วันที่ 12 มกราคม 2566 สำนักข่าว The Guardian รายงานว่า กลุ่มผู้ประกอบการในธุรกิจแอลกอฮอล์ของอิตาลีไม่พอใจกรณีรัฐบาลไอร์แลนด์ออกกฎให้ติดฉลากคำเตือนลงบนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากมองว่า เป็นการพยายามโจมตีธุรกิจไวน์ของอิตาลีโดยตรง
กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับใหม่ของไอร์แลนด์ระบุว่า เครื่องดื่มประเภทไวน์ เบียร์ และเหล้าสปิริต ต้องติดฉลากคำเตือน และฉลากดังกล่าวต้องแสดงคำเตือนให้ผู้บริโภคตระหนักถึงอันตรายของการดื่มแอลกอฮอล์ อาทิ การเกิดโรคมะเร็งและโรคตับ
ทั้งนี้ ไอร์แลนด์เสนอข้อกฎหมายฉบับดังกล่าวไปยังคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2565 และคณะกรรมาธิการไม่มีข้อคัดค้านใดๆ ตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา แม้เพื่อนสมาชิกสหภาพยุโรปอย่างอิตาลี สเปน และอีก 6 ประเทศ จะประท้วงก็ตาม
สหพันธ์การเกษตรแห่งชาติ หรือ Coldiretti (National Confederation of Direct Cultivators) ซึ่งเป็นสมาคมเกษตรกรที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลีให้สัมภาษณ์ว่า “การอนุมัติกฎหมายติดฉลากคำเตือนในไอร์แลนด์ครั้งนี้ของคณะกรรมาธิการยุโรป คือความเสี่ยงที่จะเปิดโอกาสให้มีการออกกฎหมายอื่นๆ ที่ส่งอิทธิพลเชิงลบต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคต่อไป
“ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเทียบการดื่มสุราที่มากเกินพอดีตามแบบฉบับของประเทศในกลุ่มนอร์ดิก กับการดื่มผลิตภัณฑ์คุณภาพที่มีแอลกอฮอล์ต่ำอย่างพอประมาณและมีสติ เช่น เบียร์และไวน์”
นอกจากเสียงของกลุ่มธุรกิจ ลุยจิ เดอราโม (Luigi D’Eramo) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร ความมั่นคงทางอาหาร และการป่าไม้ของอิตาลี ยังกล่าวว่า ไวน์เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชาวเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งเป็นวิถีชีวิตที่มีคุณภาพและการบริโภคอย่างพอดีอยู่แล้ว และการติดฉลากคำเตือนอาจสร้างความเสียหายแก่ธุรกิจอาหารและธุรกิจภาคการเกษตรของประเทศอิตาลี
“คุณไม่ควรปกป้องสุขภาพของสาธารณะด้วยการทำให้ผลิตภัณฑ์ของประชาชนเป็นสิ่งผิดกฎหมาย” เดอราโมกล่าว
ปัจจุบัน อิตาลีเป็นผู้ส่งออกไวน์รายต้นๆ ของโลก ในแต่ละปี อุตสาหกรรมไวน์ของอิตาลีมีมูลค่าทางเศรษฐกิจมากถึง 14 พันล้านยูโร และมากกว่าครึ่งของเงินก้อนนี้มาจากการส่งออก
ด้วยเหตุนี้ นโยบายที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องสุขภาพของคนในไอร์แลนด์ จึงขัดกับผลประโยชน์ด้านธุรกิจของกลุ่มผู้ประกอบการในอีกหลายประเทศ และยังกลายเป็นแกนกลางของข้อถกเถียงระหว่างฝ่ายหนึ่งที่มองว่า ปัญหาสุขภาพของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ และอีกฝ่ายที่มองว่า การตัดสินใจอย่างมีอิสระของผู้บริโภคก็สำคัญไม่แพ้กัน
อย่างไรก็ดี หากรัฐบาลไอร์แลนด์ประกาศใช้กฎหมายฉบับดังกล่าวอย่างเป็นทางการ กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะมีระยะเวลา 3 ปี ในการติดฉลากคำเตือนบนผลิตภัณฑ์