เทศกาลตรุษจีนกำลังมาถึง ชาวจีนหลายสิบล้านคนต่างมุ่งหน้ากลับบ้านเกิดเพื่อเฉลิมฉลองกับครอบครัว นึกถึงการกินข้าวบนโต๊ะ แจกอั่งเปาให้เด็กๆ นั่งดูรายการทีวีกับครอบครัว จุดโคมไฟและประทัด เป็นภาพที่ชาวจีนทุกคนรอคอย เช่นเดียวกับ นางโจว อายุ 21 ปี อาศัยอยู่ในเขตอู่ฉางของอู่ฮั่น เธอตั้งใจว่าตรุษจีนปีนี้เธอจะกลับบ้านเกิด เยี่ยมญาติ เล่นไพ่นกกระจอกกับครอบครัว แต่แล้วแพลนทุกอย่างกลับถูกยกเลิก…
ตรุษจีนที่เงียบงัน เศร้าโศก และหวาดกลัว
การแพร่ระบาดของ ‘ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019’ ในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน เริ่มจากช่วงปลายปี 2019 จนถึงปัจจุบัน สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา นับจากที่มีการรายงานครั้งแรกเมื่อ 31 ธันวาคม 2019 พบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบไม่รู้สาเหตุในเมืองอู่ฮั่นเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ต่อมามีรายงานอย่างเป็นทางการเมื่อ 3 มกราคม 2020 ว่าโรคปอดอักเสบที่ระบาดในอู่ฮั่นมีสาเหตุจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 และแพร่เชื้อจากคนสู่คนได้
จนถึงวันนี้ (29 มกราคม 2020) มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ในประเทศจีนจำนวน 5,515 ราย เสียชีวิต 132 ราย ขณะที่เมืองอู่ฮั่นถูกปิดไปตั้งแต่วันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา
การอยู่ในบ้านจึงถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของชาวจีนตอนนี้ อย่างที่นางโจวบอกว่า “ทุกคนต่างก็ไม่ได้ออกไปเยี่ยมญาติหรือพบปะเพื่อนฝูง ต่างก็เก็บตัวกันอยู่แต่ในบ้าน ทุกวันฉันได้แต่เปิดทีวีดูข่าวความเคลื่อนไหวของโรคระบาด และพูดคุยกันแต่เรื่องนี้ ไม่มีอารมณ์มาดูละครอะไรเลย”
“ฉันมักจะมองลงไปบนถนนจากหน้าต่างห้อง เพราะฉันอยากรู้ว่าบนท้องถนนตอนนี้เป็นอย่างไร นอกจากนี้ฉันยังเห็นหน้าต่างอีกหลายบานที่มีคนยืนอยู่ข้างใน และมองลงไปบนท้องถนนเหมือนกับฉัน”
อยู่ตัวคนเดียว อย่าทำให้ใครเดือดร้อน
นางลู วัย 32 ปี อาศัยอยู่ในเขตฮันโข่ว เมืองอู่ฮั่น บ้านของเธออยู่ห่างจากตลาดขายส่งอาหารที่พบการระบาดแห่งแรกเพียง 3 กิโลเมตร ลูเล่าให้ฟังว่า “ในช่วงสองสามวันแรกเป็นช่วงเวลาที่น่ากลัวมาก พวกเราต้องต่อคิวซื้อหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ถึง 2 ชั่วโมง”
ในช่วงเวลาเดียวกัน นางลูมีอาการไข้ขึ้น และปวดเมื่อยที่แขน เธอสงสัยว่าได้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา แม้ว่าต่อมาเธอจะรู้สึกดีขึ้น แต่ก็เลือกให้สามีและลูกย้ายไปอยู่บ้านพ่อแม่ของเธอชั่วคราว
“ในคืนสิ้นปี (ตามธรรมเนียมจีนสมาชิกทุกคนในครอบครัวจะกินข้าวพร้อมหน้ากัน-ผู้เขียน) สามีของฉันนำอาหารมาส่งที่หน้าประตู และฉันก็ออกไปรับ เป็นอาหารง่ายๆ ตอนนี้ของข้างนอกไม่มีให้ซื้อ การเดินทางก็ชะงักหมด สามีจึงมาส่งของได้สองวันครั้งเท่านั้น”
ส่วนอาการไข้ของลู เธอเลือกที่จะไม่ไปโรงพยาบาล เพราะกลัวการติดเชื้อและอาจจะทำให้อาการแย่กว่าเดิม เธอบอกว่า “ถ้าไปโรงพยาบาลต้องต่อคิว 2-3 ชั่วโมง ต่อให้ไม่ติดเชื้อ ถ้าไปต่อคิวอย่างนั้นก็ต้องติดแน่ และดูเหมือนว่าฉันตัดสินใจถูกเพราะตอนนี้ฉันไม่มีอาการอะไรแล้ว”
ขณะที่นางเฉิง อายุ 33 ปี ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้สนใจโรคระบาดโคโรนาเท่าใดนัก เพราะคิดว่ารัฐบาลคงควบคุมสถานการณ์ได้ในอีกไม่ช้า เธออ่านข่าวเมื่อวันที่ 18 มกราคม ว่า นักวิจัยชาวอังกฤษคาดการณ์ว่าจะมีคนติดเชื้ออย่างน้อย 1,700 คน ทั้งๆ ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อตอนนั้นมีเพียง 41 คน และการระบาดยังอยู่ภายใต้การควบคุม
พอมาวันที่ 21 มกราคม เฉิงได้อ่านข่าวจาก Weibo ว่าพบเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ 15 คน ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่าติดเชื้อ เธอจึงเริ่มรู้สึกเป็นกังวล และในวันเดียวกันเมื่อเธอไปจ่ายตลาด เธอเห็นเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ใส่หน้ากาก “ส่วนใหญ่เป็นพวกวัยรุ่น น่าจะเข้าถึงข่าวสารเร็ว” สองวันต่อมาเธอไปซื้อของอีกครั้งพบว่าเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ สวมใส่หน้ากาก
ก่อนตรุษจีน เฉิงเตรียมวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารในวันสิ้นปีเรียบร้อย เธอคิดว่า ‘ปีนี้ข้ามปีคนเดียวเนี่ยแหละ’ กิจกรรมที่คิดไว้ทั้งไปหาญาติ พบปะเพื่อน กินปิ้งย่าง ยกเลิกให้หมด
“ไม่มีทางเลือก แยกตัวออกมาแหละดีแล้ว และจะได้ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วย” เฉิงกล่าวอย่างช่วยไม่ได้
บรรยากาศที่น่ากลัว และอารมณ์ที่กังวล
นางเฟิง อายุ 25 ปี ชาวอู่ฮั่น ตัดสินใจกลับบ้านเกิดในเทศกาลตรุษจีนวันที่ 22 มกราคม ด้วยรถไฟความเร็วสูง ตลอดทางเธอรู้สึกถึงความผิดปกติ “เมื่อรถไฟใกล้ถึงอู่ฮั่น บนรถไฟมีกันอยู่ 9 คน ทุกคนสวมหน้ากาก มองหน้ากันแต่ไม่มีใครพูดอะไร ฉันเห็นแล้วรู้สึกน่ากลัวมาก”
เมื่อรถไฟถึงชานชาลาเวลา 3 ทุ่ม เธอรู้สึกว่ามันช่างแตกต่างจากปีก่อนๆ เพราะ “ชานชาลาว่างเปล่า และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น” ครอบครัวขับรถมารับเธอที่สถานี ตลอดทางเธอพบว่าถนนแทบว่างเปล่า น้อยทั้งยานพาหนะและผู้คน
เช้าวันต่อมา รัฐบาลประกาศปิดเมือง การคมนาคมถูกยกเลิกทั้งหมด ทั้งทางบก ทางน้ำ และอากาศ และเวลานั้นเอง เฟิงจึงตระหนักได้ว่าโรคระบาดนั้นร้ายแรงกว่าที่เธอคิด และรู้สึกเสียใจที่กลับบ้านเกิดเพื่อฉลองตรุษจีน “ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่าสถานการณ์จะถูกควบคุมได้ แต่ตอนนี้ก็พบแล้วว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น”
เฟิงกังวลว่าหลังหมดเทศกาลตรุษจีนแล้วเธอจะกลับไปทำงานที่ปักกิ่งได้อย่างไร ในเมื่อการเดินทางทั้งหมดถูกระงับ? แล้วถ้าเกิดติดเชื้อขึ้นมาจะทำอย่างไร? แม้ว่าจะไม่ติดเชื้อก็เหอะ แต่ถ้ากลับไปปักกิ่งแล้วจะถูกกักตัวไหม? คำถามเหล่านี้ล้วนวนเวียนอยู่ในใจของเฟิง
เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง
ทนายความฉีเหว่ยเจียงต้องเดินทางไปเยี่ยมคนในครอบครัวที่โรงพยาบาลในเมืองอู่ฮั่น และเมื่อทางการจีนทำให้เขาไม่สามารถเดินทางออกนอกเมืองได้ เขาบอกว่า “ตอนเดินทางมาก็รู้สึกลังเล รู้สึกว่าข้างในต้องมีอะไรซ่อนอยู่ ทำไมเชื้อนี้ถึงรักชาติเราอย่างนี้ ทำไมไม่ไปเกิดที่ฮ่องกงหรือประเทศอื่น ทำไมต้องมาติดเชื้อที่บ้านเรา”
หลังจากได้พูดคุยกับเพื่อนหลายคน ทนายฉีพบว่าคนส่วนใหญ่ยังรู้สึกตื่นตระหนก สถานการณ์แบบนี้เราไม่ควรไปต่อต้าน ตระหนก หรือกังวล เพราะมันก็ไม่ช่วยอะไรหรอก “เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง” ฉีกล่าว
ที่มา
|