สำรวจฝุ่น PM2.5 ผ่านเครื่องหมายคำพูดของรัฐบาล “เราต้องช่วยกัน เราต้องช่วยกัน”

เลื่อนบนหน้าฟีดของเราแล้ว แทบไม่มีชั่วโมงใดที่ปราศจากการบ่นเรื่องฝุ่น PM2.5 ปัญหานี้ยืดเยื้อยาวนานและหมุนเวียนกลับมาปีแล้วปีเล่า ปีที่แล้วบ่นหนัก ปีนี้ก็บ่นอีกรอบ เรื่องนี้เป็นปัญหาระดับชาติ หรือพูดให้ชัดกว่านั้นคือ เป็นปัญหาระดับภูมิภาคที่หากดูกราฟการแสดงจุดความร้อน (hot spot) จะพบว่าต้นตอของปัญหามาจากแทบทุกพื้นที่ของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน

ปัญหาใหญ่ ทว่าการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมกลับไม่ปรากฏแน่ชัด รัฐบาลเอาแต่กล่าวซ้ำความเดิมว่า “ต้องช่วยกัน” บางสุ้มเสียงจากคนของรัฐถึงกับบอกว่าประชาชนเข้าใจผิดไปเอง ราวกับสายตาของผู้คนที่มองเห็นฝุ่นคลุมเมืองนั้นเป็นเพียงภาพลวง และการบ่นเบื่อเหล่านั้นเป็นเรื่องดราม่าที่ก่อสร้างจากการคลาดเคลื่อนของความรู้

ไม่แปลกในที่ประชาชนหงุดหงิดกับสิ่งที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะเมื่อสำรวจท่าที คำพูด ความเห็น และมาตรการของรัฐบาลแล้ว เราพบว่าฝุ่นไม่ได้คลุมเมืองเท่านั้น แต่บดบังแม้กระทั่งความหวังว่าเราจะทวงคืนอากาศบริสุทธิ์กลับมาได้อย่างไรภายใต้กลไกและความเอาใจใส่เท่าที่เห็น

8 มกราคม 2563 – หลังช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตประจำวันกันตามปกติ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือฝุ่น PM2.5 ก็กลับมาปกคลุมเหนือท้องฟ้ากรุงเทพมหานครและปริมณฑลอีกครั้งเช่นกัน โดยวัดค่าได้เกินมาตรฐานและเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 45 พื้นที่ (พื้นที่สีส้ม) ตรวจวัดค่าได้ 47-81 มคก./ลบ.ม. จากค่ามาตรฐานที่ต้องไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.

ในวันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ออกมาทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว @prayutofficial ถึงปัญหาฝุ่น PM2.5 และถือเป็นการพูดถึงปัญหาฝุ่นระลอกนี้เป็นครั้งแรกว่า

“ช่วงนี้ ฝุ่น #PM25 กลับมาและมีผลกระทบต่อสุขภาพ ตรวจสอบสภาพอากาศ อย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงพื้นที่โล่งแจ้งนะครับ ขอความร่วมมือผู้ใช้รถตรวจสภาพรถ เจ้าหน้าที่ต้องเร่งกวดขันจับกุมรถที่ปล่อยควันดำ ตรวจปริมาณควันจากโรงงานต่างๆ ให้มากขึ้น ร่วมมือกันคนละนิด เพื่อช่วยอากาศพิษให้ลดลง”

 

10 มกราคม 2563 – สถานการณ์ค่าฝุ่นละอองในประเทศไทยยังคงเลวร้ายต่อเนื่อง จนทำให้กรุงเทพมหานครคุณภาพอากาศย่ำแย่ติดอันดับ 3 ของโลก วัดได้ 187 AQI ตามมาตรฐาน ซึ่งค่า AQI หรือค่าฝุ่นละอองในอากาศโดยปกติจะต้องไม่เกิน 100

ในวันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังคงให้ความเห็นกับประเด็นปัญหานี้ผ่านสื่อสังคมโดยการโพสต์ข้อความผ่าน Facebook ส่วนตัวโดยข้อความดังกล่าวระบุว่า

“วันนี้ (10 ม.ค.) ค่าฝุ่น #PM25 ยังคงอยู่ในระดับสูง ผมขอให้ตำรวจเร่งรัดออกข้อกำหนดสั่งห้ามใช้รถที่ปล่อยควันดำ รถที่ถูกจับจะต้องถูกขึ้น watch list เพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสภาพรถเพื่อต่อทะเบียน ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนส่งข้อมูลรถปล่อยควันดำไปที่สายด่วน 1584 และช่วงนี้ต้องป้องกันตัวเอง ใส่หน้ากากอนามัยหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งด้วยนะครับ”

ในขณะเดียวกันช่วงเช้าที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ถึงกรณีปัญหาค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่มีความรุนแรงว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นมาตรการที่ออกมาจัดการอย่างเป็นรูปธรรม

“ที่ผ่านมาได้ดำเนินการแจกหน้ากากป้องกันฝุ่น PM2.5 ไปแล้ว และกำลังดำเนินการแจกต่อเนื่อง”

ผู้สื่อข่าวสอบถามต่อว่า ท่านรองนายกฯ อาจไม่เคยลงมาเดินถนน จึงไม่เคยประสบปัญหาอย่างแท้จริงด้วยตัวเอง

“แล้วจะให้ผมทำไงจะให้ฝุ่นหมดไป แล้วคุณเคยเดินถนนไหม”

 

14 มกราคม 2563 – วันประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่จะมีขึ้นทุกวันอังคาร หลายคนอาจจะเฝ้ารอมาตรการรับมือแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 จากที่ประชุม ครม. ที่ถึงแม้ในภายหลังจากผลสรุปการประชุม ครม. ในวันนี้ออกมา ก็ยังไม่มีมาตรการรับมือเรื่องฝุ่น PM2.5 อย่างเป็นทางการให้เห็นอยู่ดี

โดยก่อนการประชุม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมแอพพลิเคชั่น ระบบบริหารจัดการปัญหาฝุ่นควัน AirCMI ซึ่งเป็นผลงานวิจัยในการวัดค่าฝุ่นละออง PM2.5 มีการอัพเดททุก 1 ชั่วโมง โดยนายกรัฐมนตรีแนะนำให้ประชาชนดาวโหลดแอพพลิเคชั่นมาใช้ เพื่อสร้างการรับรู้ฝุ่นละออง พร้อมเน้นย้ำเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน โดยเฉพาะการลดควันดำ ซึ่งรัฐบาลพยายามทำทุกวิถีทางในการสร้างการรับรู้ การตื่นตัว ให้รู้จักป้องกันตนเองและต้องระมัดระวังในกลุ่มเสี่ยง เด็ก สตรี คนป่วย คนชรา

“ประโคมข่าวแค่ค่าฝุ่น แต่ไม่ประโคมว่าจะแก้อย่างไร เราต้องป้องกันตัวเอง เช่น ใส่หน้ากากจะช่วยลดได้พอสมควร หากค่าฝุ่นสูงแต่ทุกคนไม่ทำอะไรเลยจะได้หรือไม่ ขอให้ทุกคนช่วยกัน โดยเฉพาะลดปริมาณการใช้รถ เพราะไปห้ามคนใช้รถได้หรือไม่ ห้ามทำอุตสาหกรรม ห้ามเกษตรกรเผาได้หรือไม่ ท่านต้องไปบอกให้เขาเข้าใจ แล้วทำให้ได้หมด

“อย่ามาโจมตีกันในเรื่องที่ไม่สร้างสรรค์ว่าทำอะไรไม่ได้สักอย่าง แก้ไม่ได้ ให้เข้าใจรัฐบาลก็มีหน้าที่ ประชาชนก็มีหน้าที่ ทุกภาคส่วนก็มีหน้าที่ ถ้าไม่ช่วยกันบูรณาการเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ ก็ขอให้เป็นการติเพื่อก่อ ข้อเสนอแนะที่มีหลักการและมีเหตุผลพอสมควร ไม่ใช่ไอ้นี่ก็เสีย ไอ้นี่ก็ไม่ดี วิธีการเขาก็บอกจะช่วยกันอย่างไร แต่หลายคนไม่สนใจ กลับมาทิ่มแทงรัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐ”

หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นชมรถตรวจสอบคุณภาพอากาศในบรรยากาศแบบเคลื่อนที่ ที่สามารถวัดค่าฝุ่นได้อย่างแม่นยำ และได้กล่าวว่า สาเหตุของการเกิดฝุ่นควันอันดับ 1 มาจากการใช้รถถึงร้อยละ 72.5

“ปัญหาเกิดจากรถปล่อยควันดำมากที่สุด เราถึงต้องมีการปรับในเรื่องของขนส่งมวลชน อย่างโครงการรถไฟฟ้าขึ้นมา สถานการณ์ค่าฝุ่นปีนี้ถือว่าดีกว่าปีที่ผ่านมา รัฐบาลให้ความสนใจ มีการส่งเสริมใช้น้ำมันดีเซล บี 10 และยังช่วยแก้ราคาปาล์มตกต่ำได้ด้วย นี่คือสิ่งที่รัฐบาลนี้ทำ แล้วบอกว่ารัฐบาลไม่มีผลงาน มันไม่ได้มีแค่วันนี้แต่มีนานแล้วแก้ไปเรื่อยๆ บ้านเมืองมันเจริญขึ้น คนมากขึ้น รถมากขึ้น ก็ธรรมดาที่มีปัญหา เราก็ต้องช่วยกันแก้ ถ้าช่วยกันติอย่างเดียว แล้วไม่ร่วมมือ มันจะทำอะไรได้”

การให้สัมภาษณ์ของพลเอกประยุทธ์ในวันนี้ยังคงมีใจความหลักที่อยากให้ประชาชนทุกคนร่วมมือกัน และช่วยกันก่อนโดยต้องดูสาเหตุของปัญหาว่ามาจากตรงไหนบ้าง และรัฐบาลทำอะไรได้บ้าง แต่ที่สำคัญคือประชาชนทุกกลุ่มต้องร่วมมือกัน

 

นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในวันที่ 14 มกราคม ถึงสถานการณ์ฝุ่นละอองที่ปกคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในระยะนี้ว่า เชื่อว่าสถานการณ์ฝุ่นในปีนี้ยังไม่ถึงขั้นวิกฤติ และสามารถรับมือได้

“เชื่อว่าเราเอาอยู่ขอให้ประชาชนตระหนัก แต่อย่าตระหนก เพราะไม่ได้รุนแรงเท่ากับปี 2561 ซึ่งค่าสูงสุดเคยไปแตะที่ 120-130 มคก./ลบ.ม. ในช่วง 1-2 วัน และปีนี้ตรวจพบค่าอยู่ระหว่าง 70- 100 มคก./ลบ.ม. เศษเท่านั้น”

เช่นเดียวกันกับ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ได้ถามสังคมกลับเช่นกันว่า

“สังคมจะยอมรับได้หรือไม่ หากรัฐบาลออกมาตรการเข้มงวด และจะไม่มีกระแสวิจารณ์ในแง่ลบ หรือต่อต้าน ดังเช่น การรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติกที่ผ่านมาและเมื่อได้ข้อสรุปการประชุมในบ่ายวันนี้ จะนำเข้าเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่จังหวัดนราธิวาสในสัปดาห์หน้า”

 

17 มกราคม 2563 – สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยังคงมีปริมาณเพิ่มขึ้นสาเหตุมาจากการจราจรหนาแน่น และยังคงมีคำเตือนให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยไว้เสมอ เพื่อป้องกันฝุ่นในเบื้องต้น อย่างไรก็ตามทีท่าของมลพิษทางอากาศยังคงไม่มีแนวโน้มที่จะลดลงอยู่ในเกณฑ์คุณภาพปกติในเร็ววัน ซึ่งวันนี้ก็ยังคงมีท่าทีของนายกรัฐมนตรี และคนจากรัฐบาลถึงปัญหานี้ให้เห็นเช่นกัน

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่าการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ต้องแก้ที่การจราจรเป็นหลัก แต่ก็จะกระทบกับประชาชน และพลเอกประยุทธ์ก็ยังคงขอความร่วมมือประชาชนเป็นหลักให้ร่วมกันเพื่อแก้ปัญหานี้

“การแก้ปัญหานี้ ต้องแก้ที่การจราจรเป็นหลัก แต่ก็จะกระทบกับประชาชน จึงต้องขอความร่วมมือประชาชนเป็นหลัก และได้มีการจัดทำแอพพลิเคชั่นให้ประชาชนได้รับรู้ปัญหาค่าฝุ่นละอองและได้ป้องกันตนเองด้วย และขอให้ย้อนกลับไปดูว่ารถประเภทใดที่เป็นต้นเหตุสร้างมลพิษให้สูงขึ้น หากช่วยกันลดก็จะช่วยแก้ปัญหาได้”

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลเช่นกัน โดยแนะนำให้คนที่บ้านใกล้กัน หรือไปทางเดียวกันใช้รถคันเดียวกันเพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5

“วันนี้ตนเองกับทีมงานใช้วิธีคาร์พูล ดังนั้นถ้าใครบ้านใกล้กันขอให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน สลับกันใช้รถ อย่างไรก็ตาม โดยสภาพอากาศและมลพิษที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งเราต้องมาแก้ไขกันที่ปลายเหตุ เมื่อเรารู้ว่าสถานการณ์ฝุ่นยังไม่ดีขึ้น สภาพอากาศแย่มาก ก็อาจจะต้องพกหน้ากากติดตัวออกมาจากบ้าน”

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ถึงสถานการณ์โดยทั่วไป

“สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในขณะนี้ดีขึ้น เมื่อเทียบจากเดือนพฤศจิกายน 2562 และขอความร่วมมือประชาชนอย่าตื่นตระหนก ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมแนะนำให้ประชาชน วัดค่าฝุ่นจากหน่วยงานภาครัฐ อย่างแอพพลิเคชั่น Air4Thai ที่จะมีการแจ้งเตือนจากกรมควบคุมมลพิษวันละ 3 เวลา”

 

20 มกราคม 2563 – ค่อนข้างเป็นประเด็นในสื่อสังคมพอสมควร โดยเฉพาะในทวิตเตอร์ ที่ผู้คนต่างหันมาใส่ใจปัญหา ค่าฝุ่นละออง PM2.5 กันมากขึ้น ทำให้แฮชแท็ก #ฝุ่นกรุงเทพ ทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 ของเทรนด์ทวิตเตอร์ของประเทศไทยตั้งแต่ช่วงสายของวัน และเมื่อตรวจสอบแฮชแท็กดังกล่าว พบประชาชนจำนวนมาก ทวีตวิพากษ์วิจารณ์การแก้ปัญหาของรัฐบาลที่ไม่ตรงจุด ไร้ประสิทธิภาพ จากการที่เมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร มีค่าฝุ่นละออง PM2.5 ติดอันดับโลก ถึงหลายวันซ้อน

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวตอนหนึ่งระหว่างพบปะประชาชนที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อประชุม ครม.สัญจร ถึงปัญหาฝุ่น PM2.5 ว่ายังคงขอความร่วมมือกับประชาชนทุกคน และปัญหาหลายอย่างเกิดจากประชาชน แต่จะโทษประชาชนไม่ได้ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือ อีกทั้งกฎหมายก็มีอยู่แต่จะให้ไปดำเนินคดีทั้งหมดไม่ได้ เพราะจะสร้างความเดือดร้อน

“ขนาดของฝุ่น PM2.5 ขนาดเล็ก มันมีผลต่อผู้อายุน้อยๆ เด็ก ทารก คนมีครรภ์ คนชรา คนที่มีโรคประจำตัว นอกนั้นแข็งแรงพอสู้ไหว อย่างผมนี่พอไหว ถ้าใครรู้ว่าเสี่ยงก็ปาดจมูก ใส่หน้ากากไปถ้าคิดว่าตัวเองไม่ปลอดภัย”

 

ช่วงค่ำของวันที่ 20 มกราคม นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ องค์กรสำคัญในการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศก็ได้ให้สัมภาษณ์ในเรื่องภาพรวมสถานการณ์ และการรับมือของรัฐบาลถึงปัญหานี้กับรายการถ่ายทอดสด ‘Suthichai Live: วิกฤตฝุ่นพิษ!’ ความยาวประมาณ 50 กว่านาที โดยส่วนหนึ่งนายประลองได้พูดถึงปัญหาฝุ่น PM2.5 ดังนี้

“เป็นห่วงประชาชนที่เข้าใจคลาดเคลื่อน เพราะปรากฏการณ์ความชื้นที่พัดมาจากทะเล ทำให้ช่วงนี้ความชื้นเยอะ รวมกับรถที่วิ่งเยอะอยู่ในกรุงเทพฯ เป็นที่มาของฝุ่นควัน สรุปคือสัดส่วนครึ่งหนึ่งหรือส่วนมากเป็นหมอกที่มาจากความชื้น รวมกับฝุ่นควันจากรถบนท้องถนนส่วนหนึ่ง”

“ค่า PM2.5 ต่างประเทศเขา 100 กว่านะ ประเทศเรา เช่น สามเสน แค่ 90 เอง”

“คนที่มีปัญหาสุขภาพจากฝุ่น เพราะเขาเป็นโรคประจำตัวอยู่แล้ว พอเกิดอากาศที่มันไม่ค่อยสดชื่น หมอเขาบอกว่าจะส่งผล แต่ถ้าปกติ หมอเขาบอกว่ามันไม่น่าจะส่งผล แต่ถึงขนาดเอามาโชว์กันว่า เลือดกำเดาไหล มีแผลพุพอง อันนั้นน่ะ ดราม่าครับ ผมฟันธงเลย”

“อย่างผม ถ้าไม่สีแดงเยอะๆ ไม่สวมหน้ากากอนามัยมาทำงานหรอก เพราะผมยืนยันว่าไม่ได้ส่งผลขนาดนั้น ถ้าผมจะเป็นมันก็เป็นสิทธิของผม”

“เราอยู่กับ PM2.5 ตั้งแต่เราโตมา ทำไมถึงจะมาฮิตกันช่วงสองปีนี้ เพราะเมื่อก่อนมันไม่มีเครื่องวัดเครื่องเตือน พวกเราชาวคนอายุเยอะ เราอยู่กับฝุ่นมาตลอด แต่ผมเช็คปอดมาไม่เห็นเป็นไรเลย”

 

21 มกราคม 2563 – คำเตือนสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ใน กทม. และปริมณฑล ยังคงเป็นเช่นเดิม คือค่าฝุ่นยังคงพุ่งสูงต่อเนื่องเกินค่ามาตรฐาน ใน 50 เขต มีผลกระทบต่อสุขภาพ และ ‘กรุงเทพฯ-เชียงใหม่’ ยังคงมีอากาศแย่ติด 1 ใน 10 ของโลก

ในวันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่จังหวัดนราธิวาส ถึงสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ถึงความหนักใจกับปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่เกิดขึ้น และยังคงให้ข้อมูลเช่นเดิมถึงการขอความร่วมมือประชาชน และขอให้รถที่ก่อมลพิษหยุดวิ่ง

“รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นพิเศษ ทั้งเด็กทารก นักรียน คนชรา คนตั้งครรภ์ ควรหลีกเลี่ยง ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ใช้หน้ากากป้องกัน ขอให้ช่วยกันสร้างความเข้าใจ นอนไม่หลับตลอดเรื่องนี้ ส่วนเรื่องที่ดารา นักร้อง ออกมาโพสต์ กรุณาฟังผมบ้าง ทุกคนอึดอัด ผมก็อึดอัด อยากให้เปิดใจและทำความเข้าใจร่วมกัน เพราะล้วนเกิดจากการกระทำของมนุษย์ทั้งสิ้น ร่วมมือกันรับรู้มีจิตสำนึกร่วมกันในเรื่องสิ่งแวดล้อม ทำไปตามกฎหมาย หลายอย่างทำไปแล้วแต่ยังไม่ดีขึ้น ต้องหยุดเผา รถที่ก่อมลพิษหยุดวิ่ง ต้องรถตำรวจไปจับ ใครพบเห็นควันดำก็แจ้งเจ้าหน้าที่ให้จับ”

Author

หทัยธร หลอดแก้ว
เด็กปิ่นเกล้าที่ใช้เวลา 4 ชั่วโมง เดินทางข้ามฟากมาทำงานที่ลาดพร้าว และใช้อีก 4 ชั่วโมง เพื่อเล่นกับแมวในออฟฟิศ

Author

อันตา จิตตาศิรินุวัตร
ผมสองสี ไม่มีเฟซบุ๊ก สนใจหลายอย่าง เขียนงานได้ทุกรูปแบบ และถอดเทปได้เร็วพอๆ กับรถเมล์สาย 8 ในตำนาน

Illustrator

ณขวัญ ศรีอรุโณทัย
อาร์ตไดเร็คเตอร์ผู้หนึ่ง ชอบอ่าน เขียน และเวียนกันเปิดเพลงฟัง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า