คริสต์มาสปีนี้ชวนดูหนังหิมะเลือดปี 1973 Lady Snowblood กำกับโดย โทชิยะ ฟูจิตะ (Toshiya Fujita) นำแสดงโดย เมโกะ คาจิ (Meiko Kaji) สร้างจากมังงะเรื่องเดียวกันของ คะซูโอะ โคอิเกะ (Kazuo Koike) ผู้เขียน ซามูไรพ่อลูกอ่อน (Lone Wolf and Cub) และ น้ำตาเพชฌฆาต (Crying Freeman) ที่บ้านเรารู้จักกันดี
ชวนดูหนังหายาก หนังหายากมักไม่สตรีม เมื่อหายากดูยากก็จะเขียนแบบสบายๆ ไม่เกรงใจคนไม่เคยดู หากไม่อยากรู้อะไรล่วงหน้าก็ไปหาดูเองครับ
ครั้งนี้ดูแผ่น criterion บลูเรย์ พร้อมสเปเชียลฟีเจอร์สัมภาษณ์นักเขียนและผู้เขียนบทซึ่งให้ความรู้มาก สั่งซื้อได้ทางอะเมซอน พูดญี่ปุ่น บรรยายอังกฤษ
ยุคสมัยเมจิกำลังเริ่มต้น เป็นปี 1874 หนังเปิดเรื่องด้วยฉากสตรีนางหนึ่งกำลังจะคลอด เธอสวมชุดนักโทษ รอบกายเธอคือเพื่อนนักโทษ ทุกคนสวมชุดนักโทษสีแดง หลังจากเบ่งสุดฤทธิ์สุดเดชจึงคลอดทารกหญิงมานางหนึ่ง ผู้เป็นแม่สั่งทารกแก้แค้นให้พ่อแม่และพี่ชายด้วย จากนั้นฝากเด็กไว้กับเพื่อนคนหนึ่งแล้วก็ตายจากไป
จะว่าการ์ตูนก็ใช่ แต่วันนี้หลายคนก็ฝากความแค้นไว้กับลูกโดยที่ตัวเองอยู่ในคุก การ์ตูนไหมล่ะ มึง
หนังตัดไปที่สตรีชุดขาวถือร่มเดินฝ่าหิมะมา เธอสวย เดินน่าดู เธอขวางทางรถลากคันหนึ่ง เมื่อพวกบอดีการ์ดรุกเข้ามา เธอดึงดาบออกจากร่มแทงฟันแต่ละคนในดาบเดียว เลือดแดงฉานสาดเป็นน้ำพุ เลือดมากมายนองพื้นขาวสะอาด เธอสำเร็จโทษบุรุษบนรถลากเป็นคนสุดท้าย
“ในข้อหาที่สร้างความทุกข์ยากแก่คนยากจน”
เมื่อเห็นเลือดแดงเป็นขันๆ บ้าง เป็นถังๆ บ้าง ก็ชวนให้นึกถึงหนังปี 2003 Kill Bill ของ เควนติน ตารันติโน (Quentin Jerome Tarantino) ไม่ใช่สิ เควนติน ตารันติโน ต่างหาก ที่บอกว่าเขาสร้าง Kill Bill ด้วยแรงบันดาลใจจากหนังซามูไรเรื่องนี้ วันนี้ เป็นคัลต์คลาสสิกไปแล้ว
หนังแฟลชแบ็กกลับไปอีกครั้ง คุณครูคนหนึ่งเดินทางมาถึงหมู่บ้านพร้อมภรรยาและลูกชายน่ารัก สามีภรรยายังหนุ่มสาวเดินกระหนุงกระหนิงคุยกันอย่างมีความสุข ชีวิตกำลังจะเริ่มต้น ทั้งสามแต่งกายสุภาพเรียบร้อยแบบชนชั้นกลาง ทันใดนั้นชายหญิงอันธพาลกลุ่มหนึ่งก็ออกมาขวางทาง พวกมัน 4 คนชาย 3 หญิง 1 รุมแทงคุณครูคนใหม่เลือดชโลมเสื้อสีขาวจนแดงฉาน คนดูรับรู้ว่าเด็กชายถูกฆ่า ส่วนหญิงสาวที่เป็นแม่ถูกจับตัวไป พวกมันรุมข่มขืนเธอ
ชาย 3 หญิง 1 หากินด้วยการปล้นและรีดนาทาเร้น เวลาผ่านไปก็แยกย้าย ชายหนึ่งเอาหญิงหม้ายเคราะห์ร้ายไปอยู่ด้วย วันหนึ่งหล่อนได้โอกาสก็ฆ่ามันจึงถูกจับเข้าคุก นั่นเป็นศาลเมจิยุคแรกๆ ในคุกเธอรู้ว่าเธอไม่ได้ออกไปอีกแน่นอนแล้ว จึงตั้งหน้าตั้งตาหลับนอนกับผู้คุมทุกคนเพื่อให้ได้ลูกชาย เธอมุ่งมั่นจะใช้ลูกชายล้างแค้น
แต่เธอได้ลูกสาว ซึ่งจะเติบโตมาได้ชื่อว่า ‘ธิดาหิมะเลือด (Lady Snowblood)’ หลังคลอดเพื่อนของเธอพาเด็กหญิงไปฝึกวิชากับยอดฝีมือหนึ่ง บทเรียนแรกคือจับเด็กหญิงใส่ถังแล้วถีบลงเขา ธิดาหิมะเลือดมีชื่อว่า ‘ยูกิ’ ยูกิเล่าในเวลาต่อมาว่าเธอจำได้ตั้งแต่วันที่เกิดว่าแม่สั่งเอาไว้ว่าอย่างไร
แบบนี้ก็การ์ตูนแน่ แล้วก็ใช่จริงๆ มิน่าเลือดสาดเหมือนซามูไรพ่อลูกอ่อน ยูกิยังเหลือคนที่ต้องฆ่าแทนแม่อีก 3 คนเพราะทราบว่าคนหนึ่งตายไปก่อนแล้ว แต่เธอไม่รู้พวกมันหายไปไหนจึงต้องใช้บริการสมาคมขอทานที่มีพรรคพวกทั่วแผ่นดิน ก็น่าจะคล้ายๆ พรรคกระยาจกเงา
เจ้าคนเลว 3 คนหายไปในยุคสมัยใหม่ คือ ยุคปฏิรูปเมจิ ญี่ปุ่นกำลังจะพัฒนาทุกด้านให้ทัดเทียมประเทศตะวันตก ทุกครั้งที่ประเทศอ้างการพัฒนา จะมีคนถูกทิ้งไว้มากมายรายทางเสมอ หากลำพังการพัฒนาจะทอดทิ้งคนยากจนด้วยเลี่ยงมิได้ เราคงไม่แค้นเคืองเท่ามีใครบางกลุ่มฉวยโอกาสจากการพัฒนาในการเจตนาเอารัดเอาเปรียบ และลงมือทำร้ายคนที่ตามไม่ทัน
เราไม่ได้ขัดขวางการพัฒนาแต่หยุดฉวยโอกาสจะได้ไหม
เมื่อทำไม่ได้หรือไม่ยอมทำจึงต้องมีธิดาไอ๊ซ์เลือดเกิดขึ้น เธอไล่สังหารทีละคน แขนขาด คอขาด ลำตัวขาด
ยุคเมจิไม่เพียงนำมาซึ่งกฎหมายและศาลสมัยใหม่ นำมาซึ่งหนังสือพิมพ์ด้วย นักหนังสือพิมพ์คนหนึ่งทำข่าวเธอและเจาะลึกอดีตแม่ของเธอ เขาเป็นใครมาจากไหนเราจะไม่สปอยล์ ข่าวทำให้เธอโด่งดังเป็นทวีคูณจนกระทั่งตัวร้ายที่แกล้งตายไปแล้วต้องปรากฏตัวเพื่อกำจัดเธอ คนนี้ร้ายที่สุดเพราะมันเป็นพ่อค้าอาวุธสงคราม คบหานักการเมืองและนักการเมืองต่างประเทศ มันอยู่ในแวดวงผู้ดีและชนชั้นสูง คือผู้ได้ประโยชน์จากการพัฒนาบนความตายของผู้คนตัวจริง
จึงเป็นฉากนองเลือดครั้งสุดท้ายของเธอ
หนังสนุกดีมีหลอกล่อน่าติดตาม ดีที่สุดน่าจะเป็นใบหน้านางเอกที่ขาวเหมือนหิมะและแฝงอารมณ์ผสมผสานอยู่ตลอดเวลา จะว่าสวยก็มิได้ออกจะใสซื่อเสียมากกว่าแต่ระวังร่มที่เธอถือ หนังประสบความสำเร็จจนมีภาคสอง Lady Snowblood: Love Song of Vengeance (1974) ในปีถัดมาทันที แก่นเรื่องยังเหมือนเดิมนั่นคือเล่าเรื่องพวกนักการเมืองและข้าราชการที่ฉ้อฉล ครั้งนี้พวกมันตั้งใจเผาสลัมและคนจน 30,000 คนทั้งหมดเพื่อทำลายกระดาษเพียงใบเดียว
ภาคสองนี้เปิดเรื่องด้วยยูกิ ฆาตรกรหลายสิบศพถูกทางการตามล่าจนสู้ไม่ไหวถูกล้อมจับกุม แต่ได้รับข้อเสนอให้ไถ่โทษด้วยการแทรกซึมพวกต่อต้านรัฐบาล นั่นทำให้เธอเห็นใจพวกต่อต้านและรู้มากจนถูกทางการล่าตัวอีกรอบหนึ่ง นำไปสู่การล้างแค้นเลือดสาดกันอีกครั้งในตอนจบ บ้านเราก็คงต้องรอว่าเมื่อไรข้าราชการจะตาสว่างเหมือนที่นางเอกยูกิเป็น ความแค้นทั้งหลายเป็นเรื่องส่วนรวมมิใช่ส่วนตน
ก่อนหน้านั้น 10 ปี คือปี 1963 ยังมีหนังซามูไรขาวดำชั้นดี Three Outlaw Samurai เล่าเรื่องก่อนยุคเมจิ คือ ยุคเอโดะ ชาวนา 3 คนรวมตัวยื่นหนังสือร้องเรียนและกล่าวหาเจ้าที่ดิน พวกเขาทั้งซื่อและโง่เสียจนโรนิน 3 คนอดหัวเราะและสงสารมิได้ แม้ไม่อยากจะช่วยเพราะไม่ใช่เรื่อง แต่ความโง่เขลาและความน่าขยะแขยงของเจ้าที่ดินกับข้าราชการในยุคโตกุงาวะก็ทำเอาโรนินทั้งสามเหลือทน อันที่จริงหนังซามูไรคลาสสิกดีๆ มักเป็นขาวดำทำให้เราเห็นเลือดน้อยลงจึงเพ่งดูเนื้อหาได้ง่ายขึ้น
หลังจากการหลั่งเลือดสะท้านภาพจบลงในตอนท้าย ทั้งเจ้าที่ดิน ซามูไรที่รับใช้เจ้านาย และเหล่าชาวนาผู้ก่อการตายไม่เหลือ ฉากสุดท้ายเป็นชาวนาที่เหลือนั่งเรียงแถวไปตามถนนหินบนภูเขา เพื่อรอต้อนรับผู้ตรวจการที่นั่งเสลี่ยงมาอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อย
มิวายที่โรนินทั้งสามซึ่งลงแรงสายตัวแทบขาด จะพูดจาหว่านล้อมหรือปลุกปลอบอย่างไรก็ไม่มีชาวนาสักคนเดียวกล้าหือกล้าอือร้องเรียนอะไรทางการอีก ชีวิตทุกคนมีค่าเกินกว่าจะเสี่ยงตาย เหมือนคนยากจนในสลัมที่เห็นในภาค 2 ของธิดาหิมะเลือด ชีวิตทุกคนมีฆ่าเกินกว่าจะเสี่ยงแข็งข้อ
สู้รอเขาสั่งเผาสลัมง่ายกว่า
จนถึงวันนี้ แนวรบไม่เปลี่ยนแปลง ชนชั้นกลางอย่างพวกเราก็เหมือนกัน