19 สิงหาคม กลุ่มทะลุฟ้ายังคงจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยนัดหมายชุมนุม ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 16.00 น. พร้อมใช้ผ้าดำคลุมบนพานแว่นฟ้าส่วนยอดของอนุสาวรีย์ โดยมีป้ายผ้าข้อความว่า ‘ทรราชในคราบ (คนดี)’ ขึงตรึงระหว่างปีกทั้งสองข้าง
“ถ้าตายไป ก็อยู่ชดใช้กรรมในนรกนะครับ ผมเชื่อว่าองคาพยพของท่านก็คงอยู่ในนั้นเหมือนกัน” ผู้ปราศรัยต่างผลัดเปลี่ยนขึ้นไฮด์ปาร์ค วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล เรียกร้องให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รับผิดชอบด้วยการลาออก รวมถึงการอภิปรายการใช้งบประมาณของรัฐ และปัญหาของระบบการศึกษา ฯลฯ
บรรยากาศการชุมนุมมีกิจกรรมมากมาย อาทิ การโปรยกระดาษสะท้อนข้อเรียกร้องของประชาชน เช่น ‘ส.ว. 250 ออกไป’ ‘ประยุทธ์ออกไป’ กิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นบนผืนผ้าใบสีขาว แทนสัญลักษณ์การร่างรัฐธรรมนูญโดยประชาชน
อีกหนึ่งไฮไลท์คือ กิจกรรม ‘ตะโกนทะลุฟ้า’ เป็นกิจกรรมที่ให้ผู้ร่วมชุมนุมขึ้นจับไมค์พร้อมระบายความอัดอั้นตันใจอย่างเผ็ดร้อน ซึ่งทุกเสียงของประชาชนได้สะท้อนถึงความไม่พอใจต่อรัฐบาลที่ทำให้ประเทศตกต่ำ เศรษฐกิจพังพินาศ และไร้ความสามารถในการควบคุมโรคระบาด
18.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมยืนชู 3 นิ้วเคารพธงชาติ ขณะที่มวลชนรอบข้างส่งเสียงบีบแตรเป็นระยะ หลังจากนั้นจึงยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิตจาก COVID-19
‘ไม่มีคนบนฟ้า’ ถูกบรรเลงเป็นแทร็คแรกของการแสดงดนตรีสดโดยวงทะลุฟ้า ซึ่งเป็นกิจกรรมช่วยผ่อนคลายให้แก่ผู้เข้าร่วมชุมนุม หลังจากกิจกรรมแสดงดนตรีสดแล้ว ก็มีผู้ปราศัยสลับขึ้นพูดอีกคำรบหนึ่ง
18.30 น. เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน (คฝ.) และรถจีโน่ปรากฏบริเวณที่ชุมนุม แต่ไม่มีการปะทะใดๆ เกิดขึ้น โดยแกนนำทะลุฟ้าขอให้ผู้ชุมนุมเว้นระยะห่างจากเจ้าหน้าที่ 200 เมตร เพื่อความปลอดภัยจากการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐ
19.00 น. กลุ่มทะลุฟ้าเผากองฟางซึ่งถูกจัดเรียงเป็นคำว่า ‘ประยุทธ์ออกไป’ โดยย้ำว่าการเผากองฟางหรือชุดหุ่น เป็นไปตามหลักสันติวิธี เพราะฟางที่นำมานั้นไม่ใช่ทรัพย์สินของผู้อื่น ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน และไม่ใช่ข้ออ้างที่ คฝ. จะเข้าปราบปรามผู้ชุมนุม
19.05 น. หลังเสร็จกิจกรรมเผากองฟาง กลุ่มทะลุฟ้าได้ประกาศยุติการชุมนุม โดยการชุมนุมครั้งนี้ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยปราศจากความรุนแรงใดๆ จากนั้นผู้ชุมนุมจึงทยอยเดินทางกลับท่ามกลางควันไฟที่ค่อยๆ ดับมอด และเสียงบีบแตรกึกก้องสนั่น
สามเหลี่ยมดินแดงยังเดือด
อีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลาประมาณ 16.50 น. มวลชนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งส่วนใหญ่ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ เริ่มมีการรวมตัวกันที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ซึ่งเป็นจุดที่มีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ คฝ. มาอย่างต่อเนื่อง โดยฝ่ายเจ้าหน้าที่เองยังคงตรึงกำลังรับมือแน่นหนา พร้อมกับตู้คอนเทนเนอร์ที่วางกีดขวางอยู่ที่บริเวณถนนวิภาวดีรังสิตเช่นเดิม
เพียงไม่นานก็เกิดการปะทะขึ้นอีกครั้ง โดยเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ระดมยิงสกัดผู้ชุมนุมด้วยแก๊สน้ำตาวิถีโค้งจากบนทางด่วนลงมาบนถนน ขณะที่ผู้ชุมนุมตอบโต้ด้วยพลุและประทัด นอกจากนี้ยังมีรถยนต์ของประชาชนทั่วไปที่สัญจรผ่านมายังบริเวณดังกล่าว ทำให้ถูกลูกหลงจากการยิงแก๊สน้ำตาของเจ้าหน้าที่ตกใส่ฝากระโปรงรถ
อนึ่ง ก่อนหน้านี้เมื่อคืนวันที่ 16 สิงหาคม 2564 มีผู้บาดเจ็บอายุ 15 ปี ถูกนำส่งโรงพยาบาลราชวิถี หลังถูกยิงด้วยกระสุนเข้าที่บริเวณต้นคอหลังกกหูซ้าย ผลเอกซเรย์พบกระสุนฝังที่ไขสันหลังส่วนบนที่เชื่อมต่อกับก้านสมอง ขณะนี้ยังไม่รู้สึกตัว ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และมีอาการสมองบวมจากภาวะขาดออกซิเจนหลังหัวใจหยุดเต้นชั่วคราว จากเหตุดังกล่าวทำให้พื้นที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดงถูกจับตามองว่าจะนำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงและการสูญเสีย
18.45 น. คฝ. จัดขบวนตั้งแถวเตรียมเข้ากระชับพื้นที่ มีการประกาศขอให้สื่อมวลชนถอยออกจากพื้นที่ เนื่องจากมีผู้ชุมนุมปาระเบิดปิงปองเข้าใส่เจ้าหน้าที่ อาจทำให้คนทั่วไปถูกลูกหลงได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากพื้นที่แล้ว