ไม่มีความรักที่สมบูรณ์แบบ มีแต่ความรักที่พอดี แม้ร่างกายบกพร่อง

“บางคนอาจคิดว่าการทำดีกับเรา เปรียบเสมือนเขาเป็นพ่อพระแม่พระมาโปรด แต่กับคนนี้มันให้ความรู้สึกว่าตอนอยู่กับเขา เราไม่ใช่พิการ แต่เป็นผู้หญิงปกติคนหนึ่ง” – หญิงสาวคนหนึ่ง

“เขาทำให้เห็นว่าคนพิการก็เหมือนคนปกติ ต้องการความรักและการดูแลเอาใจใส่เหมือนคนทั่วไป” – ชายหนุ่มอีกคน

เสียงสะท้อนจากหนึ่งในคู่รักที่มองว่า ไม่มีความรักที่สมบูรณ์แบบ แต่เป็นความรักที่พอดี คอยเติมเต็มกันจนเต็มแก้ว ผ่านความสัมพันธ์ที่อยู่บนพื้นฐานความเข้าอกเข้าใจ

WAY มีโอกาสได้พูดคุยกับ ‘เอิงเอย’ หรือ บุญญากร ไชย์องค์การ และ ‘โอม’ ศุภวิศว์ ภูนิคม คู่รักเจ้าของ TikTok ช่อง ‘คนหูตึงที่เต้นได้นิดหน่อย’ (@justaoei) ถึงมุมมองความรัก การดูแลกันและกัน รวมถึงเปิดมุมมองที่หลายคนอาจจะยังจินตนาการไม่ออก ว่าความบกพร่องของร่างกายไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความรักเสมอไป

และเนื่องในโอกาสวันแห่งความรัก ปีนี้ WAY อยากจะเชิญชวนทุกคนให้มาแชร์เรื่องราวความรัก ไม่ว่าจะในสถานะไหน และอีกฝ่ายเป็นใคร เพื่อเติมเต็มความอบอุ่นของหัวใจในวันวาเลนไทน์

– ความรักที่ไม่ได้ยิน แต่รับรู้ได้ –

อยากให้ช่วยเล่าจุดเริ่มต้นความรักของทั้งคู่

เอิงเอย: เริ่มจากมีคนโพสต์ปรึกษาปัญหาความรักในโซเชียลกลุ่มของมหาวิทยาลัย เราก็ไปคอมเมนต์ แล้วเขาก็เข้ามาคอมเมนต์คุยกัน เราเห็นว่าเป็นรุ่นน้องมหาวิทยาลัยเดียวกัน คุยด้วยแล้วสนุกดี สบายใจ ก็เลยเริ่มคุยแบบเป็นพี่น้องกันไปเรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่งก็เลยตกลงคบกัน

อะไรคือสิ่งที่ทำให้มั่นใจว่าคนนี้ต้องใช่

เอิงเอย: ไม่ได้มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ทำให้มั่นใจ แต่มาจากดีเทลเล็กๆ หลายๆ อย่างในชีวิตรวมกัน แล้วทำให้รู้สึกมั่นใจ เช่น การที่เขาใส่ใจ ให้ความเคารพต่อคนอื่น เป็นคนสุภาพ

โอม: สำหรับผม ไม่มีอะไรการันตีว่าคนนี้ใช่ แต่เป็นความรู้สึกที่พอได้คบกับคนนี้แล้วรู้สึกสบายใจในทุกอย่างที่เราทำ เราสามารถแลกเปลี่ยนพูดคุยกับเขาได้ในทุกๆ เรื่อง ทำให้เรามีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นด้วย

ทำไมถึงอยากใช้ชีวิตร่วมกับคนคนนี้

เอิงเอย: เพราะรู้สึกว่าใช้ชีวิตด้วยกันแล้วหายใจสะดวก ไม่ต้องระแวงว่าทำอย่างนี้จะผิดไหม ทำแบบนี้เขาจะทิ้งเราหรือเปล่า หรือเราทำอะไรแล้วเขาจะทำร้ายเราได้ไหม คืออยู่ด้วยแล้วสบายใจ รู้สึกใจโล่ง

โอม: เช่นกันครับ เหมือนกับคำตอบของข้อที่แล้วเลย อยากใช้ชีวิตกับคนนี้เพราะรู้สึกว่าในแต่ละวันที่ใช้ชีวิต เราสามารถทำทุกอย่างได้เต็มที่มากขึ้น แล้วก็สบายใจในการตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ ในชีวิต เพราะเขาคอยซัพพอร์ตเราอยู่ตลอด

อยากให้เล่าสิ่งที่ประทับใจในตัวกันและกัน

เอิงเอย: ชอบที่เขาเป็นคนให้เกียรติทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ เขาให้เกียรติมนุษย์ทุกคน ให้เกียรติชีวิตของสัตว์ ให้เกียรติสิ่งของ ให้เกียรติสถานที่ที่เขาไป รู้สึกประทับใจที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เขาสามารถเป็นที่รักของคนอื่นได้

โอม: สำหรับผม เอิงเอยเป็นคนที่รับฟังและมีเหตุผล เวลาเกิดปัญหาอะไรก็ตามในชีวิต เราสามารถที่จะมานั่งพูดคุยกัน หรือหากมีปัญหากันเราก็สามารถหาทางออกร่วมกันได้

เคยคิดไหมว่า ถ้าไม่ได้มาเจอกัน ชีวิตจะเปลี่ยนไปอย่างไร

เอิงเอย: คิดว่าก็คงเหมือนชีวิตก่อนที่จะคบกัน แต่ละคนก็มีหนทาง ความฝัน เส้นทางชีวิตที่ตั้งเป้าไว้อยู่แล้ว คิดว่าคงไม่ได้ต่างอะไรกับก่อนคบ แต่ก็คงจะไม่ได้มีความสุขเท่าตอนนี้ค่ะ

โอม: ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดเลย แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ชีวิตก็คงเป็นอีกแบบ อาจจะไม่ได้เจอคนที่เข้าใจในตัวเรามากขนาดนี้ครับ

คุณเอิงเอยได้เข้ามาเปิดมุมมองต่อคนพิการอย่างไรบ้าง

โอม: ตั้งแต่คบเอิงเอยมา เขาทำให้เห็นว่าคนพิการก็เหมือนคนปกติ ต้องการความรักและการดูแลเอาใจใส่เหมือนกับคนทั่วไป เขาก็มีความรู้สึกนึกคิด และต้องการได้รับความรักจากผู้อื่นเหมือนกัน

นิยามความรักไว้อย่างไร

เอิงเอย: อืม…ไม่ได้นิยามไว้ชัดเจน คิดว่าแต่ละคนบนโลกใบนี้คงนิยามความรักไม่เหมือนกัน แต่ส่วนตัวมองว่าความรักเหมือนเป็นพื้นที่ปลอดภัย อยู่ตรงนี้แล้วมีความสุข ไม่ต้องระแวง อะไรประมาณนี้

โอม: การที่เรามีความสุขจากการที่ได้แบ่งปันเรื่องราวในชีวิต หรือทำให้คนคนหนึ่งได้มีความสุขร่วมกับเรา

หากให้เปรียบเทียบ คิดว่าความรักครั้งนี้เป็นดั่งอะไร

เอิงเอย: โซฟานุ่มๆ ที่เราสามารถทำได้ทุกอย่าง ทิ้งตัวนอน นั่งเล่น กินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง วาดรูป เล่นเกม เป็นพื้นที่อิสระที่จะทำอะไรก็ได้ และพื้นที่ตรงนั้นก็สำคัญกับเรา ไม่ได้รู้สึกว่าไม่มีโซฟาก็อยู่ได้

โอม: ดวงอาทิตย์ครับ เพราะเราสามารถมอบความอบอุ่นให้แก่กันได้ ในวันไหนที่รู้สึกมืดแปดด้าน หรือเจอปัญหาชีวิตแล้วหาทางออกไมไ่ด้ ความรักจะเป็นที่ปรึกษาและแสงสว่างส่องนำทางให้กันได้ครับ

ความรักครั้งนี้ให้อะไรเราบ้าง

เอิงเอย: ทำให้รู้สึกปลอดภัย เพราะเขาเป็นคนที่ให้เกียรติทุกอย่าง เลยทำให้เรารู้สึกว่าต่างจากคนหูดีคนอื่นๆ ที่เคยเจอมา บางคนอาจคิดว่าการทำดีกับเรา เปรียบเสมือนเขาเป็นพ่อพระแม่พระมาโปรด แต่กับโอม เรารู้สึกว่าเขามองเราเป็นมนุษย์จริงๆ มันให้ความรู้สึกว่าตอนอยู่กับเขา เราไม่ใช่คนพิการ แต่เป็นผู้หญิงปกติคนหนึ่งที่มาคบกับเขา

โอม: ความรักครั้งนี้สำหรับผมให้ความสบายใจและความมั่นใจ ก่อนหน้านี้ผมเป็นคนที่ไม่มั่นใจในตัวเอง แต่หลังจากได้รู้จักกับเอิงเอย เขาทำให้ผมรู้สึกมั่นใจ คอยเชียร์อัปจนผมรู้สึกกล้าที่จะทำสิ่งต่างๆ มากขึ้น

อะไรคือสิ่งสำคัญในการประคองความสัมพันธ์

เอิงเอย: สำหรับเราทั้งคู่น่าจะเป็นการสื่อสาร คุยกันให้เยอะๆ ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไร เศร้า โกรธ เสียใจ หรืออะไรก็ตาม สมมติถ้าเรางอนแล้วไม่บอก เขาจะไม่มีวันรู้ว่าเราไม่พอใจเรื่องอะไร

โอม: ผมมองว่าต้องพูดคุยอย่างตรงไปตรงมา เพราะในทุกๆ ความสัมพันธ์ การจะเข้าใจกันและกัน จำเป็นต้องมีการพูดคุยถึงปัญหาและหาทางออกร่วมกัน เพื่อหาจุดกึ่งกลางที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของคนสองคนดำรงต่อไปได้อย่างราบรื่น

นิยามคำว่าความรักสมบูรณ์แบบของทั้งสองคนเป็นอย่างไร

เอิงเอย: ส่วนตัวไม่ได้คิดว่าความรักที่สมบูรณ์แบบมีอยู่จริงบนโลก มันมีแต่ความรักที่พอดีกัน เช่น บางคนเขาก็ชอบที่แฟนดูแล บางคนเขาไม่ได้ชอบให้แฟนมาดูแล เราเลยรู้สึกว่ามันมีแต่ความรักที่พอดี ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าชอบที่จะมีความรักแบบไหน ซึ่งคนที่มีความชอบไปในทางเดียวกันก็จะอยู่ด้วยกันได้นาน

โอม: ผมมองว่าความรักไม่ได้สมบูรณ์แบบเสมอไป เพราะชีวิตของคนเราก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบทุกอย่าง แต่เราสามารถทำให้ชีวิตอยู่บนความพอดี และมีความสุขเท่าที่เราพอใจได้ แม้มันจะไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม

แล้วความสัมพันธ์ในตอนนี้เรียกว่าเป็นความรักที่พอดีกันได้ไหม

เอิงเอย: ได้ค่ะ เราสื่อสารกันตลอด รู้สึกว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรหนักๆ เข้ามา ทันทีที่รู้สึกว่ามันเริ่มจะเป็นปัญหา เราก็คุยกันทันที ไม่เคยปล่อยให้บานปลาย

– ร่างกายบกพร่อง แต่ความรักไม่ขาดพร่อง –

สังคมไทยอาจจะยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับอุปสรรคของคู่รักคนพิการ มีอะไรอยากบอกคนที่ยังไม่เข้าใจไหม

เอิงเอย: บางคนอาจจะมีความคิดว่า มาคบคนพิการแล้วจะลำบากกว่าคนอื่นหรือเปล่า อย่างตัวคนพิการเองก็อาจจะคิดว่า ถ้ามีความรักแล้ว เราจะเป็นภาระของคนที่รักเราหรือเปล่า แต่จากความรู้สึกแล้ว เวลาเรารักใคร ต่อให้เป็นคนที่ไม่พิการ มันก็ยังมีอุปสรรคบางอย่างที่ต้องผ่านไปด้วยกันอยู่ดี กับคนพิการเองก็เช่นกัน ถ้ารักกันแล้ว อุปสรรคต่างๆ ก็ไม่ได้ยากเกินไปที่จะผ่านไปด้วยกัน

โอม: ในฐานะแฟนของคนพิการ ผมมองว่าการเป็นแฟนคนพิการไม่ได้เป็นความยากลำบากขนาดนั้น เราแค่ต้องมีความเข้าใจและปรับตัวเพื่อช่วยเหลือเขา ทำให้เราและเขาสามารถอยู่ด้วยกันได้ เพราะคนพิการก็เป็นคนปกติทั่วไปเหมือนกับเรา เขาแค่มีความบกพร่องบางอย่างที่ไม่เท่าคนปกติทั่วไป แต่เราสามารถเข้าใจและช่วยเหลือในจุดที่เขาบกพร่องได้ แล้วมันจะทำให้ชีวิตคู่ดีมากขึ้น

เอาเข้าจริงแล้ว ความบกพร่องทางร่างกายถือเป็นอุปสรรคต่อชีวิตประจำวันและความรักไหม

โอม: สำหรับผมการใช้ชีวิตประจำวันแทบจะไม่มีอุปสรรคเลย ด้วยความที่เอิงเอยเป็นผู้พิการทางการได้ยิน ผมแค่ต้องพูดดังขึ้นหรือเวลาไปที่ต่างๆ แล้วมีคนมาคุยกับเขา ผมอาจจะต้องทวนคำพูดนั้นให้เขาฟังอีกครั้ง แค่นั้นครับ

เอิงเอย: ส่วนในเรื่องของความรักมันอาจจะแล้วแต่คนด้วยค่ะ อย่างที่ได้บอกไปก่อนหน้า ต่อให้เป็นคนปกติมาคบกันบางทีมันก็มีอุปสรรค หรือรู้สึกว่าคนนี้มีนิสัยที่เราอาจจะไม่ชอบ แต่ถ้าเรารักใครมากๆ เราจะสามารถหาทางออกและผ่านไปด้วยกันได้

โอม: เช่นกันครับ ผมมองว่ามันแล้วแต่คน แต่อย่างที่ได้ตอบไปข้อที่แล้ว แม้จะพิการมากหรือพิการน้อย ถ้าเรามีความพยายามเข้าอกเข้าใจกันและช่วยเหลือกัน ยังไงก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อความรักครับ

ช่วงแรกๆ ที่คบกันต้องปรับตัวเพื่อเรียนรู้กันอย่างไร มีกฎหรืออะไรที่ต้องปฏิบัติเป็นพิเศษหรือไม่

โอม: ช่วงแรกๆ ที่คบกัน ผมจำเป็นต้องพูดกับเขาให้เสียงดังขึ้น เพื่อให้เขาได้ยินผมได้อย่างชัดเจน และตอนออกไปเจอสังคม เขาอาจจะสื่อสารหรือฟังคนที่พูดด้วยไม่ชัดเท่าไร ผมก็จำเป็นต้องพูดทวนซ้ำเพื่อให้เขาเข้าใจ ช่วงแรกๆ อาจจะไม่ชิน พอทำไปสักพักก็เป็นกิจวัตรปกติไปเลย

เอิงเอย: ส่วนเรื่องกฎไม่มีเลย เหมือนคู่รักปกติเลย บางคนอาจจะมีเรื่องส่วนตัวที่ไม่ชอบให้ทำ เราก็แค่รับทราบแล้วก็ไม่ทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ แค่นั้นเลย

โอม: ผมคิดว่าการคบกับใครก็ตาม ผมจะไม่ตั้งกฎ เพราะอยากให้อิสระคู่ของเราให้ได้มากที่สุด ไม่จำเป็นว่าเขาจะพิการหรือไม่พิการ

คนรอบตัว/ครอบครัวคิดอย่างไร

เอิงเอย: ครอบครัวของเอยตอนแรกเขากลัวโอมมาหลอกค่ะ (หัวเราะ) เหมือนเป็นความกังวลของพ่อแม่ที่มีลูกเป็นคนพิการ การเป็นคนพิการในสังคมมักจะถูกมองว่าต่ำกว่าคนอื่น เขาเลยกลัวว่าจะมีคนอาศัยความบกพร่องทางร่างกายของเราเพื่อมาเอาเปรียบหรือหลอกเรา แต่พอพาโอมไปเจอที่บ้าน ได้ทำความรู้จักกันแล้ว เขาก็ไว้วางใจ

โอม: ครอบครัวผมไม่มีปัญหาอะไรเรื่องคบกับคนพิการ เขาก็มีถามบ้าง อาการเป็นอย่างไร จะกลับมาได้ยินปกติไหม หรือต้องได้รับการรักษาแบบไหนถึงจะกลับมาได้ยินปกติ แต่ผมก็บอกว่ามันเป็นเรื่องของอนาคตและเป็นการตัดสินใจของเอิงเอยอีกที ว่าในอนาคตจะรักษาหรือไม่

มองอนาคตไว้อย่างไรบ้าง

เอิงเอย: ตอนนี้เราทั้งคู่ไม่ได้กำหนดอนาคตไว้เป็นพิเศษเลยค่ะ แค่อยากทำปัจจุบันให้ดีที่สุดและได้อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ อยู่ในช่วงเรียนรู้กันไปเรื่อยๆ

เนื่องในโอกาสวันแห่งความรัก อยากจะฝากอะไรไปถึงคู่รักพิการหลายๆ คู่

เอิงเอย: อืม…ถ้าจะฝากไปถึงคนพิการด้วยกันที่อยากมีความรักหรือมีความรักอยู่แล้ว ในฐานะที่เรามีคนรู้จักเป็นคนพิการหลายคน คนพิการมักจะรู้สึกว่าการที่มีคนมาชอบมันเป็นบุญของเรา รู้สึกว่าการที่เราเป็นแบบนี้คงไม่มีใครมารักเราได้จริงๆ เราไม่สมควรได้รับความรัก หรือเราต้องพยายามหนักกว่าคนอื่นเพื่อให้คู่ควรกับความรัก

สำหรับมุมมองของเอยเอง คนพิการก็คือมนุษย์ และมนุษย์ทุกคนมีค่าคู่ควรกับความรักที่เหมาะสมและดีต่อสุขภาพจิต มันไม่ได้เกี่ยวว่าเป็นคนพิการแล้วจะโชคดีที่มีคนปกติลดตัวลงมาคบ เราก็เป็นมนุษย์ เวลารัก เขาก็รักที่เราเป็นเรา เขาไม่ได้ชอบที่เราเป็นคนพิการหรือไม่พิการ

โอม: สำหรับผมอยากจะฝากถึงคนพิการว่า ใช้ชีวิตให้เต็มที่เหมือนมนุษย์ปกติคนหนึ่ง เพราะว่าคนพิการก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกัน สมควรที่จะได้รับความรักที่ดี ได้รับความสุขในชีวิตไม่ต่างจากคนปกติทั่วไป สำหรับคนที่กำลังจะมีแฟนเป็นคนพิการ หรือมีแฟนเป็นคนพิการอยู่แล้วก็อยากจะให้เข้าอกเข้าใจ พยายามช่วยเหลือในสิ่งที่เขาบกพร่อง เพราะมันเป็นพื้นฐานของชีวิตคู่อยู่แล้วครับ ต่อให้พิการหรือไม่พิการ ถ้าอีกฝ่ายต้องการความช่วยเหลืออะไร เราก็ควรช่วยเหลือเกื้อหนุน เพื่อให้ความรักเป็นไปได้อย่างราบรื่น

อชิรญา ดวงแก้ว
ชอบฟัง ชอบเขียน ชอบแลกเปลี่ยนเรื่องราว

Illustrator

พัชราภรณ์ สุจริต
กราฟิกดีไซน์ ที่รักการทำงานคราฟต์ มีสิ่งที่ชอบและอยากทำมากมาย
แต่ที่ชอบมากๆ คงจะเป็นการอ่านหนังสือ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า