(อ่านบทความ เต้านมตอน 1 ‘โลกทั้งใบเริ่มต้นที่เต้านม’)
เมลานี ไคลน์ แบ่งพัฒนาการของเด็กทารกขวบปีแรกออกเป็น 2 ช่วง คือช่วง 6 เดือนแรก เรียกว่า พารานอยด์–ชิซอยด์ (paranoid-schizoid state) และช่วง 6 เดือนหลัง เรียกว่า ดีเพรสสีฟ (depressive state)
ท่านที่พอรู้คำศัพท์อาจจะรู้สึกได้ว่าเรากำลังเขียนเรื่องน่ากลัว แต่ที่จริงแล้วมิได้น่ากลัวอะไร บางเรื่องที่ไคลน์เขียนถูกวิทยาศาสตร์การแพทย์ด้านสมองหักล้างไปแล้ว แต่บางเรื่องก็ยังคงอยู่ บทความวันนี้ถือเสียว่าอ่านเอาสนุก รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม
แต่ว่าผู้ป่วยวัยรุ่นกรีดข้อมือมีมากขึ้นทุกวัน ไม่น่ากลัวหรืออย่างไร?
กลไกทางจิตที่ดึกดำบรรพ์มากอันหนึ่งเรียกว่า การแบ่งแยก (splitting) กลไกนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ 6 เดือนแรกของชีวิตเมื่อทารกพบว่าวัตถุหนึ่งมีทั้งส่วนดีและส่วนเลว เขาจะแบ่งแยกหรือสปลิ๊ตวัตถุนั้นออกเป็นสองชิ้นอย่างเด็ดขาด เรียกว่า วัตถุดีและวัตถุเลว (good object & bad object)
จากนั้นทารกจะนำเข้าวัตถุดี (introjection) แล้วโยนออกวัตถุเลว (projection) สู่โลกภายนอก หากวัตถุเลวนั้นเลวมาก ทารกจะงัดกลไกทางจิตลำดับที่สองขึ้นมาใช้ ด้วยการแบ่งแยกหรือสปลิ๊ตวัตถุเลวนั้นออกเป็นวัตถุเลวชิ้นย่อยๆ หลายชิ้นแล้วโยนออกไปทั้งหมด นั่นทำให้โลกไม่น่าอยู่มากขึ้นทุกที มีผู้ปองร้ายมากหน้าหลายตาเต็มไปหมด (multiple prosecutors)
เต้านมคือวัตถุดีในตอนแรกๆ ก่อนที่ฟันจะขึ้น มันเขี้ยว ขบกัด แล้วพบว่าเต้านมหนีตัวเองได้ บางทีเต้านมตีตัวเองได้ด้วย ตอนนี้เต้านมเป็นวัตถุเลวแล้ว
แต่เต้านมเป็นวัตถุที่ทารกขาดมิได้ รักสุดใจไม่มีฉุกเฉิน เต้านมจะเป็นวัตถุเลวอย่างไรก็รับได้ แต่ก่อนที่จะรับได้ ทารกต้องงัดกลไกทางจิตลำดับที่สามขึ้นมาใช้ ด้วยการเทิดทูนบูชาเต้านมอย่างคลั่งไคล้ใหลหลงเหนือเหตุผลทั้งปวง (idealization) แต่เอามาครอบครองคนเดียวมิได้ จะไม่เอาเลยก็มิได้ นำไปสู่ความรู้สึกทั้งรักทั้งเกลียดวัตถุที่ชื่อว่าเต้านม (ambivalence)
ถึงตอนนี้ทารกมีวัตถุดีอยู่ภายใน มีวัตถุเลวที่แสนดีอยู่ภายนอก ทารกสามารถพัฒนาต่อไปได้แล้ว แต่โลกแบบนี้ไม่เสถียร เหตุที่โลกไม่เสถียรเพราะเต้านมนั้นเองที่ไม่เสถียร สรุปแล้วแม่ดีหรือไม่ดีกันแน่ แม่เกลียดเราหรือรักเรากันแน่ ไปจนถึงเราควรกำจัดแม่หรือรักษาแม่ไว้กันแน่ ความรู้สึกที่ไม่เสถียรเพราะมีแม่ที่ไม่เสถียรนี้ฝังอยู่กับทารกไปอีกนานจนถึงวัยรุ่น
วันหนึ่งเมื่อแม่ด่า แต่เพราะความรักและบูชาแม่นั้นสูงส่งเกินกว่าปกติ เขาจึงตวัดคัตเตอร์เข้าหาตนเองแล้วเริ่มกรีดข้อมือ
หากได้ดูผู้ป่วยวัยรุ่นกรีดข้อมือนานๆ จะรู้ว่าวัยรุ่นเหล่านี้ไม่เจ็บ พวกเขาสามารถเฉือนข้อมือเป็นริ้วๆ ได้ตั้งแต่ 5 นาทีถึงครึ่งชั่วโมงโดยไม่รู้สึกเจ็บปวดที่แผลเลย เหตุเพราะความเจ็บปวดในจิตใจรุนแรงมากกว่ามาก
เขาจะหยุดเมื่อรู้สึกเจ็บที่แผลเท่านั้นซึ่งใช้เวลาต่างๆ กันแล้วแต่ระดับพยาธิสภาพที่เกิดขึ้น วัยรุ่นบางคนใช้คัตเตอร์สลักชื่อของตนเองบนท้องแขนได้จนสำเร็จ เราเรียกสภาวะอารมณ์ของวัยรุ่นตอนนี้ว่า สภาวะแข็งกระด้าง (stifling) เกิดขึ้นเมื่อความรู้สึกผิดที่เกลียดแม่สะเทินกับความรู้สึกเทิดทูนบูชาแม่อย่างล้นเหลือ
แล้วพ่อแม่สมัยใหม่ก็ชอบตั้งชื่อยาวๆ ประเสริฐว่ายาวแล้ว ยังจะมีประเสริฐศักดิ์
ช่วง 6 เดือนหลัง กลไกการแบ่งแยกเริ่มอ่อนตัวลง ทารกเรียนรู้ว่าเต้านมเป็นวัตถุหนึ่งเดียวที่แบ่งแยกมิได้ ไม่ว่าตนเองจะกัดทึ้งอย่างไรเต้านมก็ไม่เคยถอยหนี ความรักของเต้านมชนะทุกสิ่งอันนำไปสู่การรับรู้ว่าเต้านมมีทั้งดีและเลวอยู่ในวัตถุชิ้นเดียวกันเป็นธรรมดา ในทำนองเดียวกันตนเองคืออีโก้ (ego) ก็มีทั้งดีและเลวผสมกันอยู่ด้วย
ส่วนที่เลวของอีโก้จะเป็นมูลเหตุให้ตนเองสร้างซูเปอร์อีโก้ (superego) ขึ้นเพื่อจัดการส่วนที่เลวนี้ (แนวคิดเรื่องซูเปอร์อีโก้เกิดขึ้นเมื่อไรจะมีมากกว่าหนึ่งแนวคิด) ซูเปอร์อีโก้ทำหน้าที่กด (depress) ส่วนที่เลวให้เข้าที่เข้าทาง ระหว่างกระบวนการนี้ทารกจะรู้สึกผิดและโศกเศร้าเหตุเพราะว่าเต้านมไม่เคยทอดทิ้งเขา ทารกจัดการความรู้สึกผิดและโศกเศร้านี้ด้วยการรับรู้โลกแห่งความเป็นจริงตอนสิ้นสุดขวบปีแรกเมื่อพบว่าเต้านมเสถียรอย่างยิ่งและเป็นที่ไว้ใจได้ (trust)
เขียนมาตั้งยาวแปลไทยเป็นไทยว่าอย่างไร
เมื่อทารกฟันเริ่มขึ้น หรือโยเยงอแงด้วยเหตุอื่นใด ที่คุณแม่ควรมีคือความเสถียร (stable) มิใช่ทอดทิ้งหรือฟาดเขากลับ ด้วยวิธีนี้เขาจะไม่แบ่งแยกแม่ออกเป็นสองร่างคือนางฟ้าและแม่มด หลังจากนั้นแม่ยังคงเป็นแม่ที่เสถียรต่อไปจนสิ้นสุดขวบปีแรก ทารกจะไม่โทษตนเองที่เขาเป็นต้นเหตุให้แม่ใกล้บ้า และเมื่อพบว่าอย่างไรแม่ก็ไม่บ้า มีความเสถียรเป็นที่ไว้วางใจได้ เขาก็จะไว้ใจแม่และเสถียรตาม
มิใช่เอะอะก็กรีดข้อมือ คือพยาธิสภาพของ 6 เดือนแรก
หรือเอะอะก็โทษตนเอง คือพยาธิสภาพของ 6 เดือนหลัง
กลับมาที่ภาครัฐ รัฐมีหน้าที่สร้างระเบียบสังคมที่แม่ทุกคนไม่ต้องเป็นบ้าเพราะการเลี้ยงลูก เงินไม่พอ เวลาไม่มี มิหนำซ้ำคุณหมอประเสริฐยังเรียกร้องให้เล่นกับลูกทุกวัน อ่านนิทานให้ลูกฟังทุกคืน
อะไรที่เขียนมา 2 ตอน ใช้คำว่าเต้านมเป็นหลัก ขอให้ทราบว่าแม่ที่ไม่มีเต้านมหรือน้ำนมมิได้มีความผิดในตนเอง เต้านมเป็นเพียงสัญลักษณ์ (symbol) สามารถหมายถึงแม่ พ่อ ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา หรือพี่เลี้ยงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ตั้งใจจริงเป็นแม่ทดแทน (surrogate mother) คนทุกคนสามารถเป็นเต้านมได้ด้วยกันหมดทั้งสิ้น
เต้านมต้องกินต้องใช้ ต้องการการพักผ่อน และดูเน็ตฟลิกซ์บ้าง เราจึงเรียกร้องให้พัฒนาสวัสดิการหลังการคลอดที่ดีที่สุดสำหรับแม่
และพ่อ ซึ่งจะเป็นผู้หารสองงานทั้งหมดได้ดีที่สุด