ประเทศไทยยังเหลือเวลาวางแผนรับมืออีกราว 3-4 เดือน กว่าสถานการณ์ปัญหาฝุ่นควันภาคเหนือที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่านับสิบปีจะเวียนกลับมาหาอีกครั้ง แต่สำหรับประชาชน รัฐบาลท้องถิ่น และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายใต้อากาศหายใจร่วมกันในเดลี ประเทศอินเดีย ขณะนี้ถึงเวลาที่ต้อง ‘รับมือกับปัญหาจริง’ จากมลพิษทางอากาศที่รุนแรงถึงระดับ “เกินระดับที่รับได้”
เว็บไซต์ AirQuality.com ระบุว่าดัชนีชี้วัดคุณภาพอากาศ (Air Quality Index: AQI) เดลี วัดที่กรุงนิวเดลีเมื่อเวลาประมาณ 11 โมงวันนี้ (4 พฤศจิกายน) อยู่ที่ 534 หรือสูงเกินกว่าเกณฑ์ดัชนีที่มีอยู่ (beyond index) ดัชนีนี้อาจตีความอย่างง่ายได้ว่า ปอดของชาวเดลีประมาณ 40 ล้านคนกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงด้านสุขภาพ
ท้องฟ้าของเดลีถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นละอองจนเห็นเป็นสีขาวสลัว ระหว่างที่ประชาชนกำลังรอให้ถึงวันพฤหัส ซึ่งเป็นวันที่พยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตก โดยหวังว่าความรุนแรงของสภาพอากาศจะถูกชะให้เบาบางไปกับสายน้ำ อาร์วินด์ เคจรีวัล (Arvind Kejriwal) มุขยมนตรีประจำเดลีก็ยอมรับว่า ปัจจุบันเมืองทั้งเมืองกลายเป็น ‘ห้องรมแก๊ส’ จากระดับมลภาวะทางอากาศที่ถึงระดับเกินรับไหว เคจรีวัลกล่าวว่าหลายพื้นที่มีคุณภาพอากาศในระดับอันตรายและเสี่ยงก่อโรคทางเดินหายใจแก่ประชาชน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเครื่องบินมากกว่า 30 เที่ยวต้องเปลี่ยนเส้นทางการบินไปจอดยังสนามบินอื่น ยังไม่รวมเที่ยวบินทั้งขาออกและขาเข้าอีกกว่า 500 เที่ยวต้องล่าช้ากว่ากำหนดจากทัศนวิสัยในม่านฝุ่นที่เลวร้าย
มลภาวะทางอากาศมาจากไหน
เมื่อเย็นวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ข้อมูลจากศูนย์คณะกรรมการควบคุมมลภาวะ (Central Pollution Control Board: CPCB) ระบุว่าดัชนีชี้วัดคุณภาพอากาศเฉลี่ย 24 ชั่วโมงในเดลีอยู่ที่ 494 หรือระดับ ‘อันตราย’ ซึ่งเป็นระดับมลภาวะสูงสุดจากการจัดอันดับ AQI สหรัฐที่มีทั้งสิ้น 6 ระดับตั้งแต่ 0-500 ตัวเลขดังกล่าวเป็นสถิติมลภาวะทางอากาศสูงสุดของปีนี้ ใกล้เคียงกับสถิติเก่าที่วัดได้ในเดือนพฤศจิกายนเมื่อปี 2016 ที่ 497 ส่วนปริมาณอนุภาคขนาดเล็ก PM2.5 และ PM10 ในเดลีวันนี้ยังอยู่ในระดับ ‘รุนแรง’ สูงกว่าค่ามาตรฐาน
ปัจจุบันกลายเป็นเรื่องปกติที่เดลีต้องเผชิญกับมลภาวะทางอากาศเช่นนี้ในช่วงเวลาประมาณเดือนพฤศจิกายนของทุกๆ ปี มลภาวะทางอากาศที่กำลังเป็นปัญหาในเดลีประกอบด้วยอนุภาคขนาดเล็ก (Particular Matter: PM) คาร์บอนไดออกไซด์ ไนโตรเจนไดออกไซด์ และซัลเฟอร์ไดออกไซด์
ไอเสียจากรถยนต์ในเดลีอาจมีส่วนทวีความรุนแรงของปัญหาเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่สาเหตุหลักของการเกิดมลภาวะทางอากาศในครั้งนี้กลับมาจากรัฐปัญจาบและรัฐหรยาณาที่อยู่ข้างเคียง ซึ่งมีการเผากำจัดเศษวัสดุทางการเกษตรหลังเก็บเกี่ยว
ที่น่าสนใจคือ เทศกาลดิวาลี (Diwali) หรือเทศกาลแห่งแสงสว่างตามความเชื่อของศาสนาฮินดูเมื่อสัปดาห์ก่อนก็เป็นส่วนหนึ่งที่ก่อมลภาวะเช่นกัน เนื่องจากมีการจุดพลุและดอกไม้ไฟเพื่อเฉลิมฉลองจำนวนมาก นอกจากนี้ฝุ่นควันจากการก่อสร้างและไอเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สภาพอากาศในเดลียิ่งเลวร้ายลงด้วย
การรับมือของรัฐบาลท้องถิ่น
ในวันที่ 1 พฤศจิกายน เดลีประกาศ ‘สถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข’ รัฐบาลประจำสหภาพเดลี พยายามแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการออกนโยบายให้เจ้าของรถยนต์ส่วนตัวที่มีป้ายทะเบียนเลขคู่และเลขคี่สลับกันขับคนละวันเพื่อลดจำนวนยานพาหนะบนท้องถนน ต้นเหตุหนึ่งของการเกิดมลภาวะทางอากาศ นอกจากนี้ยังแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกอาคาร โดยเฉพาะในช่วงเช้าและช่วงค่ำ หลีกเลี่ยงพื้นที่มลพิษ ปิดประตูและหน้าต่างบ้าน รวมถึงสวมหน้ากากอนามัยที่สามารถกันฝุ่นในกรณีไม่สามารถหลีกเลี่ยงการสัมผัสอากาศภายนอกได้
เช่นเดียวกับมาตรการรับมือปัญหามลภาวะทางอากาศในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ โรงเรียนหลายแห่งในเดลีประกาศหยุดเรียนชั่วคราวจนถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน มีการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้เด็กๆ ตามสถานศึกษารวมแล้วหลายล้านชิ้น ส่วนโครงการก่อสร้างถูกระงับไว้ก่อน
อย่างไรก็ตาม บางมาตรการดูจะเรียกความไม่พอใจจากประชาชนมากกว่าจะเรียกความเชื่อมั่น เช่น ฮาร์ช วาร์ธาน (Harsh Vardhan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการครอบครัวแนะนำให้ประชาชน “กินแครอต” เพื่อป้องกันอาการมองเห็นไม่ชัดในที่สลัวและอาการอื่นๆ จากมลภาวะที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่วน ประกาศ ชวดีการ์ (Prakash Javadekar) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมซึ่งควรเป็นแรงหลักในการคิดหามาตรการรับมือกลับนิ่งเฉยและแนะนำให้ประชาชน “เริ่มต้นวันใหม่ด้วยเสียงเพลง” พร้อมลิงค์เพลงเพราะในยูทูบผ่านแอคเคาน์ทวิตเตอร์ ก่อนจะหันเหไปทวีตเรื่องอื่นต่อเมื่อมีคนเข้ามาทวงถามถึงหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรี
สุนิล ภารลา (Sunil Bharala) รัฐมนตรีรัฐอุตรประเทศ รัฐข้างเคียงติดกับเดลี ซึ่งประชาชนส่วนหนึ่งทำการเกษตรและเผาเศษวัสดุหลังเก็บเกี่ยวจนเป็นเหตุให้เกิดมลภาวะทางอากาศ ก็ออกมาแย้งว่า การเผาตอซังเป็นวิถีธรรมชาติและไม่ได้ก่อมลภาวะมาก แต่รัฐบาลควรแก้ไขปัญหามลภาวะด้วยการประกอบพิธี ‘ยากนา’ (Yagna) เพื่อขอฝนอย่างที่เคยเป็นประเพณีปฏิบัติกันมา คำแนะนำนี้สร้างความไม่พอใจแก่ประชาชนอินเดียเนื่องจากแม้จะเป็นพิธีกรรมดั้งเดิม แต่ต้องใช้ไฟจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงเป็นเครื่องบูชา
ผลกระทบต่อสุขภาพ
ยังมีผู้คนอีกมากที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงมลภาวะทางอากาศนอกอาคารได้ สาชิน มัตธุร์ (Sachin Mathur) คนขับรถโดยสารริคชอว์ (rickshaw) วัย 31 ปี กล่าวว่าเขาจำต้องทำงานข้างนอก มัตธุร์เริ่มมีปัญหาหายใจลำบากและแสบตาจนแทบลืมตามองถนนไม่ขึ้น เขาเจ็บป่วยจากอาการคอติดเชื้อแต่ไม่สามารถเดินทางไปโรงพยาบาลได้ เนื่องจากฝุ่นควันทำให้ผู้โดยสารไม่กล้าออกจากบ้านมากขึ้น หมายถึงมัตธุร์ไม่สามารถเจียดเงินรายได้ที่ลดลงไปหาหมอได้
โรงพยาบาลหลายแห่งในกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดียในเดลีรายงานว่าจำนวนผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน อย่างไรก็ตามในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คนเดลีจำนวนมากตื่นตัวเรื่องอันตรายจากมลภาวะทางอากาศมากขึ้น เห็นได้จากประชาชนมีพฤติกรรมการสวมหน้ากากอนามัยกันฝุ่นและการเก็บตัวอยู่ในอาคารที่มิดชิดเป็นเรื่องปกติ
งานวิจัยหลายฉบับสรุปไว้ว่า มลภาวะทางอากาศส่งผลกระทบต่อเด็กในแง่สุขภาพโดยตรง ส่วนการหยุดเรียนเนื่องจากสภาวะอากาศไม่มีผลทำให้การเรียนของเด็กๆ ตกลง
องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) กล่าวว่า เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีที่ได้รับอากาศไม่บริสุทธิ์ส่วนมากมีปัญหาสุขภาพรุนแรงตามมาหลังจากนั้น โดยยิ่งอายุน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งเปราะบางต่อคุณภาพอากาศ เนื่องจากปอดของเด็กอยู่ในช่วงกำลังพัฒนา และเด็กมีอัตราการหายใจถี่กว่าผู้ใหญ่ จึงได้รับสารก่อมลภาวะมากกว่า โดยโรคที่พบมาก เช่น โรคหอบหืด นอกจากนี้งานวิจัยสหราชอาณาจักรพบว่าเมื่อผู้ปกครองขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียน เด็กจะได้รับมลภาวะมากกว่าผู้ใหญ่ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากระดับส่วนสูงทำให้เด็กอยู่ใกล้ท่อไอเสียรถมากกว่า
มลภาวะทางอากาศยังมีผลต่อสมองของเด็กในด้านการพัฒนาความรู้ความเข้าใจและสุขภาพจิต งานวิจัยเมื่อปี 2014 ค้นพบว่ามลภาวะทางอากาศมีผลทำให้ประสิทธิภาพการทำข้อสอบของเด็กชาวอิสราเอลลดลง
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เด็ก-เยาวชนในเดลีออกมาประท้วงเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลท้องถิ่นออกมาตรการแก้ไขและป้องกันปัญหามลภาวะทางอากาศอย่างยั่งยืนในระยะยาว
“เห็นอยู่ว่าปัญหานี้รุนแรงขนาดไหน และน่ากลัวไม่น้อยที่เราไม่สามารถเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้” ชัยวิพรา (Jaivipra) หนึ่งในผู้ประท้วงกล่าว “เรากังวลถึงอนาคตและสุขภาพของตัวเอง แต่เราต่อสู้ในนามเด็กๆ และผู้ใหญ่ทุกคนที่ประสบปัญหาใหญ่หลวง ณ ที่นี่”
อ้างอิงข้อมูลจาก: bbc.com theguardian.com economist.com/the-economist-explains economist.com news18.com air-quality.com |