เนสเล่ย์ (Nestlé) ประกาศเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ส่วนการผลิตในสหรัฐอเมริกา จะตัดส่วนผสมที่แต่งกลิ่นและสีสังเคราะห์ออกไปจากผลิตภัณฑ์ทอฟฟี่และช็อกโกแลตทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งหมายถึงกว่า 250 ผลิตภัณฑ์ และ 10 แบรนด์ลูกภายใต้ร่มเนสเล่ย์จะไม่มีส่วนผสม เช่น Red 40 หรือ Yellow 5 (สีสังเคราะห์) อีกต่อไป และทั้งหมดจะทดแทนด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น แอนแนตโท (annatto) ที่ได้จากเปลือกหุ้มเมล็ดของต้น anchoite (พืชตระกูลคำแสด) ที่ให้สีเหลืองส้มถึงส้มแดง รวมถึงการใช้วานิลลาแท้
นโยบายนี้มีขึ้นหลังจากได้รับแรงกดดันจากผู้บริโภค โดยเฉพาะผลการสำรวจ Nielson’s 2014 Global Health & Wellness พบว่า ขณะเลือกซื้อของ ชาวอเมริกันกว่า 60เปอร์เซ็นต์ จะมองหาผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารแต่งกลิ่นและสีสังเคราะห์ และที่สำคัญ ผู้บริโภคที่ดูฉลากเพื่อหลีกเลียงสารปรุงแต่งสังเคราะห์เพิ่มขึ้นถึง 25 เปอร์เซ็นต์ในปี 2013 และ 10 เปอร์เซ็นต์ในปี 2012
ยิ่งไปกว่านั้น ยอดขายสีผสมอาหารธรรมชาติแซงหน้าสีสังเคราะห์ทั่วโลกเป็นครั้งแรกในปี 2011 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคใส่ใจในการใช้ส่วนผสมอาหารมากยิ่งขึ้น
การประกาศครั้งนี้ของเนสเล่ย์ อาจเป็นก้าวที่มาถูกทาง แต่ถึงอย่างนั้นผู้บริโภคสหรัฐจำนวนมากอาจไม่ตระหนักว่า ปฏิบัติการเช่นนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ 3 ปีที่แล้วในอังกฤษ โดยผลิตภัณฑ์เนสเล่ย์ทั้งหมดที่วางจำหน่ายในอังกฤษปราศจากสารปรุงแต่งสังเคราะห์ไปเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เกิดจาก ผลการศึกษาของนักวิจัยมหาวิทยาลัยเซาท์แธมตัน เมื่อปี 2007 ที่เผยให้เห็นว่า การเพิ่มจำนวนมากขึ้นของเด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นมีผลมาจากการบริโภคสารปรุงแต่งสังเคราะห์บางชนิดและวัตถุกันเสีย แต่ที่เนสเล่ย์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงการผลิตในตลาดสหรัฐโดยทันที เพราะผู้บริโภคอเมริกันไม่ได้เรียกร้องหรือส่งเสียงดังมากพอ
ระหว่างการแถลงข่าว ซีอีโอของเนสเล่ย์ โดรีน อิดา (Doreen Ida) ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า
“เนสเล่ย์เป็นผู้นำเรื่องคุณค่าทางโภชนาการและสุขภาพของโลก ภารกิจของเราในการถอดสารปรุงแต่งสีและกลิ่นสังเคราะห์ออกไปจากชอกโกแลตและขนมหวานต่างๆ ถือเป็นหลักไมล์สำคัญ เราตื่นเต้นที่จะได้เป็นผู้ผลิตขนมของสหรัฐรายแรกที่เดินหน้าภารกิจนี้” (ทั้งๆ ที่มีมา 3 ปีแล้ว)
อย่างไรก็ตาม สำหรับบางคน แอนเนตโตอาจก่อให้เกิดไมเกรน ลมพิษ และอาการแพ้ถั่ว รวมถึง โรคลำไส้แปรปรวน และจนถึงปัจจุบัย ยังไม่ได้มีการศึกษาในรายละเอียดอย่างจริงๆ จังๆ ถึงประโยชน์และผลข้างเคียงของแอนเนตโต
……………………………………..
(ที่มา : www.treehugger.com)