#ม็อบ10สิงหา คาร์ม็อบไล่นายทุน-ขุนศึก-ศักดินา

การชุมนุมของประชาชนกลุ่มต่างๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุจากความไม่พอใจรัฐบาลที่บริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ผิดพลาดล้มเหลว รวมถึงการใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรมของรัฐบาลที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุค คสช. เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ประชาชนออกมาเคลื่อนไหวกดดันให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออก รวมถึงเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ปรับลดงบประมาณกองทัพ และแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลที่มีความสามารถเข้ามาบริหารประเทศแทน

ก่อนหน้านี้กลุ่มเยาวชนปลดแอก – Free YOUTH เพิ่งจัดชุมนุมใหญ่ไปเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม และถูกเจ้าหน้าที่รัฐปราบปรามอย่างหนักด้วยกระสุนยางและแก๊สน้ำตา ต่อมาในวันที่ 9 สิงหาคม มีนักกิจกรรม นิสิต นักศึกษา จำนวน 9 คน ถูกจับกุมและฝากขังโดยศาลไม่ให้ประกันตัว สร้างความไม่พอใจให้แก่มวลชนมากยิ่งขึ้น

10 สิงหาคม 2564 การเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลประยุทธ์เริ่มขึ้นอีกครั้ง โดยแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นัดรวมตัวทำกิจกรรมคาร์ม็อบ เริ่มต้นที่แยกราชประสงค์ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ได้ขอให้ผู้ชุมนุมจัดเตรียม ‘อุปกรณ์สันติวิธี’ ติดรถมาด้วย อาทิ ไข่เน่า น้ำปลาร้า เลือดหมู ป้ายประท้วง สีสเปรย์ ฯลฯ

13.00 น. ผู้เข้าร่วมกิจกรรมคาร์ม็อบทยอยเดินทางมายังบริเวณสี่แยกราชประสงค์เต็มพื้นที่ถนน 5 เลน และเริ่มทำการจัดรูปขบวน 

13.40 น. กลุ่มผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์เริ่มจัดขบวนเป็นด่านหน้า การจราจรค่อนข้างติดขัด ท้องถนนระงมไปด้วยเสียงแตรรถ จากนั้นผู้ชุมนุมคาร์ม็อบเริ่มเคลื่อนขบวนออกจากบริเวณหน้าห้างเกษรวิลเลจ แยกราชประสงค์ มุ่งไปตามถนนเพลินจิต

14.10 น. “ไม่ว่าจะมอเตอร์ไซค์ จักรยาน สเก็ตบอร์ด ท่านมาร่วมขบวนกับเราได้ ถ้าท่านไม่เห็นด้วยกับทรราช ถ้าท่านไม่เห็นด้วยกับการคุมขังเพื่อนเราเมื่อวานนี้และที่ผ่านมา ได้โปรดมาร่วมขบวนกับเรา” ตี้ พะเยา หนึ่งในแกนนำ ประกาศในที่ชุมนุม โดยมีประชาชนออกมาให้กำลังใจตลอดสองข้างทาง 

14.20 น. ขบวนคาร์ม็อบเดินทางมาถึงบริเวณหน้าอาคารซิโน-ไทย ทาวเวอร์ ถนนอโศกมนตรี 

15.00 น. แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมได้ออกประกาศฉบับที่สอง เรื่อง “นายทุน-ขุนศึก-ศักดินา” และการเมืองหลังระบอบประยุทธ์ โดย เบนจา อะปัญ นักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย เป็นผู้อ่านประกาศ ใจความว่าด้วยสถานการณ์การบริหารประเทศและวิกฤติโรคระบาดภายใต้การนำของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน

‘นายทุน-ขุนศึก-ศักดินา’ และการเมืองหลังระบอบประยุทธ์

แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมได้ออกประกาศฉบับที่ 2 โดย เบนจา อะปัญ นักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย เป็นผู้อ่านประกาศ ใจความว่าด้วยสถานการณ์การบริหารประเทศและวิกฤติโรคระบาดภายใต้การนำของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน

“ดังที่ราษฎรได้เห็นกันถ้วนหน้าจากความตกต่ำทางเศรษฐกิจ ตกต่ำทางสาธารณสุข ตกต่ำในมาตรฐานการพูดการจา ตกต่ำทางสติปัญญา ตกต่ำในการคมนาคม ตกต่ำทางการศึกษา ตกต่ำในเสรีภาพการแสดงออก ตกต่ำในความศรัทธาต่อทุกสถาบัน ตกต่ำในความเป็นมนุษย์​ และแม้แต่ความปลอดภัยของประเทศก็ไม่ได้สูงขึ้นตามงบประมาณที่ใช้ ไม่มีใครรู้สึกปลอดภัยหรือมั่นคงใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่ความเงียบงันเหมือนเมืองร้าง ตกต่ำถ้วนหน้า ไม่มีใครสามารถมองเห็นเป็นอื่นได้อีก”

ประกาศดังกล่าวระบุว่า ความตกต่ำนั้นมาจากสองสาเหตุ นอกจากรัฐบาลจะไร้ซึ่งความสามารถแล้ว แต่ยังเห็นผลประโยชน์ของชนชั้นนำเช่นตัวเอง สำคัญกว่าชีวิตของราษฎร

จึงเรียกร้องให้ตั้งรัฐบาลชุดใหม่ขึ้น โดยเน้นว่าต้องเป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย มิใช่การรัฐประหารหรือวิธีการอื่นใด และจะต้องเป็นรัฐบาลของประชาชน มีที่มาจากประชาชน เพื่อเข้ามาจัดการวิกฤติ ดังนี้ 

  1. ควบคุมสถานการณ์โรคระบาดให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ประชาชนในชาติได้รับการตรวจ รักษา และป้องกันโรคระบาดได้อย่างมีคุณภาพ ทั่วถึง ไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่เสียเวลาลงทะเบียนและขั้นตอนที่ยาวนานเสียจนเป็นการฆ่าคนตาย อย่างขั้นตอนในระบบราชการ 
  2. แก้ไขวิกฤตการณ์เศรษฐกิจให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพและดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข 
  3. ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2560 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นเพื่อเป็นช่องทางให้ทรราชประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สืบทอดอำนาจของตน และร่างรัฐธรรมนูญประชาชนขึ้นใหม่ทั้งฉบับ 
  4. ผลักดันให้เกิดการปฏิรูปโครงสร้างสถาบันการเมือง สถาบันกองทัพ สถาบันศาล สถาบันกษัตริย์ รวมถึงสถาบันอื่นๆ เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิ เสรีภาพ และประเทศชาติมีประชาธิปไตย 
  5. ประเคนคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้ประชาชน เดี๋ยวนี้ 

“มีเพียงการต่อสู้ของประชาชนเท่านั้นที่จะปลดปล่อยประชาชนจากการกดขี่ของระบอบทรราชนี้ได้ ขอให้พี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า พร้อมใจร่วมต่อสู้ในสายธารแห่งความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จนกว่าที่ทรราชทั้งหลายจะต้องออกไปพ้นจากแผ่นดินไทย ประเทศชาติมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ และวันที่คน กลับมาเป็นคน ไม่ใช่ฝุ่นใต้ตีนใครอีกต่อไป”

จากซิโน-ไทย ไปบ้านพักธรรมนัส

15.15 น. แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ประกาศเคลื่อนพลจากหน้าตึกซิโน-ไทย ทาวเวอร์ มุ่งหน้าไปยังบ้านพักของ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บริเวณถนนพระราม 9

16.00 น. ขบวนเคลื่อนถึงบริเวณที่คาดว่าเป็นที่พักของ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า จากนั้นมีการทำกิจกรรมเชิงสันติวิธี โดยนำหุ่นศพจำลองวางทิ้งไว้เรียงรายบนพื้นฟุตปาธ ต่อมาแกนนำจึงประกาศให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนไปยังจุดต่อไป

16.15 น. แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ประกาศเคลื่อนพล โดยจุดหมายต่อไปคือตึก King Power

16.50 น. ระหว่างเคลื่อนขบวนไปถึงบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง มีการยิงแก๊สน้ำตาจากฝั่ง คฝ. ทางกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามเดินหน้าไปสู่จุดหมายคือ ตึก King Power

16.50 น. แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ประกาศผ่านเพจเฟซบุ๊คว่า “คู่ต่อสู้ของเราไม่ใช่ตำรวจหรือ คฝ. แต่คือทรราช ขอให้มุ่งตรงสู่ King Power มีอะไรสนุกๆ รออยู่”

photo: ธนัญชัย แก้วโสวัฒนะ / ThaiNewsPix

17.00 น. เจ้าหน้าที่ คฝ. รวมตัวกันอยู่ใต้ทางด่วนดินแดง เพื่อสกัดกั้นผู้ชุมนุม จนกระทั่งในเวลา 17.05 น. แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ประกาศยุติการชุมนุม พร้อมให้ติดตามนัดหมายครั้งต่อไปอย่างใกล้ชิด 

ปะทะเดือด-เพลิงไหม้ป้อมตำรวจสามเหลี่ยมดินแดง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการประกาศยุติการชุมนุมไปแล้วก็ตาม แต่มวลชนส่วนหนึ่งยังคงปักหลักอยู่ที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง และเกิดการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ คฝ. ท่ามกลางสถานการณ์ที่เริ่มตึงเครียดขึ้นมาอีกระลอก และเป็นจุดที่เคยเกิดการปะทะอย่างหนักในการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา

photo: ธนัญชัย แก้วโสวัฒนะ / ThaiNewsPix

18.00 น. มีรายงานเหตุเพลิงไหม้ป้อมตำรวจบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง และอีกจุดหนึ่งที่บริเวณใกล้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ทำให้เจ้าหน้าที่รีบเข้าระงับเหตุ และพยายามผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมออกไปจากพื้นที่ด้วยการระดมยิงกระสุนยาง แก๊สน้ำตา และฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าใส่ผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง

photo: ภานุมาศ สงวนวงษ์ / ThaiNewsPix

19.00 น. รถพยาบาลรับตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจอกจากแนวปะทะ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่าถูกยิงที่บริเวณขาด้วยกระสุนจริง แต่ยังไม่มีรายงานที่ชัดเจนว่ากระสุนมาจากฝ่ายใด

photo: ภานุมาศ สงวนวงษ์ / ThaiNewsPix

19.25 น. คฝ. เรียกรวมพลตั้งแถวบนถนนดินแดงเพื่อเตรียมกระชับพื้นที่ และประกาศให้สื่อมวลชนถอยมาอยู่หลังแนวของเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัย พร้อมระบุว่ามีการใช้ความรุนแรงจากฝั่งผู้ชุมนุม

19.45 น. The Reporters รายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้ยิงแก๊สน้ำตาเข้ามาในซอยโรงเรียนราชประสงค์ ทำให้ชาวบ้านถูกลูกหลง อีกทั้งถูกเจ้าหน้าที่ลากไปกระทืบเพราะคิดว่าเป็นผู้ชุมนุม ก่อนพูดว่า “ทำแบบนี้ไม่ถูก มันไม่สนใจเลยว่าใครเป็นใคร” “คิดถึงลูกเมียกูบ้าง” เหตุการณ์นี้ชาวบ้านบอกว่าเปิดกล้องวงจรปิดดูได้ มีหลักฐานชัดเจน

20.00 น. หลังเจ้าหน้าที่ คฝ. เข้าเคลียร์พื้นที่สามเหลี่ยมดินแดงแล้ว จากนั้นเริ่มรุกไล่ไปถึงบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและมีการยิงกระสุนยางเข้าใส่ผู้ชุมนุมเป็นระยะ

20.30 น. คฝ. ยังคงวางกำลังไว้บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ฝั่งผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ยังคงเผชิญหน้าอย่างตึงเครียด โดยกลุ่มผู้ชุมนุมตอบโต้เจ้าหน้าที่ด้วยการยิงพลุชุดใหญ่เข้าใส่แนวหน้าของ คฝ. ใกล้กับบริเวณแฟลตดินแดง ทำให้เจ้าหน้าที่ยิงกลับด้วยกระสุนยางและแก๊สน้ำตา

21.00 น. สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย

Author

กองบรรณาธิการ
ทีมงานหลากวัยหลายรุ่น แต่ร่วมโต๊ะความคิด แลกเปลี่ยนบทสนทนา แชร์ความคิด นวดให้แน่น คนให้เข้ม เขย่าให้ตกผลึก ผลิตเนื้อหาออกมาในนามกองบรรณาธิการ WAY

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า