ระหว่างที่ รีเบคกา กัลลาเกอร์ จากเมืองสวอนซี ประเทศอังกฤษ กำลังอ่านป้ายอธิบายวิธีการซักและทำความสะอาด เดรสใหม่ของ Primark ที่ลดราคาเหลือตัวละ 12 ปอนด์ หรือประมาณ 660 บาท แล้วเธอก็พบว่ามีอีกป้ายที่เย็บติดไว้ใกล้ๆ กัน พร้อมข้อความเขียนว่า ‘Forced to work exhausting hours’ หรือถูกบังคับให้ทำงานโดยไม่มีเวลาได้พัก
รีเบคกา ให้สัมภาษณ์ว่า ป้ายนี้ทำให้เธอต้องมาทบทวนราคาเสื้อผ้าลดราคาตัวนี้เสียใหม่
“คุณอาจจะได้ยินเรื่องราวกดขี่แรงงานในโรงงานประเทศที่สามมานักต่อนัก แต่สิ่งนี้ทำให้ฉันรู้สึกผิดมากจนไม่อยากจะหยิบชุดนี้มาใส่อีกเลย ที่สำคัญฉันรู้สึกแย่มากเมื่อคิดว่า เสื้อหน้าร้อนตัวนี้ฉันมาจากการใช้การแรงงานหนักและถูกกดขี่” รีเบคกาเชื่อว่าข้อความดังกล่าวถูกเขียนขึ้นมาเพื่อขอความช่วยเหลือ และต้องการให้ผู้สวมใส่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนงานที่เย็บเสื้อให้ Primark
หลังจากข่าวนี้เผยแพร่ออกมา มีเสียงเรียกร้องให้ Primark กลับไปตรวจสอบการผลิต และคิดว่าการผลิตเสื้ออาจจะเกี่ยวกับการใช้แรงงานเด็ก และสภาพการทำงานที่ถูกกดขี่
Primark เป็นหนึ่งในหลายๆ บริษัทที่ว่าจ้างโรงงานสิ่งทอ ซึ่งตั้งอยู่ในตึก Rana Plaza ประเทศปากีสถานที่ถล่มลงมาเมื่อปีที่แล้วส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 1,000 คน และ มีถึง 580 คนที่ถูกจ้างโดยซัพพลายเออร์ของ Primark
โฆษกของ Primark ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีนี้ยังไม่มีหลักฐานอื่นๆ มาสนับสนุน อย่างไรก็ตามบริษัทยินดีมากถ้าลูกค้าจะส่งชุดนั้นกลับมายังบริษัทเพื่อจะได้ตรวจสอบว่าป้ายข้อความนั้นมาจากไหน ติดมาได้อย่างไร และยังมีประเด็นอื่นๆ อีกหรือไม่ที่ต้องติดตามตรวจสอบต่อ
“หลักการและพื้นฐานในการว่าจ้างซัพพลายเออร์และโรงงานรับผลิตเสื้อผ้าของ Primark นั้น ต้องปฏิบัติงานภายใต้บรรยากาศการทำงานที่ดี พนักงานต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมและได้รับค่าแรงที่เป็นธรรม” โฆษก Primark เผย
หลังจากข่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีหลายเสียงเรียกร้องให้แบนและเลิกอุดหนุนเสื้อผ้าแบรนด์ Primark หนึ่งในนั้นคือ แคทเธอรีน แฮมเน็ต ดีไซเนอร์ชื่อดังที่เคยมีส่วนร่วมรณรงค์เรื่องต่างๆ เช่น อาวุธนิวเคลียร์ ฯลฯ
แฮมเน็ตเรียกร้องให้ผู้บริโภคเลิกซื้อเสื้อผ้าราคาถูก ซึ่งจะช่วยกันเปลี่ยนแปลงรูปแบบและอุตสาหกรรมการผลิตเสื้อผ้าในอนาคตได้ อย่างไรก็ตามหลายเสียงก็ค้านว่า คนส่วนใหญ่ไม่สามารถซื้อเสื้อผ้าทางเลือกอย่างแบรนด์ของแฮมเน็ต เจ้าของสโลแกน No More Fashion Victims ที่ขายเสื้อเชิ้ตถึงตัวละ 1,930 บาทได้
ทั้งค่าเชื้อเพลิง และ ค่าครองชีพต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นในอังกฤษ ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถทำหรือซื้ออะไรตามอารมณ์อย่างเดียวได้ มันเหมือนกับการตั้งคำถามง่ายๆ ว่า ระหว่างอาหารบนโต๊ะกับเสื้อผ้าเพื่อจริยธรรม คุณจะเลือกอะไร?
********************************************
(ที่มา : independent.co.uk)