เป็นที่รู้กันดีถึงระเบียบสังคมและเสรีภาพอันจำกัดในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในสังคมจีน ภายใต้การควบคุมและเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดของทางการ ไม่ว่าจะเป็นการเผยแพร่ข่าวสาร การวิพากษ์วิจารณ์ การแสดงออกในเชิงสาธารณะ การชุมนุมทางการเมือง และระบบเครื่องมือสมัยใหม่ที่รัฐบาลพยายามเข้าไปควบคุมชีวิตทุกด้านของประชาชน ข่าวล่าสุดได้เผยเจตนาของผู้ปกครองจีนที่มุ่งมั่นจะยื่นมือเข้ามาควบคุมเสรีภาพในการศึกษาหาความรู้ โดยเริ่มต้นด้วยการผลักดันอย่างจริงจังให้เปลี่ยนแปลงกฎข้อบังคับของสถานศึกษาระดับนำของประเทศ
มหาวิทยาลัยฟู่ตัน (Fudan University) ตั้งอยู่ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงสูงสุดแห่งหนึ่งของจีน เท่าที่ผ่านมาเคยเป็นที่รู้จักกันดีว่าเปี่ยมด้วยบรรยากาศแห่งเสรีภาพทางวิชาการ บัดนี้ได้ยกเลิกคำว่า ‘เสรีภาพทางความคิด’ ออกจากธรรมนูญของมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการแล้ว และได้เพิ่มเติมหลายย่อหน้าเป็นข้อความที่แสดงถึงความจงรักภักดีต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนแทน
ในคำประกาศแจ้งให้ทราบถึงการแก้ไขธรรมนูญแห่งมหาวิทยาลัยปี 2014 ฉบับแก้ไขที่ส่งโดย มหาวิทยาลัยฟู่ตัน ซึ่งเผยแพร่บนเว็บไซต์ของกระทรวงศึกษาธิการเมื่อวันอังคารที่ผ่านมานี้ (17 ธันวาคม) พบว่ามหาวิทยาลัยฟู่ตันได้ทำการแก้ไขข้อความมากกว่า 40 รายการที่เป็นข้อบังคับของมหาวิทยาลัย การเปลี่ยนแปลงมีผลบังคับใช้เมื่อต้นเดือนธันวาคมตามประกาศดังกล่าว
ธรรมนูญฉบับดั้งเดิมของมหาวิทยาลัยระบุไว้ว่า ‘ปรัชญาการศึกษา’ ของตนสนับสนุน ‘อิสรภาพทางวิชาการ และ เสรีภาพทางความคิด’ ตามค่านิยมที่แสดงออกในเนื้อเพลงประจำสถาบันอย่างชัดเจน
ในข้อบัญญัติที่ปรับปรุงแก้ไขใหม่ วลี ‘เสรีภาพทางความคิด’ ถูกตัดออกทิ้งไป ในประโยคที่มีข้อความว่า “สถาบันมีอำนาจบริหารมหาวิทยาลัยโดยอิสระและโดยการปกครองตนเอง” และ “คณาจารย์และนักศึกษาดำเนินการศึกษาเชิงวิชาการโดยอิสระและด้วยการปกครองตนเองขณะที่ปฏิบัติตามครรลองกฎหมาย” คำว่า ‘โดยอิสระ’ ทุกแห่งถูกตัดออกไปหมด
หนักไปกว่านั้น มหาวิทยาลัยฟู่ตันยังได้เพิ่มเติมข้อความที่เน้นการหนุนนำอย่างเหนียวแน่นของพรรคที่มีต่อสถาบัน เช่น “มหาวิทยาลัยยึดมั่นกับความเป็นผู้นำของพรรค ดำเนินนโยบายการศึกษาของพรรค” และ “ปฏิบัติตามลัทธิมาร์กซิสม์ในฐานะที่เป็นปรัชญาชี้นำและสังคมนิยมในฐานะรากฐานสำหรับการดำเนินงานของสถาบัน” ลงในธรรมนูญของมหาวิทยาลัย และสถาบันควรจะ “รับใช้ประชาชนอยู่เสมอ รับใช้การปกครองของพรรคสำหรับประเทศจีน” และ “รองรับการผนึกรวมและการพัฒนาระบบสังคมนิยมของประเทศจีนที่มีลักษณะแบบจีน”
นอกเหนือจากนี้มหาวิทยาลัยยังระบุอีกด้วยว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง “จัดเตรียมเหล่าคณาจารย์และพนักงาน” ให้พรักพร้อมด้วย “ความคิดของสีจิ้นผิง (Xi Jinping Thought)” ซึ่งเป็นทฤษฎีทางการเมืองอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้นำจีน ที่เพิ่งถูกเพิ่มเติมใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญของพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อปี 2017 อีกด้วย
ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นหัวข้อการแก้ไขข้อบัญญัติของมหาวิทยาลัยฟู่ตัน ก็ได้พุ่งขึ้นเป็นไวรัลแพร่หลายบนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เว่ยโป (Weibo) โดยมีแฮชแท็กรายการหนึ่งมีจำนวนการเข้าดูมากกว่าหนึ่งล้านครั้ง
“ฉันอยากจะถามคนที่ริเริ่มการแก้ไขกฎบัตรมหาวิทยาลัยฟู่ตันเสียเหลือเกิน คุณคาดหวังว่านักศึกษามหาวิทยาลัยฟู่ตันรุ่นปัจจุบันของเรานี้จะเผชิญหน้ากับรุ่นพี่บรรพบุรุษของเราได้อย่างไร”
ผู้ใช้เว่ยโปรายหนึ่งเขียนไว้
บนเครือข่ายเว่ยโป ผู้ใช้หลายรายต่างแสดงออกในทำนองไม่อยากเชื่อถึงข่าวการแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎบัตร และกังวลว่ามันจะเป็นจุดเริ่มต้นของการล่มสลายของมหาวิทยาลัยฟู่ตัน “ฉันเป็นห่วงจริงจังว่านักศึกษาในอนาคตจะไม่มีทางรู้เลยว่า ฟู่ตัน เคยมีช่วงเวลาที่ให้คุณค่ากับ ‘เสรีภาพทางความคิด’ และ ‘อิสรภาพทางวิชาการ’ ผู้ใช้คนหนึ่งกล่าว
นักวิจารณ์อีกคนหนึ่งที่อ้างตัวว่าเป็นนักศึกษาฟู่ตันกล่าวว่า
“เมื่อวานนี้ฉันเพิ่งเสร็จจากการทำรายงานที่ได้อยู่ทำตลอดคืน ในส่วนของ ‘การแสดงความขอบคุณ’ ฉันขอขอบคุณเสรีภาพทางความคิดและความเป็นอิสระทางวิชาการที่ฟู่ตันได้สั่งสอนให้แก่ฉัน ใครจะไปสามารถรู้ได้ว่าคำสองคำนี้จะไม่ได้เป็นของฟู่ตันอีกต่อไปแล้ว”
นักวิจารณ์บางคนในเว่ยโปกล่าววิจารณ์ว่า การแก้ไขธรรมนูญของมหาวิทยาลัยชี้ชัดไปถึงการขยายตัวของการควบคุมโดยพรรคคอมมิวนิสต์ โดยมุ่งประสงค์ให้กฎบัตรฉบับปรับปรุงของมหาวิทยาลัยฟู่ตันต้องระบุว่า “คณะกรรมการพรรคเป็นแกนหลักของมหาวิทยาลัย” และจะต้องรับผิดชอบในการกำหนดทิศทางและการตัดสินใจด้านต่างๆ
แต่ว่าโพสต์ทำนองติติงดังกล่าวและของคนที่มีความเห็นคล้ายกันหลายชิ้นซึ่งได้ตั้งคำถามถึงการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อการละทิ้งวลี ‘เสรีภาพทางความคิด’ ต่อมาก็ถูกลบออกไปหมดเมื่อถึงตอนบ่ายวันพุธ แม้ว่าจะยังมีการหารือกันต่อในกลุ่มสนทนาส่วนตัวของ WeChat อยู่บ้าง
ตั้งแต่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงเข้ามามีอำนาจนำประเทศในปี 2012 ทางการจีนได้ควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตของประเทศอย่างเข้มงวด รวมไปถึงแง่มุมการดำเนินชีวิตทั้งหลายของภาคประชาสังคม และทุ่มเทรณรงค์ใช้มาตรการเซ็นเซอร์อย่างแพร่หลายเพิ่มมากขึ้น ยังผลให้จำกัดพื้นที่การแสดงออกและประท้วงคัดค้านให้ลดลงอย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่ารวมไปถึงตามวิทยาเขตของสถานศึกษาทั้งหลายด้วย
การแก้ไขกฎบัตรของมหาวิทยาลัยระดับนำครั้งนี้ เกิดขึ้นขณะที่ทางคณะปกครองปักกิ่งกำลังคร่ำเคร่งต่อสู้รับมือกับการประท้วงต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ในฮ่องกงที่มีนักเรียนนักศึกษาจำนวนมากเข้าเกี่ยวข้องติดพัน
วิดีโอชิ้นหนึ่งที่ถูกส่งเข้าเผยแพร่ในทวิตเตอร์ เมื่อบ่ายวันพุธแสดงให้เห็นกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยฟู่ตันจำนวนหนึ่ง ในช่วงพักเที่ยงที่ห้องอาหารของสถาบันกำลังร่วมกันร้องเพลงประจำสถาบันซึ่งมีเนื้อเพลงรวมถึงวลี ‘เสรีภาพทางความคิด’ เพื่อแสดงออกถึงอารมณ์ประท้วงคัดค้านต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
นักศึกษาที่นั่นบางคนยืนยันกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง
สื่อมวลชนหลายสำนักโทรไปยังแผนกเผยแพร่ข่าวสารของมหาวิทยาลัยฟู่ตันเพื่อสอบถามความคิดเห็นและความเป็นมาสำหรับเรื่องดังกล่าว แต่ไม่ได้รับคำตอบอย่างใด กระทรวงศึกษาธิการก็ไม่ยอมตอบกลับคำร้องขอความคิดเห็นทางแฟกซ์โดยทันที
การประท้วงของนักเรียนนักศึกษาเกิดขึ้นได้ยากมากในประเทศจีน นับตั้งแต่การรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยที่นำโดยเหล่านักศึกษาที่จัตุรัสเทียนอันเหมินของปักกิ่งในปี 1989
กฎบัตรฉบับใหม่กล่าวว่ามหาวิทยาลัยจะ “ติดอาวุธให้แก่ความคิดจิตใจของคณาจารย์และนักศึกษาให้เป็นดั่งอุดมการณ์สังคมนิยมของสีจิ้นผิงที่มีลักษณะของจีนในยุคสมัยใหม่”
มหาวิทยาลัยอื่นอีกสองแห่งที่ได้เปลี่ยนแปลงธรรมนูญประจำมหาวิทยาลัยไปด้วยคือมหาวิทยาลัยชานสี (Shaanxi Normal University) และมหาวิทยาลัยหนานจิง (Nanjing University) ตามเอกสารที่ตีพิมพ์เผยแพร่โดยกระทรวงศึกษาธิการซึ่งแสดงให้เห็นว่าได้อนุมัติการเปลี่ยนแปลงเมื่อ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา
กฎบัตรที่ได้รับการแก้ไขของสถาบันทั้งสองแห่งนั้นก็มีการอ้างอิงเช่นเดียวกันว่าเพื่อเสริมสร้างบทบาทนำของพรรคคอมมิวนิสต์ในการดำเนินงานของมหาวิทยาลัย ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามการชี้นำของพรรคคอมมิวนิสต์ที่ได้ออกเอกสารแนะนำแนวทางไว้ตั้งแต่ปี 2010 ว่าให้มหาวิทยาลัยและสถาบันระดับสูงของประเทศรวม 26 แห่ง ปรับปรุงกฎบัตรข้อบังคับของตนให้สอดคล้องกับการนำและการดำเนินงานโดยพรรค การเปลี่ยนแปลงธรรมนูญมหาวิทยาลัยครั้งนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าพรรคคอมมิวนิสต์เริ่ม ‘เอาจริง’ เพื่อจะสยบความคิดอ่านที่อาจนำไปสู่การเคลื่อนไหวอย่างอื่น
มหาวิทยาลัยฟู่ตัน อยู่ในอันดับที่ 109 ของทั่วโลก ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกของไทมส์ ปี 2020 (Times Higher Education’s 2020 World University Rankings) และจัดว่าเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ใน 3 ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศจีน อีกสองแห่งคือ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง และ มหาวิทยาลัยชิงหวา
มหาวิทยาลัยฟู่ตัน ก่อตั้งขึ้นในปี 2448 โดย หม่า เซียงโป (Ma Xiangbo) นักบวชและนักการศึกษานิกายเยซูอิตชาวจีนผู้โด่งดัง ชื่อ ‘ฟู่ตัน’ ได้รับมาจากคำพูดของขงจื๊อ ที่หมายถึง ‘แสงสวรรค์ส่องมาทุกวัน’ สถาบันแห่งนี้เป็นที่รู้จักว่ามีชื่อเสียงโดยเฉพาะในด้านศึกษาศาสตร์ แพทยศาสตร์ และหลายคณะด้านสังคมศาสตร์ ได้ผลิตนักการเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศหลายคน
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยประกอบด้วย 18 คณะ 69 ภาควิชา ปริญญาตรี 66 สาขา ปริญญาโท 148 สาขา และปริญญาเอก 103 สาขา โดยรวมมีนักศึกษาทั้งหมดเกือบ 25,000 คน เปิดรับนักศึกษาต่างชาติ ตั้งแต่ปี 1952 ปัจจุบันมีนักศึกษาต่างชาติที่เรียนอยู่ที่นี่ประมาณ 1,000 คน โดยนักเรียนที่เรียนหลักสูตรภาษาจีนมีอยู่ประมาณ 500-800 คน
อ้างอิงข้อมูลจาก:
|