เรื่อง: ปริชาติ หาญตนศิริสกุล
ภาพ: Motel Mist
สองทุ่มครึ่งของคืนวันที่ 15 พฤศจิกายน วันนั้นโรงหนังสกาล่าคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายมารวมตัวเพื่อเหตุผลเดียวกันคือโรงแรมต่างดาว (Motel Mist) รอบ sneak preview นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมาสกาล่า และนี่เป็นหนังเรื่องแรกของ ปราบดา หยุ่น นักเขียนรางวัลซีไรต์และผู้กำกับมือใหม่
ก่อนหนังฉาย ปราบดาและบรรดานักแสดงนำเล่าให้ฟังว่า ตอนนำหนังเรื่องนี้ไปฉายในเทศกาลหนังต่างประเทศ หนังเรื่องนี้ก็มีกระแสตอบรับทั้งบวกและลบ บางคนดูแล้วอุทานว่า “What the f*ck” ก็มี
การฉายหนังรอบนี้ไม่ได้มีความสำคัญแค่ฉายในประเทศไทยครั้งแรก แต่นักแสดงหลายคนก็เพิ่งได้ดูสิ่งที่ตัวเองเล่นในรอบนี้ด้วย ปราบดากล่าวว่าเขาไม่รู้จะเล่าถึงหนังเรื่องนี้อย่างไรดี ดูด้วยตาตัวเองน่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
ต่อจากนี้ อาจมีการเปิดเผยเนื้อหาซึ่งอาจเป็นส่วนสำคัญของหนัง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม
Motel Mistress
คุณลองนึกถึงโรงแรมม่านรูดในจินตนาการของคุณหลังม่านที่พนักงานปิดลงจะมีอะไรอยู่ เตียงหมุนได้ ห้องพักกระจกรอบห้อง อุปกรณ์ประกอบกิจกามทั้งหลายแหล่ เสื้อผ้าแนบเนื้อชวนสยิว ฯลฯ ถ้าคุณไม่เคยเข้าม่านรูดจริงๆ ภาพในหัวอาจจะใกล้เคียงกับห้องในโรงแรมต่างดาว แต่จุดตรึงใจของโรงแรมต่างดาวคือ ‘สี’ และ ‘การวางภาพ’ ของ (หรือสถานที่) บางอย่างมีอยู่ตามความเป็นจริง บางอย่างก็เซ็ตขึ้นมา ถ้าคุณตาไวพอ และของเหล่านี้บอกใบ้นิสัยของตัวละครบางตัว
เขาย่องมาตอนหนูหลับ… เขาจับ เขาจูบ แล้วเขาก็วิ่งหนีไป
หลายคนคงคุ้นหูท่อนฮุกจากเพลง ‘หนูไม่ยอม’ ซึ่งเป็นเพลงประกอบหลักของหนังเรื่องนี้ เดิมทีเป็นเพลงเก่าเวอร์ชั่นที่ หฤทัย หิรัญญา เคยร้องไว้ ปรากฏในฉากเปิดเรื่อง แต่ในหนังมีการนำเพลงนี้มารีมิกซ์
ปราบดาเล่าว่า เพลงเวอร์ชั่นรีมิกซ์มีการใส่เสียงในอวกาศต่างๆ อย่างเช่น เสียงดาวหาง ซึ่งเป็นเสียงจริงที่ NASA อัดไว้! เพลงรีมิกซ์เวอร์ชั่นนี้เป็นผลงานของนักดนตรีวงอินดี้รุ่นใหม่อย่าง ไผ่ Plot และ เต๊นท์ Summer Dress ปราบดาพูดถึงเพลงนี้เพิ่มเติมอีกว่า มีเนื้อหาแปลกดี
(เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ WAY หาเวอร์ชั่นรีมิกซ์ที่ใช้ในหนังไม่เจอ จึงเชิญผู้อ่านเสพเวอร์ชั่นเก่าไปพลางๆ ก่อน)
ไม่ใช่แค่เพลงหนูไม่ยอมเวอร์ชั่นนี้เท่านั้นที่โดดเด่น เพลงประกอบอื่นๆ อย่างเพลงคลาสสิกต่างๆ ที่ใช้ในหนังก็สร้างบรรยากาศชวนอึดอัดใจตามตัวละครไปด้วย ซึ่งปราบดาให้ hint ว่า ถ้าพอคุ้นกับบรรดาเพลงคลาสสิกที่นำมาประกอบในหนัง ก็จะเข้าใจความหมายบางอย่างในฉากเหล่านั้นเพิ่มขึ้น
เงินทองมีปัญหา ใส่ชุดนัก’ษามาหาพี่
แน่นอนว่าโรงแรมต่างดาว เป็นโรงแรมม่านรูด และสิ่งที่โรงแรมม่านรูดจะขาดไม่ได้ก็คือ ‘เซ็กส์’ แล้วใครกันที่มีบทบาทเติมเต็มเรื่องกามารมณ์ คงหนีไม่พ้นโสเภณี แต่ตัวละครที่รับบทแรงงานทางเพศในหนังเรื่องนี้ก็มีความซับซ้อนขึ้นไปอีกนิดในแง่ที่เธอเป็น ‘เด็กไซด์ไลน์’ ทั้งที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
มีคำถามที่อยากถามเกี่ยวกับตัวละครหญิงทั้งสองคนนี้ที่ดูเป็นผู้ถูกกระทำมาตลอด ไม่ว่าจะถูกทำร้ายทางกายหรือทางจิตใจก็ตาม บางฉากตัวละครทั้งสองก็เป็นผู้ถูกกระทำในฐานะที่ระบายความกำหนัด แต่อีกด้านตัวละครทั้งสองก็เป็นผู้ถูกกระทำในฐานะ ‘เด็ก’ ที่ต้องแบกรับ ’ค่านิยม’ ของสังคมไว้ เพื่อดำรงตนเป็น ‘คนดีในสังคม’
แม้ข้อหลังจะเป็นเรื่องจริงที่เห็นอยู่ทุกวัน แต่เรื่องแรกฉันไม่รู้ว่าจริงไหม ที่บางครั้งบรรดา sex worker ก็ต้องยอมจำนนเป็นผู้ถูกกระทำอย่างไม่มีข้อต่อรองเพื่อแลกกับรายได้
แต่อย่างไรก็ตามคนในโรงแรมต่างดาว ไม่ได้มีแต่ลูกค้าที่เข้าพักเพื่อเสพสุขเท่านั้น แล้วคนอื่นตามหาอะไรในโรงแรมแห่งนี้? บอกใบ้ให้แค่ว่าอาจคล้ายคลึงกับความรักแต่ไม่ใช่ความรัก และคนที่เป็นผู้ถูกกระทำก็จะไม่เป็นแค่ผู้ถูกกระทำอยู่ตลอดหรอก
คนดีของสังคมไหน?
“เป็นคนดีของสังคมไหน? ไทย เกาหลีเหนือ สวีเดน มันไม่น่าจะเหมือนกันนะมึง”
“ก็ของทุกสังคมนั่นแหละ มึงจะถามอะไรของมึงวะ”
นี่เป็นหนึ่งในบทสนทนาหลังจากตัวละครสองสาวไซด์ไลน์ที่กล่าวถึงมาตรฐานการเป็นคนดี ความเป็นคนดีช่างเป็นเรื่องปริศนา หากเราเปรียบเทียบหนังกับชีวิตประจำวัน การปรากฏตัวของตัวละครอย่างเสี่ย ที่มาพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม ชอบฟังเพลงคลาสสิก ดูช่างเป็นคนใจเย็นพร้อมเปย์ หรือตัวละครอย่างทศ เด็กรับรถในโรงแรม ที่พูดจาจ๊ะจ๋ากับคนรัก ไม่เคยสร้างปัญหาอะไร ทำงานตามค่าเงิน แต่เหรียญมีสองด้าน ไม่มีใครขาวสะอาดหมดจด
ไม่รู้มีใครเคยตั้งคำถามไหมว่าความถูกผิดกำหนดโดยใคร ใครเป็นคนตั้งกฎเกณฑ์เหล่านี้ขึ้นมา แล้วคนที่ไม่เคยทำอะไรเลยเป็นคนดีใช่ไหม แม้บางหนในความเป็นจริง คนที่ถูกยกย่องว่าเป็นคนดีแม้จะทำผิดก็มีความจำเป็นมารองรับ และไม่มีใครสงสัยพฤติกรรมด้านอื่นในชีวิตของเขา หากเขาจะลงโทษคนที่ไม่ปฏิบัติตามอาณัติก็นับว่าเป็น ‘การสั่งสอน’
หากพูดเช่นนี้ก็เสมือนว่าความดีในตัวมนุษย์ (อาจ) เป็นปริศนาในสังคมไทย แต่ตัวละครต่างๆ ในโรงแรมต่างดาวก็ล้วนมีปริศนาซ่อนไว้ด้วยกันทั้งนั้น
ออกไปจากที่นี่
หลังจากหนังจบ บรรดานักแสดงและผู้กำกับขึ้นเวทีขึ้นมาพูดคุยกับผู้ชมอีกครั้ง นักแสดงหลายคนที่ได้ดูรอบนี้เป็นครั้งแรกยอมรับว่าภาพที่ออกมาแตกต่างกับจินตนาการที่ตนเองคิดไว้ นักแสดงบางคนเล่าว่าต้องเข้าเวิร์คช็อปก่อนแสดง อย่าง วสุพล เกรียงประภากิจ หรือ มอร์ Ten To Twelve ยอมรับว่าก่อนมาเล่นจริงต้องเข้าไปคุยกับคนที่เคยอยู่โรงพยาบาลจิตเวช
ปราบดายอมรับว่าแม้หลายๆ ฉากนักแสดงดูจะเล่นเป็นธรรมชาติ แต่เบื้องหลังการถ่ายทำมีการเทคใหม่หลายหน ซึ่งบางครั้งก็เป็นการร้องขอจากตัวนักแสดงเอง ปราบดายังพูดติดตลกถึงคนที่ไม่ชอบหนังของเขาว่า เขาคาดหวังแค่เวลาเจอกันนอกโรงก็ยิ้มให้กัน หากไม่รู้จะพูดอะไร พูดว่าน่าสนใจดีก็พอ
* (30 พฤศจิกายน) เพจทางการของภาพยนตร์ Motel Mist ประกาศว่า 15 ธันวาคม ภาพยนตร์จะเข้าฉายอย่างเป็นทางการ
วันที่ 16 พฤศจิกายน เพจ Motel Mist ออกประกาศเลื่อนการฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ออกไปจากกำหนดเดิม (17 พฤศจิกายน) เพราะทางฝ่ายผู้สร้าง และฝ่ายผลิตภาพยนตร์ มีความเห็นไม่ตรงกันในส่วนเนื้อหาของภาพยนตร์
อย่างไรก็ตาม มีข้อสงสัยจากผู้ชม (ทั้งเตรียมไปดูและไปดูมาแล้ว) แม้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีฉากอีโรติกและฉากใช้กำลังก็จริง แต่ก็สามารถฉายในงานเทศกาลหนังรอตเทอร์ดัม และผ่านการพิจารณาจากกองเซ็นเซอร์จนได้รับเรต 18+ มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่หนังอีโรติกอีกเรื่องที่ได้รับเรต 20+ อย่าง In The Room (ส่องห้องรัก) ยังสามารถฉายแบบจำกัดโรงต่อไปได้ตามปกติ
Author
