#10สิงหาประชาธิปไตยต้องไปต่อ

10 สิงหาคม 2563 คือวันแรกที่ รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ปรากฏตัวบนเวที ปราศรัย #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน ในฐานะแกนนำสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) เพื่ออ่านประกาศของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ฉบับที่ 1 อันเป็นการเปิดประเด็น ‘10 ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์’ ซึ่งถือเป็นหมุดหมายและชนวนสำคัญที่ทำให้สังคมเกิดการวิพากษวิจารณ์เป็นวงกว้าง

ผ่านมาแล้ว 2 ปีเต็มนับจากวันนั้น วันที่บทสนทนาของคนในประเทศไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป 

วันนี้ 10 สิงหาคม 2565 ผู้ชุมนุมกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ตอกย้ำจุดยืนประชาธิปไตย พร้อมกับข้อเรียกร้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องยุติบทบาททันทีหลังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี

ขบวนการนักศึกษา คือขบวนการของประชาชน

ศรัณย์ สัชชานนท์ 
สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

“ผู้ปกครองมักบอกว่า เป็นนักศึกษามีหน้าที่เรียนก็เรียนไป อย่าไปยุ่งกับการเมือง เยาวชนหลายคนต้องประสบกับสิ่งเหล่านี้มายาวนาน หลายคนต้องหวาดกลัวกับการที่รัฐกระทำต่อเรา จนทำให้ผู้ปกครองไม่ไว้วางใจให้เราแสดงออกตามสิทธิเสรีภาพ

“ผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง ก่อนหน้าจะเกิด 14 ตุลาฯ คือเหตุการณ์เผด็จการทรราชครองอำนาจ ซึ่งขบวนการนักศึกษาในยุคนั้นออกไปให้ความรู้กับผู้คน เกิดการสรรสร้างศิลปะ บทกวี เพื่อจรรโลงใจและส่งเสริมให้ผู้คนยืนหยัดในเสรีภาพ นักศึกษาในยุคนั้นมีคุณูปการต่อขบวนการเคลื่อนไหวในยุคนี้อย่างมาก ดังนั้น ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า นักศึกษาคือส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะในอนาคต นักศึกษาทุกคนที่นี่จะโตไปเป็นพลเมือง ทำงานจ่ายภาษีให้ประเทศ ดังนั้น ผมอยากย้ำว่า การเมืองเป็นเรื่องของพวกคุณ อย่าให้ใครมาบอกว่า มีหน้าที่เรียนก็เรียนไป อย่ายุ่งกับการเมือง นั่นไม่ถูกต้อง เพราะเราควรเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมประชาธิปไตยเพื่อประชาชนทุกคน

“การเมืองของนักศึกษา กับการเมืองของประชาชน เป็นสิ่งเดียวกันอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง”

ฟ้าไม่เคยเปิดทางให้คนเท่ากัน

บอย-ธัชพงศ์ แกดำ

“ไม่มีคนบนฟ้าอีกต่อไป มีแต่คนเท่ากัน เสมอกัน อยู่บนดิน ณ ทีนี้

“10 สิงหาคม 2563 ได้เติมเต็มคำว่ามนุษย์ ไม่มีใครนั่งอยู่บนฟ้าและสั่งการพวกเราอีกต่อไป เพราะเราคือคนเหมือนกัน การชุมนุมในปี 2563 เป็นคุณูปการสำคัญในการทลายเพดานทั้งหมดที่กดขี่สังคมไทยมาหลายทศวรรษ ปลดปล่อยพลังของประชาชนในหลายประเด็น ไม่ว่าจะการต่อสู้ของพี่น้องบางกลอย พี่น้องจะนะ พี่น้องแรงงาน พี่น้อง LGBTQ+ และการต่อสู้ของนักเรียน นี่คือสิ่งสำคัญ เราได้ปลดโซ่ตรวนที่เป็นต้นตอของปัญหา เราได้เห็นว่า ปัญหาที่แท้จริงคือ ‘ฟ้า’ นั่นเอง

“ฟ้าไม่เคยเปิดทางให้คนเท่ากัน ฟ้ามักจะลิขิตชีวิตของคน แต่ 10 สิงหาคม 2563 ได้บอกเราว่า ความหวังยังมีอยู่ คนที่นี่แหละจะลิขิตชะตากรรมชีวิตของตนเอง 

“จากวันนั้นถึงวันนี้ การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย คนที่มีอำนาจเผด็จการอย่าง ประยุทธ์ จันทร์โอชา คนที่สนับสนุนฟ้าให้เหนือกว่าคน พยายามสร้างวาทกรรมต่างๆ มากมาย ทั้งครอบงำและสกัดการเคลื่อนไหวของนักศึกษา แม้แต่การใช้อำนาจเผด็จการสกัดนักเรียนที่ลุกขึ้นมาต่อสู้ และสกัดภาคประชาสังคมที่ออกมาเคลื่อนไหวในประเด็นต่างๆ 

“แม้เราจะยังไม่สำเร็จทุกข้อเรียกร้อง แต่ไม่ได้หมายความว่าเราแพ้ เพราะเราเก็บชัยชนะตามทางมาอย่างมากมาย อย่างน้อยวันนี้มีคนไม่ยืนในโรงหนังกับผมด้วย อย่างน้อยวันนี้มีคนตั้งถามกับคนที่ไม่เคยให้เงินเราเรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี แต่ยังต้องไปรับใบจากเขาอยู่

“สถานการณ์การเมืองตอนนี้ เราต้องจับตาดูวันที่ 24 สิงหาคมนี้ ถ้าประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังอยู่ นั่นหมายความว่า ชนชั้นปกครองบ้านเมืองนี้ไม่เห็นหัวเรา เหยียดหยามสติปัญญาและความเป็นคนของเรา

“การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ จะต้องไม่ใช่การเลือกตัวแทนเพื่อไปกดขี่เรา หรือเลือกคนเข้าไปแล้วกลายเป็นเทพเจ้าที่เราแตะต้องเข้าถึงไม่ได้ เราต้องเลือกผู้แทนราษฎรที่เป็นตัวแทนของเรา เราต้องกำหนดข้อเสนอให้พรรคการเมือง และเราต้องเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้คือภารกิจของเรา

“ศาลรัฐธรรมนูญก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะบอกได้ว่า สรุปแล้วเขาจะเป็นศาลของประชาชน หรือเป็นศาลที่อุ้มประยุทธ์ 24 สิงหาคมนี้รู้กัน”

มนุษยชนของนักเรียนเลว

ตัวแทนนักเรียนเลว

“ทุกวันมีนักเรียนได้รับความเดือดร้อน ทุกนาทีมีนักเรียนโดนตี ทุกวินาทีมีเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา นั่นทำให้นักเรียนอย่างเราๆ ไม่เคยหยุดประท้วง ไม่เคยหยุดเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะจัดม็อบต่อต้านกฎทรงผม จัดกิจกรรม Pride month ในเดือนมิถุนายน หรือการที่นักเรียนเลวจัดทำแคมเปญชื่อว่า ‘ไม่เรียนออนไลน์แล้วอีสัส’ จัดทำคู่มือเอาชีวิตรอด หรือ พ.ร.บ. เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนของนักเรียนเลว 

“กระทรวงศึกษาธิการรับเรื่องร้องเรียนของเรา 50 เรื่องต่อเดือน แต่นักเรียนเลวเคยรับเรื่องร้องเรียนสูงสุด 170 เรื่องต่ออาทิตย์ เราต้องมาช่วยกันล้มล้างกฎระเบียบที่ล้าหลัง กฎทรงผมเฮงซวย ระเบียบการศึกษาที่ทำให้เราสูญเสียตัวตน กยศ. หรือการศึกษาที่ทำให้เด็กหลุดจากระบบเป็นล้านๆ คน มาช่วยแก้ไขมันกันค่ะ

“ในช่วงที่ พ.ร.บ. เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนของนักเรียนเลว เข้าสภา ขอให้ทุกคนช่วยกดดัน ส.ส. บ้านตัวเอง ให้โหวตรับหลักการค่ะ เพราะ #กูสั่งให้มึงรับหลักการ”

ผู้ใช้แรงงานจงรู้เถิดว่า เราถูกเอาเปรียบและขูดรีดเนื้อ

ศรีไพร นนทรีย์
กลุ่มแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง

“ปัญหาของแรงงานยังไม่หมดไป ล่าสุดเราได้ข่าวจากน้องๆ ที่เรียนจบจากรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ น้องบอกว่าเขาจบปริญญาตรี ไปทำงานอยู่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแห่งหนึ่ง หน้าที่ของเขาคือ เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธีกลุ่มงานศพที่ได้รับพระราชทานเพลิงศพ

“น้องเขาทำงานภายใต้หน่วยงานนี้ ปัญหาคือเขาเป็นลูกจ้าง ไม่ว่าจะเรียนจบอะไร ไปทำงานที่ไม่ใช่ข้าราชการ และไม่ใช่ลูกจ้างของบริษัทเอกชน กฎหมายแรงงานกลับไม่ดูแลพวกเขา ทั้งที่สัญญาจ้างเขียนไว้ว่าเป็นการเหมาจ่ายรายเดือน เดือนละ 10,500 บาท

“โดยปกติแล้วถ้าเอากฎหมายแรงงานเป็นบรรทัดฐาน เขาต้องได้ค่าจ้างวันละ 500 บาท ภายใต้กฎหมายแรงงานเขาสามารถลาป่วยได้ไม่จำกัด แต่ผู้จ้างต้องจ่ายเงินเขาปีหนึ่งอย่างน้อย 30 วันทำงาน ปรากฏว่า น้องเขาลาป่วย 1 วัน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแห่งนี้กลับไม่จ่ายเงินให้เขา 

“น้องเขาเล่าว่า จากที่เคยตกลงกันว่าจะได้เดือนละ 15,000 ปรากฏว่าทำไปทำมา ปัญหาสุขภาพรุมเร้า สุดท้ายบางเดือนได้แค่ 10,300 บาท นี่คือคนจบปริญญานะ ปัญหานี้ยังคงอยู่ 

“ล่าสุดเราต่อสู้เรื่องค่าชดเชยภายใต้รัฐบาลของประยุทธ์​ จันทร์โอชา กรณีคนงานไทรอัมพ์ ปรากฏว่ากว่าจะได้ก็ปีกว่า นายจ้างหอบกระเป๋าหนี แต่รัฐมนตรีสุชาติ ชมกลิ่น ไม่เคยที่จะต่อสู้หรือไปจัดการทำให้ลูกจ้างได้เงิน ปรากฏว่าลูกจ้างต้องต่อสู้เคลื่อนไหวเพื่อให้ได้เงินมา

“ชีวิตคนขับสิบล้อก็ยังเจอปัญหาเดิมๆ คุณภาพชีวิตคนทำงานจะถูกพัฒนาขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อการจัดสรรงบประมาณช่างแตกต่างกันเหลือเกิน เทียบกับงบทหาร งบสถาบันกษัตริย์ที่มากมายหลายหมื่นล้าน แต่กระทรวงแรงงานกลับมีงบอยู่น้อยนิดเดียวเพียงหลักพันล้าน การจัดสรรงบประมาณแบบนี้ ภายใต้รัฐบาลชุดนี้ มีปัญหามาตลอด 

“จากปี 2475 ถึงปัจจุบัน เราได้รู้ว่าปัญหาชีวิตของผู้ใช้แรงงาน คนยากคนจน ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ”

นายกฯ หมดอายุ

ครูใหญ่-อรรถพล บัวพัฒน์
กลุ่มขอนแก่นพอกันที

“2 ปีที่แล้ว เราเริ่มต้นจากแฟลชม็อบ เริ่มต้นกันที่ราชดำเนิน เริ่มต้นกันที่แฮร์รี่ พ็อตเตอร์ หลายคนอาจมองว่าไม่ได้อะไรเลย แต่ที่จริงเราได้ไปมากแล้ว เพราะสังคมนี้ไม่เคยพูดถึงความจริงได้มากขนาดนี้ 

“ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนกระซิบมาว่า ให้ใจเย็นๆ ค่อยๆ สู้ทีละก้าว ผมก็บอกไปว่านี่แหละเดินทีละก้าวแล้ว เพียงแต่ก้าวแรกมันคือก้าวล่วงเท่านั้นเอง เพราะถ้าเราไม่ก้าวให้ล่วง ไม่ก้าวให้ผ่าน เราจะไปไม่ถึงเส้นชัย 

“ณ วันนี้ที่เรามานั่งอยู่ด้วยกัน เพราะเราเห็นด้วยกัน หน้าที่ของเราทุกคนคือต้องทำให้คนเห็นด้วยกับเราเพิ่มขึ้น แม้วันนี้เราจะสามารถพูดถึงเริ่งที่เป็นปัญหาได้เต็มปากเต็มคำ แต่ความจริงมีอีกหลายสิ่งที่เรายังไม่ชนะ เราขอแค่ชนะครั้งเดียวเท่านั้น แล้วเราจะชนะตลอดไป 

“24 สิงหาคมนี้ เราคาดหวังอะไรจากองค์กรอิสระที่จะตรวจสอบผู้มีอำนาจของรัฐได้บ้าง องค์กรที่เรียกว่า ‘ศาลรัฐธรรมนวย’ จะพิพากษาให้ประยุทธ์หมดวาระ 8 ปีหรือไม่ เด็กอนุบาลยังนับเลขได้ แต่ผมเชื่อว่าศาลคงนับไม่ได้”

หลักคิด 6 ประการ สู่ชัยชนะในสนามเลือกตั้ง

ในช่วงค่ำ แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ขึ้นอ่านแถลงการณ์ #10สิงหาประชาธิปไตยต้องไปต่อ โดยชูยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ดังนี้

จากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้วที่แนวทางการต่อสู้ของพวกเราได้ถูกชูขึ้นต่อหน้ารัฐบาลและผู้มีอำนาจ แน่นอนว่าตลอดการต่อสู้ที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงจำนวนมากเกิดขึ้น แต่ก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่ยังคงดำรงอยู่

วันนี้พวกเรานักศึกษาและประชาชนจึงได้มารวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้อีกครั้ง เพื่อประกาศเจตจำนงยึดมั่นและยืนยันใน 3 ข้อเรียกร้อง

หนึ่ง – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และองคาพยพ ต้องลาออก

สอง – ร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน

สาม – ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตย

ภายใต้ช่วงเวลาการต่อสู้ที่ยาวนาน แน่นอนว่าความท้อแท้และเหนื่อยล้าย่อมเป็นสิ่งธรรมดาสามัญที่เกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะเมื่อพวกเรากำลังต่อสู้กับโครงสร้างอำนาจที่ใหญ่ที่สุดและฝังรากลึกในสังคมไทย แม้จะดูเหมือนเป็นการเดินทางที่เวิ้งว้างและปราศจากจุดสิ้นสุด อย่างไรก็ดี พวกเราขอยืนยันว่า ในความเป็นจริงชัยชนะจำนวนมากทั้งที่ถูกพูดถึงและยังไม่ถูกพูดถึงในวันนี้ คือข้อยืนยันว่าพวกเราไม่ได้เดินอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า แต่เรากำลังมุ่งใกล้เป้าหมาย พร้อมๆ กับปักหลักชัยไปตลอดเส้นทางการต่อสู้ของพวกเรา

แม้จะยังมีบางส่วนที่ขบวนการเคลื่อนไหวยังไม่สำเร็จ แต่ในวันนี้ขอให้พี่น้องประชาชนลองนึกย้อนกลับไปวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ในช่วงเวลาเพียง 2 ปี สังคมการเมืองไทยไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ความเปลี่ยนแปลงในวันนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีวันหวนกลับ อำนาจทั้งหลายในสังคมได้ถูกตั้งคำถาม ตั้งแต่อำนาจในระดับใกล้ตัวที่สุด ไปจนกระทั่งอำนาจที่ไม่เคยถูกพูดถึงมาก่อน หรือแม้แต่อำนาจที่ไม่เคยถูกมองว่าเป็นปัญหา 

พวกเราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ดอกผลของความเปลี่ยนแปลงนี้คือชัยชนะที่เกิดขึ้นจริง และมันจะบานสะพรั่งอีกครั้งภายใต้การเลือกตั้งระดับชาติที่กำลังจะมาถึง

เราขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมกันมองการเลือกตั้งครั้งนี้ในฐานะปฏิบัติการทางการเมือง อันเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวที่ใหญ่ที่สุดสู่การอภิวัฒน์ทางสังคมการเมืองอย่างแท้จริง

เราขอประกาศหลักคิด 6 ประการ เพื่อเป็นรากฐานสู่ชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้

หนึ่ง – การเลือกตั้งครั้งนี้ คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดในการเคลื่อนไหวต่อสู้ระลอกปัจจุบัน

สอง – การเลือกตั้งครั้งนี้ คือปฏิบัติการทางการเมืองในการแสดงอำนาจเชิงจำนวนที่แท้จริง

สาม – การเลือกตั้งครั้งนี้ คือตัวชี้วัดความเปลี่ยนแปลงทางความคิดความเชื่อโดยรวมทั้งหมด

สี่ – การเลือกตั้งครั้งนี้ คืออาวุธในการกลับขั้วอำนาจทางการเมืองที่ทรงพลังที่สุด

ห้า – การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการเปิดโครงสร้างโอกาสทางการเมือง และเป็นประตูบานแรกสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 

หก – การเลือกตั้งครั้งนี้ คือหนทางเดียวที่จะนำไปสู่การปฏิรูปในทุกองคาพยพอย่างแท้จริง

Author

กองบรรณาธิการ
ทีมงานหลากวัยหลายรุ่น แต่ร่วมโต๊ะความคิด แลกเปลี่ยนบทสนทนา แชร์ความคิด นวดให้แน่น คนให้เข้ม เขย่าให้ตกผลึก ผลิตเนื้อหาออกมาในนามกองบรรณาธิการ WAY

จรณ์ ยวนเจริญ
มนุษย์ขี้กลัว ผู้ที่กำลังเริ่มต้นเรียนรู้ชีวิตอีกครั้ง ทาสหมาแมวจรจัด สนใจศิลปะ วรรณกรรม และผู้คน แม้จะเข้าหาผู้คนไม่เก่งนัก

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า