จากโกแวน ประเทศสก็อตแลนด์ ไม่มีใครรู้ว่าเด็กชายที่เติบโตมาในครอบครัวคนใช้แรงงานจะเดินทางมาไกลได้ถึงขนาดนี้
อดีตกองหน้าที่สร้างชื่อกับทีมอย่างดันเฟิร์มลิน แอธเลติก และ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส แม้จะไม่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นตำนานในฐานะนักเตะสักเท่าใดนัก แต่เมื่อเขาก้าวขึ้นมาคุมทีม จอมคนเลือดสก็อตคือหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล ไล่ตั้งแต่การสร้างปาฏิหาริย์กับทีมเล็กๆ อย่างอเบอร์ดีน จนถึงการปลุกปีศาจที่หลับใหลอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง งานของเขาไม่ได้สร้างขึ้นเพียงชั่วครู่คราว แต่ยาวนานแทบทั้งชีวิต
38 ปี ในฐานะผู้จัดการทีม เขาคว้าโทรฟีมาได้ถึง 49 ใบ เฉพาะ 26 ปี กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาคว้าถ้วยมาครอง 38 ใบ พาทีมขึ้นไปสู่หมายเลขหนึ่งของเกาะอังกฤษ และถูกยกให้เป็นทีมชั้นนำของยุโรป และอาจหมายรวมถึงสโมสรที่มีชื่อเสียงระดับโลก
เซอร์ อเล็กซานเดอร์ แชปแมน เฟอร์กูสัน กุนซือมากบารมีผู้เคยชินอยู่กับการสั่งนักเตะข้างสนาม ต่อกรกับบรรดาทีมฝั่งตรงข้าม และคว้าชัยชนะมาแทบทุกโทรฟี กระนั้นจุดเปลี่ยนสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตไม่ได้มาจากสนามฟุตบอล แต่มันคือวันหนึ่งของเดือนตุลาคม ปี 2012 ในห้องเรียนของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่ซึ่งทำให้เขารู้สึกว่า การสอนนักศึกษาก็ไม่ต่างจากการเป็นผู้ฝึกสอนนักฟุตบอล
การพยายามกระตุ้นให้คนหนุ่มสาวหลงใหลที่จะเรียนรู้เพื่อหาทางไปสู่การประสบความสำเร็จในบางเรื่อง ไม่ต่างจากการคอยกระตุกนักเตะในทีมตั้งแต่ดาวรุ่งจนถึงซูเปอร์สตาร์ให้เป็นคนที่กระหายชัยชนะอยู่เสมอ และการคุมทีมฟุตบอลก็ไม่ต่างจากการบริหารองค์กรธุรกิจ นั่นคือการสร้างแรงจูงใจให้ทุกคนเดินทางไปถึง goal ร่วมกัน
Leading หรือ นำให้ชนะ จึงเป็นหนังสือที่เขียนขึ้นบนพื้นฐานวิธีคิดเรื่องการเป็นผู้นำ ผู้บริหาร การเป็นแบบอย่าง ตลอดจนการตัดสินใจในบางห้วงวินาที ไม่ใช่แค่หนังสือที่เขียนเล่าเรื่องเส้นทางบนสนามหญ้าเหมือนเล่มที่เซอร์ อเล็กซ์ เคยเขียนไว้ก่อนหน้าเท่านั้น
“My job was to make everyone understand that the impossible was possible. That’s difference between leadership and management.”
ข้อความที่ปกหลังบอกว่า “งานของผมคือการทำให้ทุกคนเข้าใจว่าสิ่งที่เป็นไปไม่ได้นั้นเป็นไปได้ นี่คือข้อแตกต่างระหว่างการเป็นผู้นำกับการบริหารจัดการ” มันเป็นประโยคของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ประโยคนี้ไม่ได้กล่าวขายฝันเกินเลยหรือเลื่อนลอย หากเราย้อนนึกถึงการกลับมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบกว่าสองทศวรรษ การสร้างความเชื่อมั่นว่าบรรดาดาวรุ่งในยุค class of ’92 จะคว้าแชมป์ได้ การปั่นหัวผู้จัดการทีมฝั่งตรงข้ามด้วยสงครามจิตวิทยา เฟอร์กีไทม์และค่ำคืนโกงความตายที่คัมป์นู กระทั่งการยืนระยะด้วยผลงานชั้นเลิศไม่ว่านักเตะคนแล้วคนเล่าเข้ามาแล้วออกไป แต่ตราบเท่าที่เขายังกุมบังเหียนอยู่นี่คือหลักประกันความสำเร็จที่แฟนบอลเชื่อใจได้
สิ่งเหล่านี้คือเรื่องเล่ารายทางที่หนังสือจะขยายให้เห็นวิธีคิดในแง่ของการจัดการในฐานะผู้นำ
ความสำคัญของบุคคลลักษณะเช่นนี้มีผลต่อความสำเร็จมากน้อยเพียงใด จินตนาการต่ออีกนิดว่า บริษัทหรือองค์กรจำนวนไม่น้อยออกอาการเป๋หลังจากเปลี่ยนผู้นำ และถ้าไม่ต้องมองไกลนักก็ย้อนกลับไปที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกคราก็ได้ หลังจากเซอร์ อเล็กซ์ วางมือจากการคุมทีม สโมสรที่แฟนบอลทั่วโลกรู้จักก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มันเปลี่ยนแปลงในด้านลบตั้งแต่ 8 พฤษภาคม 2013 ที่เขาตัดสินใจประกาศรีไทร์
แม้จะชี้ชวนว่าหนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องการเป็นผู้นำและการบริหารจัดการ กระนั้น 464 หน้า ที่บรรจุเรื่องเล่าเอาไว้ไม่ได้เป็น How to ประเภท 10 วิธีจัดการนักเตะ หรือ 20 วิธีประสบความสำเร็จ ทั้งยังไม่ได้เขียนแบบตำราที่อ่านแล้วจะนำไปสู่การจัดการอย่างเป็นระบบระเบียบ แต่เป็นการถอดบทเรียนเพื่อใช้ชีวิตผ่านประสบการณ์ของคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาว เผชิญความขัดแย้ง และต่อสู้กับภาวะวิกฤติมายาวนาน
อันที่จริงหนังสือเล่มนี้มีชื่อเต็มๆ ว่า Alex Ferguson with Michael Moritz: Leading หรือ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และไมเคิล มอริตซ์: นำให้ชนะ นั่นหมายถึงหนังสือเล่มนี้เป็นการเขียนร่วมกันของแม่ทัพของทีมฟุตบอล และอีกคนคือนักลงทุนชั้นนำ ซึ่งทั้งคู่ต้องขับเคลื่อนด้วยความทะเยอทะยานเช่นกัน
เซอร์ ไมเคิล มอริตซ์ เป็นประธานบริษัท Sequoia Capital ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนส่วนบุคคลสหรัฐ โดยเขามีชื่อเสียงจากการจัดระเบียบองค์กรให้กับ Apple, Cisco, Google, PayPal, YouTube, WhatsApp และ Airbnb เรื่องเล่าของเขาจะอยู่ใน quarter สุดท้ายของหนังสือ เป็นมุมมองของเขาต่อเซอร์ อเล็กซ์ และประสบการณ์ที่ได้จากบริษัทด้านเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกที่เขาเข้าไปมีส่วนร่วม
หนังสือเล่มนี้จึงไม่ได้เหมาะกับเฉพาะคอบอลที่ต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนอกสนามฟุตบอลเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงการเข้าใจความเป็นผู้นำ เข้าใจการบริหารองค์กรขนาดใหญ่ด้วย และขั้นต่ำที่สุดคือการเข้าใจการบริหารชีวิตตนเอง
อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และไมเคิล มอริตซ์: นำให้ชนะ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และไมเคิล มอริตซ์: เขียน รัชยา เรืองศรี, ธานินทร์ ติรณสวัสดิ์ และวิฑูรย์ ภูริปัญญวานิช: แปล สำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊คส์ |