เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ได้ออกประกาศเตือนพื้นที่เสี่ยงจากน้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคตะวันออก ในช่วงวันที่ 28 กรกฎาคม ถึง 3 สิงหาคม นี้
12 จังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังน้ำหลากและดินถล่ม ได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก น่าน สระแก้ว จันทบุรี ตราด กาญจนบุรี เพชรบุรี ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช
ส่วนพื้นที่ที่ตัองเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมขัง มีดังนี้
ภาคเหนือ
- ห้วยแม่ตื่น อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่
- ลำน้ำว้า อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน
- แม่น้ำยวม อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
- แม่น้ำเมย อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก
- ลำน้ำแควน้อย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- ลำน้ำยัง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด
ภาคตะวันออก
- แม่น้ำปราจีนบุรี อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี
จนถึงวันนี้ เป็นเวลาร่วมสัปดาห์แล้วกับเหตุการณ์พายุฝนกระหน่ำอย่างหนักต่อเนื่องในพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก แม่น้ำเมยที่กั้นกลางระหว่างพรมแดนไทย-เมียนมา ได้เพิ่มระดับน้ำสูงขึ้นเฉียบพลันและล้นตลิ่ง จากการตรวจตรวจวัดระดับแม่น้ำเมยเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2564 พบว่า น้ำเพิ่มสูงเกือบ 2 เมตร โดยเฉพาะหมู่บ้านในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเมยถูกน้ำท่วมสูง 50-100 เซนติเมตร กระทั่งไหลบ่าท่วมตลาดริมเมย บริเวณสะพานมิตรภาพเชื่อมประเทศไทยกับเมียนมา ส่งผลให้ร้านค้าและบ้านเรือนนับร้อยได้รับผลกระทบ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สอดต้องตัดกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ที่น้ำท่วมสูงเพื่อป้องกันอันตราย ขณะเดียวกัน ร้านค้าจำนวนมากได้เร่งขนย้ายสินค้าเพื่อป้องกันความเสียหาย ส่วนประชาชนในพื้นที่ต่างก็เร่งอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย
ผลกระทบจากอุทกภัยครั้งนี้กินพื้นที่เกือบทุกตำบลในอำเภอแม่สอด โดยเฉพาะ ตำบลแม่ปะเหนือ ซึ่งมีถนนสายแม่ระมาด-แม่สอด กั้นขวางทางน้ำ ทำให้น้ำไม่สามารถไหลข้ามถนนลงสู่แม่น้ำเมยได้สะดวก ถนนหลายสายไม่สามารถสัญจรได้ เนื่องจากน้ำท่วมเเละดินโคลนถล่ม พื้นที่เกษตรและบ้านเรือนจำนวนมาก ณ ขณะนี้จึงถูกท่วมขังและรอการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ต่อไป
ส่วนที่บ้านห้วยกะโหลก ตำบลแม่ปะ ขณะนี้เกิดน้ำท่วมด้านทิศเหนือของหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ต้องใช้เรือท้องแบนเข้าช่วยเหลือขนย้ายสิ่งของมีค่าออกมาไว้ที่ถนนและศาลาอเนกประสงค์ของหมู่บ้าน
ส่วนสถานการณ์ที่บริเวณบ้านท่าวังผา อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก ถนนสายบ้านวังแก้ว-บ้านวังผา ถูกตัดขาดจากน้ำเมยที่เอ่อท่วมปิดเส้นทาง รถทุกชนิดไม่สามารถข้ามเส้นทางดังกล่าวได้ และบ้านเรือนในหมู่บ้านวังผาจำนวน 670 หลังคาเรือน ถูกน้ำท่วมทั้งหมด
ด้าน ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เผยว่า ตามประกาศกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ เรื่อง การเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลากและน้ำล้นตลิ่ง ฉบับที่ 5/2564 เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าประเทศไทยจะมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ในช่วงวันที่ 28 กรกฎาคม ถึง 3 สิงหาคม 2564 จากอิทธิพลของร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทยตอนบน และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรง ซึ่งจากการติดตามประเมินสถานการณ์ในแม่น้ำสายต่างๆ พบว่า ระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จึงสั่งการให้โครงการชลประทานในพื้นที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้ตรวจสอบสภาพอาคารชลประทานให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ เร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำเพื่อเตรียมรับมือและป้องกันน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ชุมชน ตามมาตรการป้องกันเหตุที่ได้กำหนดไว้ รวมไปถึงการกำหนดพื้นที่เสี่ยง และกำหนดเจ้าหน้าที่รับผิดชอบประจำจุด เตรียมพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือต่างๆ เพื่อให้สามารถเข้าไปช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัยได้อย่างรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์
ด้าน มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ จุดแม่สอด ได้ชุดเตรียมเฉพาะกิจเพื่อออกช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมบริเวณบ้านริมเมย และปฏิบัติการนำข้าวกล่องไปแจกจ่ายเบื้องต้นให้แก่ชาวบ้านบ้านหวังผาที่ถูกน้ำท่วมตัดขาดเส้นทางการเข้าออก โดยสามารถเข้าถึงประชาชนได้ผ่านการใช้เรือเท่านั้น ซึ่งในขณะนี้ ทางมูลนิธิฯ ยังคงต้องการข้าวกล่องและอาหารแห้งจำนวนมาก เพื่อนำไปแจกจ่ายให้ประชาชนที่ติดอยู่ในพื้นที่อีกหลายร้อยชีวิต
อุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ อาจเรียกได้ว่าเป็น ‘ภัยพิบัติซ้อนภัยพิบัติ’ การระบาดของโรคที่ลากยาวและรุนแรงขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลให้โรงพยาบาลหลักและโรงพยาบาลสนามหลายแห่งล้นไปด้วยผู้คน บุคลากรทางการแพทย์กำลังอ่อนแรงกับการต้องรับมืออยู่ด่านหน้ามาเป็นเวลานาน เศรษฐกิจที่ถดถอยและรายได้ที่หายไปของประชาชนจำนวนมากส่งผลกับชีวิตความเป็นอยู่โดยตรง และเป็นที่น่ากังวลอย่างมากถึงศักยภาพในการรับมือและเยียวยาประชาชนจากอุทกภัยครั้งนี้