จึงมีความพยายามผลักดันระบบประกันสุขภาพนับแต่นั้น
ปี 2533 นายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ หรือ ‘หมอสงวน’ อดีตเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีความพยายามผลักดันร่าง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ แต่ถูกปัดตกไปในสมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย
ปี 2544 ท่ามกลางบรรยากาศเลือกตั้งในขณะนั้น หมอสงวนศึกษาความเป็นไปได้และงบประมาณสำหรับแผนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติใหม่หรือที่เรียกว่า ‘สมุดปกเหลือง’ และเริ่มเดินสายนำเสนอให้กับพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งพรรคไทยรักไทยของ พลตำรวจโททักษิณ ชินวัตร เห็นถึงความเป็นไปได้ นำไปต่อยอดเป็นนโยบาย ‘30 บาทรักษาทุกโรค’
ปี 2545 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ถูกประกาศใช้ โดยให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงสิทธิการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียมกันผ่านชื่อคุ้นหูคือ ‘บัตรทอง’
หากขีดเส้นการมีบัตรทองในปี 2545 กว่า 10 ปีก่อนหน้านั้น อายุขัยเฉลี่ยของคนไทยอยู่ที่ประมาณ 70-71 ปี แต่ 10 ปีหลังจากมีบัตรทอง อายุขัยคนไทยก็มีค่าเฉลี่ยสูงขึ้น เฉพาะปี 2557 มีค่าอายุขัยเฉลี่ย 74-75 ปี
งานศึกษาเรื่อง The Great Equalizer: Health Care Access and Infant Mortality in Thailand ของ กรูเบอร์ เฮนเดรน และทาว์นเซน (Gruber, Hendren and Townsend) (2014) ค้นพบว่า โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค ทำให้อัตราการตายของเด็กและทารกลดลง 13-30 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบระยะเวลา 1 ปี ระหว่างก่อนและหลังการเริ่มโครงการ
ถึงอย่างไร โครงการนี้ก็มีข้อเสียหลายมิติ เช่น ไม่ครอบคลุมการรักษาโรคเรื้อรังที่มีใช้ระยะเวลารักษาเกินกว่า 180 วัน ใช้สิทธิได้เฉพาะกับโรงพยาบาลรัฐ หรือกระทั่งขั้นตอนที่ยุบยับจากกรณี ‘ใบส่งตัว’ ที่ผู้ป่วยต้องใช้ใบสำคัญดังกล่าวจากโรงพยาบาลตามสิทธิ สำหรับเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอื่นหากอยู่นอกพื้นที่
สำหรับกรณีรักษาโรคมะเร็ง ในช่วงตั้งไข่ของโครงการ ผู้ป่วยต้องรอการส่งตัวและอาจไม่ได้รับการรักษาทันที แต่ปัจจุบัน สปสช. ยืนยันว่า ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองสามารถเลือกไปรักษาที่หน่วยบริการที่มีศักยภาพในการรักษา โดยไม่จำเป็นต้องรอรักษากับหน่วยบริการใกล้บ้าน
(Not all) บุคคลย่อมมีสิทธิ
ข้อสังเกตคือ รัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 47 ว่าด้วยบุคคลย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐ บุคคลผู้ยากไร้ย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายบัญญัติ บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่มีคำว่า ‘เสมอกัน’ ซึ่งแตกต่างจากรัฐธรรมนูญปี 2540 มาตรา 52 และรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 51 ว่าด้วยสิทธิการได้รับการรักษาพยาบาลจากรัฐ ที่ระบุว่า บุคคลย่อมมีสิทธิ ‘เสมอกัน’ …
ปี 2559 โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรอบแรก ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการคัดแยก ‘คนจน’ หรือ ‘ผู้ยากไร้’ ออกมา เพื่อให้คนกลุ่มนี้เข้ารับบริการ ‘สงเคราะห์’ จากรัฐ
ปี 2561 แผนปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขในราชกิจจานุเบกษา หัวข้อระบบหลักประกันสุขภาพ เป้าหมายระยะ 20 ปี ระบุตอนหนึ่งว่า “…และมีการร่วมรับผิดชอบภาระค่าใช้จ่ายตามกำลังความสามารถในการจ่าย” ซึ่งหมายถึง ต้องการให้ประชาชนร่วมจ่ายตามฐานะของตัวเอง
ปี 2562 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 74 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยพูดถึงความสำเร็จด้านสาธารณสุขของไทยที่มีพื้นฐานจากระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า แม้ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นปฏิปักษ์กับนโยบาย 30 บาท อย่างชัดเจน
กรรณิการ์ กิจติเวชกุล กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติสัดส่วนภาคประชาชน ให้สัมภาษณ์กับประชาไท ถึงประเด็นข้อกฎหมายที่ค่อยๆ เปลี่ยนรูปของระบบหลักประกันสุขภาพว่า สิ่งนี้สะท้อนว่ารัฐมองคนไม่เท่ากัน รัฐมองว่าไม่จำเป็นต้องถ้วนหน้าและไม่จำเป็นต้องดูแลทุกคน เมื่อรัฐมองคนไม่เท่ากัน นโยบายรัฐก็จะดูแลแค่คนจน
ฉะนั้นแล้ว การหาเสียงด้วยนโยบาย ‘มะเร็งรักษาฟรี’ จึงอาจเป็นจุดขายที่มีกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง
ทั้งนี้ 16 เมษายน 2566 เพจเฟซบุ๊ก Drama-Addict แสดงความเห็นว่า ประชาชนทั่วไปน่าจะรู้อยู่แล้วว่า มะเร็งอยู่ในกลุ่มโรคที่รักษาฟรี ตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ซึ่งหลายๆ รัฐบาล จนถึงปัจจุบันก็รับช่วงต่อและพัฒนาเรื่อยมา การรักษามะเร็งจึงครอบคลุมเกือบทุกชนิด
โดยทิ้งท้ายว่าพรรคการเมืองที่กำลังหาเสียงต้องไม่เคลมว่า จะรักษามะเร็งฟรี เพราะมันฟรีอยู่แล้วตั้งแต่ต้น แต่ไปเน้นประเด็นการทำให้คนยากคนจนเข้าถึงจุดบริการได้ง่ายขึ้น น่าจะตรงประเด็นมากกว่า
อ้างอิง
- มายาคติ ‘บัตรทอง’ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าคือภาระ และทำให้คนไม่ดูแลสุขภาพ
- 30 บาทรักษาทุกโรค
- ย้อนรอย “หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า” พลิกโฉมระบบสุขภาพไทย
- สปสช. ย้ำ ผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง “รักษามะเร็งฟรี” เลือกหน่วยบริการที่มีศักยภาพที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศ
- วิจารณ์พรรคหาเสียง เคลม ‘มะเร็งรักษาฟรี’ ทั้งที่ฟรีอยู่แล้ว
- อนุทินไม่รู้จักว่า ‘ไข่แมว’ คืออะไร เผยไม่ต้องจ้างใครมาเชียร์ เป็น ‘อินฟลูเอนเซอร์’ ด้วยตัวเองอยู่แล้ว
- ปากคำ ‘พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ อวดผลงาน ‘หลักประกันสุขภาพฯ’ บนเวที UN
- ตามรอยเส้นทางบ่อนทำลาย 30 บาทรักษาทุกโรค เมื่อสุขภาพคน 48 ล้านคนคือภาระ