ย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษ 1960 สังคมชาวอเมริกันในตอนนั้นยังไม่เปิดรับความหลากหลายทางเพศ ทำให้การแสดงออกเชิงพฤติกรรมบางอย่าง เช่น การแต่งกายไม่ตรงกับเพศสภาพเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ส่งผลให้การแสดงถึงอัตลักษณ์ทางเพศของกลุ่ม LGBTQ+ ถูกจำกัด และกลายเป็นเรื่องที่ต้องหลบซ่อน ด้วยเหตุนี้ ‘คลับเกย์’ และ ‘บาร์เกย์’ จึงเป็นสถานที่ปลอดภัยเพียงหนึ่งเดียวที่พวกเขาสามารถปลดปล่อยความเป็นตัวเองได้
แต่ถึงกระนั้นคลับและบาร์เหล่านี้ก็เป็นสิ่งผิดกฎหมายเช่นกัน โดยหน่วยงานสุราแห่งรัฐนิวยอร์ก (New York State Liquor Authority) ได้ลงโทษและสั่งปิดสถานประกอบการที่ให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่บุคคลที่เป็น LGBTQ+ และอ้างว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีพฤติกรรมที่ไร้ระเบียบ ส่งผลให้ตำรวจเข้าทลายคลับเกย์และบาร์เกย์อยู่บ่อยครั้ง
เช้าตรู่ของวันที่ 28 มิถุนายน 1969 ตำรวจเข้าตรวจค้นคลับเกย์แห่งหนึ่งชื่อ สโตนวอลล์ อินน์ (Stonewall Inn) ตั้งอยู่ในหมู่บ้านกรีนิช นครนิวยอร์ก โดยตรวจพบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เถื่อน และจับกุมผู้มาใช้บริการจำนวน 13 คน รวมถึงพนักงานที่แต่งกายไม่ตรงตามเพศสภาพ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงพากลุ่มคนที่สงสัยว่าแต่งกายไม่ตรงกับเพศเข้าห้องน้ำเพื่อตรวจเพศอีกด้วย
เมื่อการบุกเข้าทลายคลับและบาร์เกิดขึ้นบ่อยครั้ง รวมถึงมีการคุกคามและเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม บรรดาลูกค้าที่โกรธเกรี้ยวจากการถูกกวาดล้างในเช้าวันนั้น รวมถึงผู้คนในละแวกใกล้เคียงจึงพากันออกมารวมตัวที่หน้าคลับ และแสดงความไม่พอใจกับความอุกอาจที่เจ้าหน้าที่กระทำต่อประชาชน
ต่อมาขณะที่สถานการณ์ด้านนอกกำลังจะคลี่คลายลง เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับทุบตีหญิงสาวรายหนึ่งเข้าที่ศีรษะขณะบังคับเธอขึ้นรถตำรวจ เธอตะโกนให้ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นได้ยิน และภายในไม่กี่วินาทีต่อมา การจลาจลครั้งประวัติศาสตร์ก็เริ่มขึ้น
ผู้คนหลายร้อยคนพากันขว้างปาเหรียญเพนนี ขวด ก้อนหิน และสิ่งของใส่เหล่าเจ้าหน้าที่ อีกทั้งยังมีกลุ่มคนพยายามจุดไฟและทำลายแนวกั้นของตำรวจ ถึงแม้ตำรวจจะสามารถควบคุมสถานการณ์การจลาจลที่เกิดขึ้นได้ในเวลาต่อมา และไม่นานรถดับเพลิงก็สามารถเข้ามาดับไฟ รวมถึงช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในคลับสโตนวอลล์อินน์ได้ แต่การประท้วงของผู้คนที่ต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับกลุ่ม LGBTQ+ ก็ยังคงดำเนินต่อไปอีก 5 วันนับแต่นั้น
เหตุจลาจลสโตนวอลล์อินน์ที่เริ่มต้นขึ้นในคลับของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ กลายเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิทางกฎหมายและร่างกายของกลุ่ม LGBTQ+ มีการจัดตั้งองค์กรเพื่อสิทธิของผู้มีความหลากหลายทางเพศ รวมถึงการรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการแสดงออกทางเพศมากมาย จนอาจกล่าวได้ว่าเหตุจลาจลในเช้าวันนั้นเปลี่ยนชีวิตของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศในอเมริกา
ในวันครบรอบ 1 ปี การจราจลสโตนวอลล์อินน์ ผู้คนจำนวนมากพากันเดินขบวนไปตามถนนของแมนแฮตตัน (Manhattan) จากคลับสโตนวอลล์อินน์ ไปจนถึง เซ็นทรัลพาร์ค (Central Park) ซึ่งเป็นขบวนพาเหรดไพรด์ครั้งแรกของอเมริกา และในปี 2016 อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา บารัก โอบามา (Barack Obama) ได้กำหนดให้สโตนวอลล์อินน์และบริเวณพื้นที่โดยรอบเป็นอนุสรณ์แห่งชาติ เพื่อยกย่องการเรียกร้องสิทธิของผู้มีความหลากหลายทางเพศ