อ่านจดหมายสองฉบับเพื่อทำความเข้าใจการรัฐประหารในเมียนมา

ปลายปี 2020 กองทัพเมียนมาได้เรียกร้องต่อ กกต.เมียนมา หลายครั้ง เพื่อให้เปิดเผยรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งวันที่ 8 พฤศจิกายน 2020 แต่ข้อเรียกร้องดังกล่าว ไม่ได้รับการตอบสนอง

เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2020 พรรค NLD ของ อองซานซูจี กวาดชัยชนะถล่มทลาย แม้ว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จากกลุ่มสิทธิมนุษยชนต่อกรณีการตัดสิทธิเลือกตั้งในภูมิภาคที่มีความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐยะไข่ ในขณะที่พรรคสหสามัคคีและการพัฒนา (USDP) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่กองทัพเมียนมาให้การสนับสนุนออกมาแสดงให้เห็นว่ามีการโกงการเลือกตั้ง

หากไม่ดำเนินตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญก็อาจต้องรัฐประหาร

26 มกราคม 2021 กองทัพตั้งโต๊ะแถลงการณ์เรียกร้องซ้ำอีก เพื่อให้เปิดการสอบสวนข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการโกงรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปที่ผ่านมา โดยได้นำเอาเอกสารบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ กกต. ทำผิดพลาด 8.6 ล้านกรณี มาแสดงต่อหน้านักข่าว

นักข่าวคนหนึ่งลุกขึ้นถามว่า หาก กกต. ไม่ตอบสนองข้อเรียกร้อง ไม่มีการสอบโกงเลือกตั้ง และสภาไม่นำเรื่องทุจริตเลือกตั้งเข้าสภา กองทัพเมียนมาจะทำรัฐประหารหรือไม่

“เราไม่ได้พูดว่ากองทัพจะยึดอำนาจ และเราก็ไม่ได้พูดว่าจะไม่ทำเช่นกัน สิ่งที่เราสามารถพูดได้ คือ เราจะปฏิบัติตามกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงรัฐธรรมนูญด้วย” พลตรีส่อมินทุน (ဗိုလ်ချုပ်​ဇော်မင်းထွန်း) โฆษกกองทัพเมียนมา ตอบนักข่าวคนนั้นกลับไปเสียงแข็ง

27 มกราคม 2021 พลเอกอาวุโสมินอ่องหล่าย (ဗိုလ်ချုပ်မှူးကြီးမင်း​အောင်လှိုင်) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดกองทัพเมียนมา บรรยายพิเศษทางไกลผ่าน video conference ให้แก่นักศึกษาวิทยาลัยป้องกันประเทศ สถาบันวิชาการป้องกันแห่งชาติเมียนมา กรุงเนปิดอว์ การบรรยายวันนั้นทำให้เกิดข่าวลือกันไปว่ากองทัพอาจจะทำรัฐประหารหรือไม่ อันเนื่องมาจากมีการตีความช่วงตอนหนึ่งที่กล่าวว่า

“รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายที่กำหนดถึงกฎเกณฑ์การปกครองทางด้านการเมืองอย่างกว้างๆ กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการบริหารในทางการเมืองของรัฐหรือประเทศ หากไม่เคารพและไม่ปฏิบัติตาม เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ จะเปิดโอกาสให้ผู้ไม่ชอบระบอบรัฐธรรมนูญยกมาเป็นข้ออ้างในการล้มเลิกกฎหมายนี้ นั่นหมายความว่าจะต้องยกเลิกรัฐธรรมนูญ”

28 มกราคม 2021 หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นมยะวดีเนะสิ่น (မြဝတီ​နေ့စဥ်)หรือ Myawaddy Daily สื่อกระบอกเสียงของกองทัพตีพิมพ์ถ้อยแถลงของพลเอกอาวุโสมินอ่องหล่าย เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2021 โดยเน้นข้อความที่ว่ารัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายที่อยู่ในฐานะสูงกว่ากฎหมายทั้งหมด และควรได้รับการเคารพและปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ หากไม่เคารพและไม่ปฏิบัติตามเจตนารมณ์แล้ว อาจมีความจำเป็นที่จะต้องยกเลิกรัฐธรรมนูญ

นั่นทำให้อาจตีความและเข้าใจได้ว่าหากไม่มีการตรวจสอบการทุจริตเลือกตั้งตามที่ร้องขอ กองทัพอาจทำตามอย่างที่แถลง และไม่อาจยืนยันได้เลยว่าจะไม่มีการยึดอำนาจ

จดหมายฉบับที่ 1 – การขู่จากกองทัพ

อย่าโต้ตอบข้อร้องขอของกองทัพ มิฉะนั้นจะดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ 2008

พลเอกอาวุโสมินอ่องหล่าย ซึ่งจะเกษียณอายุราชการในปี 2021 ได้ต่ออายุราชการในปี 2016 ในสมัยประธานาธิบดีถิ่นจ่อ (ဦးထင်​ကျော်) ซึ่งไม่เห็นด้วยที่มินอ่องหล่ายขอต่ออายุราชการจนถึงกับเป็นเหตุให้เกิดความตึงเครียดกันระหว่างฝั่งกองทัพและรัฐบาลอยู่ระยะหนึ่ง

มิถุนายน 2020 พลเอกอาวุโสมินอ่องหล่ายเดินทางไปเยือนรัสเซียและได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงประสบการณ์ที่ว่ายเวียนอยู่ในงานบริหาร อย่างช่ำชองและเป็นเวลายาวนานถึง 40 ปี โดยอ้างว่าจะสามารถช่วยเหลือประเทศชาติได้เป็นอย่างดี และก่อนการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2020 ก็มีข่าวรายงานว่าในปี 2019 มินอ่องหล่าย ได้เดินทางไปบริจาคเงินที่โบสถ์คริสต์และมัสยิดอิสลามในเมืองย่างกุ้ง เนปิดอว์ และมัณฑะเลย์ และยังได้พบปะกับผู้นำศาสนาและเยี่ยมเยียนชุมชนฮินดู มุสลิม

ข่าวดังกล่าวทำให้หลายๆ คน ต่างประหลาดใจกันเป็นอย่างมาก เนื่องจากการบริจาคเงินให้กับศาสนาอื่นที่มิใช่ศาสนาพุทธนั้น ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับระดับผู้นำกองทัพเมียนมา รวมถึงการที่ก่อนหน้านี้กองทัพได้ใช้เฟซบุ๊คประชาสัมพันธ์ข่าวกิจกรรมต่างๆ โดยอ้างว่าเพื่อแจ้งข่าวกองทัพให้ประชาชนได้รับทราบ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งแต่อย่างใด

มีการวิเคราะห์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่า นี่อาจเป็นการส่งสัญญาณลับว่าพลเอกอาวุโสวัยเกษียณผู้นี้ต้องการก้าวเข้ามาสู่เส้นทางการเมืองหรือไม่

แต่การเมืองเมียนมาก็ยังเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยากอยู่นั่นเอง

กองทัพเมียนมาโดยรักษาการตำแหน่งผู้บังคับบัญชาการทหารสูงสุด เขียนจดหมายด้วยลายมือถึงอองซานซูจี (​ဒေါ်​အောင်ဆန်းစုကြည်) ฉบับหนึ่ง ในจดหมายมีสาระสำคัญเหมือนเดิม คือ ข้อเรียกร้องของกองทัพต่อกรณีการเลือกตั้งที่ไม่ขาวสะอาด ซึ่งพบกรณีว่ามีบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิซ้ำซ้อน บางคนมีอายุเกินกว่า 100 ปี บางคนก็เสียชีวิตไปแล้ว พบลักษณะดังกล่าวกว่า 10 ล้านราย นั่นอาจนำไปสู่การกาบัตรซ้ำซ้อน หรือการทำผิดอื่นๆ ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาหรือไม่

ในจดหมายยังระบุว่าได้ส่งบัญชีรายชื่อที่กองทัพสำรวจพบว่า กกต. ทำผิดพลาด แนบมาพร้อมกันด้วย ซึ่งต้องการให้ดำเนินการตรวจสอบ ในท้ายจดหมายยังเขียนเชิงขู่ว่าหากไม่ดำเนินการตามที่ยื่นเสนอมา กองทัพอาจจำเป็นต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญปี 2008 พร้อมกับลงลายมือชื่อนายทหารรักษาการแทนกำกับ และลงวันที่ 28 มกราคม 2021

“เราได้รับทราบว่าพวกเขาถูกกองทัพจับตัวไป ด้วยสถานการณ์ที่เราเห็นในตอนนี้ ทำให้เราตั้งข้อสันนิษฐานว่ากองทัพกำลังก่อรัฐประหาร ผมอยากบอกกับผู้คนของเราว่าอย่าตอบโต้ด้วยความผลีผลาม และผมต้องการให้พวกเขาปฏิบัติตามกฎหมาย” มโย ญุ่น (မျိုးညွန့်) โฆษกพรรค NLD ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ผ่านทางโทรศัพท์ว่านางอองซานซูจี ประธานาธิบดีอูวิน มยิ่น (ဦးဝင်းမြင့်) และแกนนำพรรค ถูกควบคุมตัวไปเมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2021 ซึ่งเป็นวันที่กำหนดว่าจะมีการเปิดสภาหลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2020

จดหมายฉบับที่ 2 – การโต้กลับจาก NLD

ประชาชนอย่ายอมรับการรัฐประหารโดยกองทัพ และจงโต้ตอบคัดค้าน

1 กุมภาพันธ์ 2021 เฟซบุ๊คเพจ Chair NLD ซึ่งระบุว่าเป็นของหัวหน้าพรรค NLD เผยแพร่แถลงการณ์ฉบับหนึ่งซึ่งลงนามโดยอองซานซูจี แต่ไม่มีลายเซ็นอองซานซูจี แถลงการณ์ที่ออกมาระบุว่าขอให้ประชาชนอย่ายอมรับการรัฐประหารและขอให้ต่อต้านการรัฐประหารโดยกองทัพ ขณะที่ในช่องแสดงความคิดเห็นใต้โพสต์ดังกล่าว มีหลายคนไม่เชื่อว่า แถลงการณ์ที่ออกมาเป็นของอองซานซูจีจริง โดยให้เหตุผลว่า อองซานซูจีไม่ได้อยากเห็นการสู้รบในลักษณะดังกล่าว และอีกจำนวนไม่น้อยเชื่อว่า แถลงการณ์นี้เป็นของปลอม

อองซานซูจีปรึกษาหารือกับที่ปรึกษาพรรค NLD และได้เขียนแถลงการณ์ฉบับนี้ขึ้นมา โดยมีสาระสำคัญคือ แม้ว่าพรรค NLD ไม่อยากยอมรับรัฐธรรมนูญปี 2008 แต่ก็ได้พยายามปฏิบัติตาม ตั้งแต่เข้ามาเป็นผู้นำรัฐบาล ส่วนการพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญก็อยู่ภายใต้กรอบกฎเกณฑ์ และพรรค NLD ยังเป็นพรรคที่ชนะการเลือกตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เธอยังกล่าวว่าในเวลาที่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้ นั่นก็แสดงว่ากองทัพได้เพิกถอนรัฐธรรมนูญที่ตัวเองได้ร่างเองเขียนเอง และนอกจากที่กองทัพจะไม่คำนึงว่าประชาชนกำลังเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 แล้ว ยังเป็นการกระทำที่ผลักไสให้ประเทศถอยหลังไปเป็นเผด็จการ และลงท้ายว่าอย่าก้มหัวให้กับเผด็จการและคัดค้าน

ในตอนต้นของจดหมายได้เท้าความไปถึงเหตุการณ์ลอบสังหารอองซานซูจีเป็นครั้งแรกโดยทหารในกองทัพ เมื่อช่วงต้นปี 1989 ขณะที่เธอกำลังเดินสายหาเสียงในภูมิภาคอิระวดี เหตุการณ์คุกคามข่มขู่ครั้งนั้น ทำให้เธอถึงกับต้องปรึกษากับที่ปรึกษาพรรค ซึ่งก็มีผู้เฒ่าวินเถ่งรวมอยู่ด้วย เพื่อเขียนพินัยกรรมยกบ้านเลขที่ 54/56 บนถนนแต๊ะกะโต่ล์เยะต่า (တက္ကသိုလ်ရိပ်သာလမ်း) เมืองย่างกุ้ง ที่ใช้พักอาศัย เพื่อทำเป็นพิพิธภัณฑ์ อนุสรณ์สถานนายพลอองซาน (ဗိုလ်ချုပ်​အောင်ဆန်း) บิดา และ ด่อขิ่นจี่ (​ဒေါ်ခင်ကြည်) มารดา

“ท้ายจดหมาย ผมเขียนยืนยันด้วยลายมือผมเอง เพราะเกรงว่าจะมีข้อครหาว่าเป็นของจริงหรือของปลอม ด่อซุ้ (นางอองซานซูจี) ให้ผมไว้ตั้งแต่วันที่ 29 ก่อนที่จะถูกจับกุมตัว” วินเถ่ง (ဦးဝင်းထိန်) กล่าว

วินเถ่ง ประธานพรรค NLD ซึ่งเป็นผู้เผยแพร่แถลงการณ์ฉบับดังกล่าวให้สัมภาษณ์กับวิทยุเอเชียเสรีภาคภาษาเมียนมาว่าจดหมายดังกล่าวเป็นของจริง เขายืนยันว่าอองซานซูจีได้ให้ไว้เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2021 หลังจากที่คาดการณ์ว่าอาจจะมีการยึดอำนาจและควบคุมตัวเกิดขึ้น ในขณะที่เฟซบุ๊คของ อูจี่โต (ဦးကြည်တိုး) สมาชิกพรรค NLD ฝ่ายข้อมูลข่าวสารก็ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง และถ้าเป็นอย่างนั้น ก็แสดงว่าเขียนขึ้นหลังจากจดหมายของมินอ่องหล่าย 1 วัน?

วินเถ่งย้ำว่า พรรค NLD มิได้เรียกร้องให้มีการต่อต้านอย่างรุนแรงต่อการรัฐประหาร แต่เป็นการดื้อแพ่งแบบที่ไม่ใช้ความรุนแรงตามแนวทางของอองซานซูจี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักต่อสู้อย่างเขารวมถึงอองซานซูจี อู วิน มยิ่น ต่างก็อยู่ในวัย 70 หรือ 80 ปี ในที่สุดก็จะถูกแทนที่ด้วยสมาชิกพรรคที่อายุน้อยกว่า ซึ่งเขาหวังว่าคนรุ่นใหม่จะต่อสู้ต่อไปอย่างไม่มีวันหยุด

ช่วงเย็นของวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2021 จี่โตโพสต์เฟซบุ๊คยืนยันว่าอองซานซูจี วิน มยิ่น และสมาชิกพรรค NLD คนอื่นๆ ถูกควบคุมตัวในบ้านพักในกรุงเนปิดอว์

ขณะที่ได้อ่านจดหมายทั้งสองฉบับนี้ มีรายงานข่าวออกมาเป็นระยะๆ ว่ามีการจับกุมแกนนำและสมาชิกคนสำคัญของพรรค NLD ไปแล้วหลายคนทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังรวมถึงนักเขียน ผู้กำกับภาพยนตร์ ผู้นำนักศึกษายุค 88 เจเนอเรชั่น หรือยุคเหตุการณ์ 8888 และพระสงฆ์

จ่อแทะอ่อง (​ကျော်ထက်​​​အောင်) ผู้อำนวยการพรรค NLD ประจำสำนักงานภาคอิระวดีกล่าวว่า กองทัพสั่งปิดสำนักงานพรรค และได้เข้ายึดคอมพิวเตอร์และเอกสารต่างๆ โดยที่ไม่ได้บอกว่าจะอนุญาตให้เปิดทำการอีกครั้งเมื่อไร

เหมือนภาพประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหตุการณ์การยึดอำนาจเมื่อปี 1988 ที่ตอนนั้น กองทัพประกาศเตือนนักศึกษาประชาชนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยว่า ให้มอบอาวุธที่มีอยู่ทั้งหมดให้กับกองทัพ ซึ่งอาวุธที่มีมามอบ คือ หนังสติ๊ก ธนู หน้าไม้

อ้างอิง

Author

วทัญญู ฟักทอง
มีชื่อพม่าว่า Htay Win เป็น Burmese language lecturer

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า