ผมเขียนหนังสือมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 ออกจากราชการก่อนอายุเมื่อปี พ.ศ. 2559 แล้วจึงเริ่มเขียนเพจ ก่อนหน้าปี พ.ศ. 2559 คือ 20 ปีแรก มีหนังสือของตัวเอง 40 เล่ม หลังจากปี พ.ศ. 2559 คือ 6 ปีที่ผ่านมานับถึงวันนี้ มีหนังสือของตัวเอง 29 เล่ม เล่มที่ 69 ชื่อ โรงเรียนพ่อแม่
หากไปดูตัวเลขผู้ป่วยที่ตัวเองตรวจขณะรับราชการ พบว่าเป็นแพทย์ที่มีเวลาออกตรวจมากที่สุดและตรวจผู้ป่วยจำนวนมากที่สุดของโรงพยาบาล เวลาที่มิได้ออกตรวจจะไปทำงานส่งเสริมป้องกันและงานบริหารซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ไม่น่าพอใจ สาเหตุคือบ้านเมืองของเราไม่กระจายอำนาจ เจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่นคนหนึ่งมีความคิดอ่านดีอย่างไรก็ทำมิได้ ไม่มีเสรีภาพในการคิดงาน และไม่มีงบประมาณของตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างต้องผ่านส่วนกลาง นั่นคือผู้ว่าราชการจังหวัดหรือตัวแทนของกระทรวงฯ หลายท่านอาจจะรู้สึกว่าส่วนท้องถิ่นได้ทำอะไรดีๆ ไว้พอสมควร คำตอบคือไม่มากพอ
นับงานตรวจที่ทำมากกว่ามากก็มิอาจนับได้ว่ามีคุณภาพ เหตุเพราะจำนวนผู้ป่วยที่มากมายเหลือกำลัง ไม่นับว่าส่วนกลางสั่งงานที่ไม่มีประโยชน์ต่อประชาชนส่วนท้องถิ่นเข้ามาจำนวนมากตลอดเวลา กรณีของพวกคุณครูจะเห็นได้ชัด เมื่อดูตัวชี้วัดที่จำนวนหนังสือที่ผลิตได้หลังออกจากราชการจึงระลึกได้ว่า พวกเราเจ้าหน้าที่ราชการแต่ละคนถูกงานประจำทับถมจนไม่เป็นตัวของตัวเองมากมายเพียงใด ไม่นับว่าตัดความสามารถของพวกเราไปมากเพียงใด เป็นเช่นนี้มารุ่นต่อรุ่น คนรุ่นใหม่หลายคนมารับคำปรึกษาเพราะความคับข้องใจต่อระบบที่รังสรรค์งานมิได้ ฝ่าฝืนมิได้ และไม่มีความเป็นธรรม
นอกเหนือจากเรื่องผู้ป่วยได้รับการตรวจครบทุกคนทุกวันแล้วกลับไปนอนบ้าน อีกเรื่องหนึ่งที่มีคุณค่ามากคือ การตรวจผู้ป่วยเรือนร้อยซ้ำๆ เกือบทุกวัน ทำให้เราเห็นแพทเทิร์นของความเจ็บป่วยทางจิตเวชว่าเกิดได้อย่างไรซ้ำๆ อยู่เช่นนั้น กล่าวอย่างสั้นที่สุด โครงสร้างของความเจ็บป่วยทางจิตเวชเป็นผลรวมของปัจจัยด้านพันธุกรรม-การเลี้ยงดู-สังคมและสิ่งแวดล้อม
พันธุกรรมเป็นเรื่องชัดเจนและพิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ แต่พันธุกรรมเป็นได้แค่เชื้อเพลิง หากไม่มีใครไปจุดชนวนเชื้อเพลิงย่อมไม่ปะทุ แล้วตามด้วยระเบิด
สังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้จุดชนวนหลัก หากใช้กรอบประเด็นทักษะศตวรรษที่ 21 สี่เรื่องหลักที่พวกเรารับมือกันทุกวันมิใช่พีชคณิต ตรีโกณมิติ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ (ไทย) หลักภาษา (ไทย) ศีลธรรม (พุทธ) แต่เป็นเรื่องสุขภาพ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และการอยู่ร่วมกับความแตกต่าง ตัวจุดชนวนให้พวกเราใกล้บ้ากันทุกวันนี้จึงเป็นโควิด-19 และโอไมครอน ความยากจนและความไม่ยุติธรรม โลกร้อนและฝุ่นควัน PM2.5
สุดท้ายคือความไม่มีประชาธิปไตย
การเลี้ยงดูเป็นประเด็นแน่ คือเนื้อหาหลักที่ตัวเองเขียนเพจตลอดมา นั่นคือเราควรเลี้ยงลูกอย่างไรให้เขามีจิตใจแข็งแรงมากที่สุดเพื่อมีทักษะศตวรรษที่ 21 รับมือสี่ประเด็นหลัก ส่วนที่เป็นแกนกลางของการเลี้ยงดูคือเรื่องฟรอยเดียน
ฟรอยเดียน (Freudian) หมายถึงแนวคิดด้านจิตวิเคราะห์ทั้งหมดของฟรอยด์ (Sigmund Freud, 1856-1939) รวมไปถึงที่ลูกศิษย์ของเขาเขียนเพิ่มเติมในห้วงเวลาเดียวกัน กับที่มิใช่ลูกศิษย์ของเขาโดยตรงแล้วเขียนเพิ่มเติมในยุคหลัง ข้อเขียนเหล่านี้มาจากการสังเกตการณ์ผู้ป่วยมากที่สุด อะไรที่ฟรอยเดียนเขียนเอาไว้จะมีปรากฏในตัวผู้ป่วยของเราเมื่อนั่งดูพวกเขานานพอหรือมากพอ
ผมเขียนบทวิจารณ์การ์ตูนครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2539 บุคคลที่เห็นคุณค่าของข้อเขียนคือ คุณสุภาวดี หาญเมธี จาก รักลูกกรุ๊ป และ คุณเสถียร จันทิมาธร จาก มติชนสุดสัปดาห์ ยังมีบุคคลที่สามคือ คุณอธิคม คุณาวุฒิ จาก หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เขาเป็นคนแรกที่ขอสัมภาษณ์ผมเรื่องข้อเขียนวิจารณ์การ์ตูน ไม่รู้เขาคิดอย่างไร เพราะส่วนใหญ่ของข้อเขียนยุคแรกๆ วางอยู่บนฟรอยเดียน
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2018/09/IMG_5814-s-709x900.jpg)
คงเป็นการยากที่จะใช้เนื้อที่จำกัดนี้ชวนให้ท่านผู้อ่านรู้จักฟรอยเดียน เป็นจังหวะดีที่ทาง Doc Club&Pub ของ คุณธิดา ผลิตผลการพิมพ์ และ คุณสุภาพ หริมเทพาธิป จัดฉายหนังเพลงฝรั่งเศสรุ่นเก่าของผู้กำกับและนักประพันธ์เพลงคู่หูคือ ฌากส์ เดอมี (Jacques Demy) และ มิเชล เลอกรองด์ (Michel Legrand) เรื่อง The Umbrellas of Cherbourg (Les Parapluies de Cherbourg, 1964) นำแสดงโดย แคเธอรีน เดอเนิฟ (Catherine Deneuve) ในวัย 20 ปีกำลังสวยสะพรั่งอย่างที่สุด
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2018/09/umbrellas-of-cherbourg-the-1964-009-quad-poster-1000x750-1.jpeg)
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2018/09/UuPFXlH0fFka8JfO68P6pvtLLtIFTX_large-725x900.jpeg)
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2018/09/p7200_d_v9_aa-675x900.jpeg)
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2022/01/http-com.ft_.imagepublish.upp-prod-eu.s3.amazonaws.com-bb59fc9a-16a1-11ea-b869-0971bffac109.jpeg)
หนังน่ารักมากเสียจนหลังจากดูจบแล้วไปรื้อแผ่นดีวีดีที่ซื้อมาจากต่างประเทศของเขาสองคนมาดูต่ออีกสองเรื่อง ยังคงเป็นหนังเพลงทั้งสองเรื่องและได้ แคเธอรีน เดอเนิฟ นำแสดง นั่นคือ The Young Girls of Rochefort (Les Demoiselles de Rochefort, 1967) กับ Donkey Skin (Peau d’Âne, 1970)
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2018/09/p7200_p_v8_ad-600x900.jpeg)
จะเล่าเรื่องสุดท้ายให้ฟัง Donkey Skin หรือ เจ้าหญิงหนังลา เป็นหนังเพลงสร้างจากนิทานพื้นบ้านของ ชาร์ลส แปร์โรต์ (Charles Perrault, 1628-1703) แคเธอรีน เดอเนิฟ รับบทราชินีที่ตายไป ก่อนตายสั่งพระราชาว่า “ให้แต่งงานกับคนที่สวยกว่าข้าเท่านั้น” เอาเข้าไป
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2018/09/donkeyskin2.jpg)
แต่ไม่มีใครสวยกว่าราชินี ปีนั้นใครจะไปสวยกว่า แคเธอรีน เดอเนิฟ ได้ คณะรัฐมนตรีกดดันให้พระราชาหาราชินีใหม่ให้ได้จะได้มีราชบุตรสืบสกุล พระราชาจึงไปปรึกษานักปราชญ์ ได้ความว่าใต้หล้ามีคนเดียวที่สวยกว่าราชินีคือพระธิดา – นั่น!
เมื่อนักปราชญ์เปิดตำราโบราณดู ตำราว่า “ลูกสาวทุกคนอยากแต่งงานกับพ่อ” – ว่าแล้ว
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2018/09/donkeyskin3.jpg)
พระราชาจึงไปขอพระธิดาแต่งงาน จะเป็นใครไปได้นอกจาก แคเธอรีน เดอเนิฟ อีก แต่นางฟ้าแม่ทูนหัวของพระธิดาไม่ให้ จึงแนะนำพระธิดาให้ขอชุดเพริศแพร้วอลังการประหนึ่งทอจากเดือนและดาว จากพระราชา 3 ครั้ง ช่างตัดเสื้อพระราชาก็ตัดชุดมาให้สวมใส่ได้ทั้ง 3 ครั้ง ทำเอาพระธิดาเป็นปลื้มสุดๆ อยากแต่งงานกับพ่อจริงๆ คุณพ่อใจดีให้ทุกอย่างเลย
นางฟ้าแม่ทูนหัวจึงบอกให้ขอหนังลาวิเศษที่ขับถ่ายเป็นเงินตราของพระราชาซึ่งพระราชาหวงมาก พระราชาก็ตัดใจให้อีก สั่งลอกหนังลามาให้ลูกสาวสวมใส่ ครั้นลูกสาวสวมหนังลาแล้วก็ตัวสกปรกมอมแมมส่งกลิ่นจนใครเข้าใกล้ไม่ได้ ต้องไปอยู่คนเดียวในกระท่อมปลายนา
แล้ววันหนึ่ง แต่น แตน แต๊น เจ้าชายรูปงามเสื้อแดงแรงฤทธิ์ก็ผ่านมา แล้วออกประกาศขอสวมแหวนที่เก็บได้ให้แก่หญิงทุกนางในราชอาณาจักรเพื่อตามหาเจ้าของแหวน
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2018/09/donkeyskin4.jpg)
เนื้อเรื่องยังดำเนินต่อไปอย่างยืดยาวจนกระทั่งเจ้าชายรูปงามได้แต่งงานกับพระธิดาสุขสันต์นิรันดร ส่วนพระราชาคว้าเอานางฟ้าแม่ทูนหัวของพระธิดาไปเป็นราชินีเฉย – นั่น!
ฟังเรื่องแล้วจะรู้สึกได้ว่านิทานพื้นบ้านช่างซ่อนประเด็นกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเอาไว้มากมาย ทั้งเรื่องลูกสาวอยากได้พ่อ เจ้าชายอยากสวมใส่เจ้าหญิง หรือมูลลาที่มีค่าดั่งทองคำ เอาเป็นว่าเรื่องเพศที่ฟรอยเดียนเขียนมากที่สุด และถูกโจมตีมากที่สุดมีปรากฏในเรื่องเล่าแต่โบราณของทุกชาติทุกภาษาก่อนฟรอยด์เกิดหลายร้อยปี จะว่าเป็นเหตุบังเอิญคงมิใช่
เราอาจจะไม่เชื่อฟรอยเดียนได้ แต่ที่แน่ๆ คือการเลี้ยงดูในวัยเด็กเป็นประเด็นแน่
ปี 2022 เข้าไปแล้ว พันธุกรรมแก้ไม่ได้ สังคมหมดทางแก้ไข เลี้ยงลูกให้ดีๆ เพื่อรับมือโลกให้ได้ครับ