การออกประกาศของทางการซาอุดีอาระเบียยอมอนุญาตให้สตรีสามารถขับรถยนต์ได้ในประเทศ กลายเป็นแรงกระตุ้นหนุนเสริมพลังให้แก่วงการรถยนต์แทบจะในทันที และคาดหวังกันว่ายอดขายรถจะกลับกระเตื้องขึ้นอีกครั้งหลังจากเผชิญสภาพเศรษฐกิจซบเซาเนื่องจากราคาน้ำมันที่ดำดิ่งลงเหวมาตลอด โดยเฉพาะในส่วนของการนำเข้ารถหรู รถ SUV อเนกประสงค์ และรถยนต์นั่งขนาดเล็ก
เมื่อพูดถึงพลังแห่งการซื้อหา แน่นอนว่าย่อมไม่มีใครในโลกสามารถเอ่ยถ้อยคำหมิ่นแคลนจิตสำนึกแรงกล้าของการค้นคว้าและเลือกสรรของสุภาพสตรีในแง่มุมนี้ได้เลย ไม่ว่าเธอผู้นั้นจะสังกัดอยู่ในอาณาบริเวณของชาติใด ภาษาใด
สุภาพสตรีจำนวนหนึ่งผู้เปี่ยมล้นด้วยสปิริตแห่งการปลดปล่อย (บางแง่มุม) สดๆ ร้อนๆ เมื่อวันเสาร์แห่เข้าชมงานมอเตอร์โชว์ที่จัดแสดงรถหรู EXCS 11th International Luxury Motor Show ณ Four Seasons Hotel ที่กรุงริยาดห์ เมืองหลวงของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งงานได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันพฤหัสที่ผ่านมา ทำให้บรรยากาศคึกคักขึ้นในทันที
ผู้หญิงหลายคนที่เดินทางเข้าชมมอเตอร์โชว์ระดับไฮ-เอนด์ครั้งนี้อย่างใจจดจ่อ แสดงออกอย่างมีความสุขและชื่นชมอย่างมากกับการออกกฎใหม่อนุญาตให้สตรีขับรถได้ และคาดหวังอย่างตื่นเต้นว่า การมีรถยนต์เป็นของตนและสามารถขับกันได้ด้วยตัวเองเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริงๆ แล้ว
วงการอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งรวมทั้งผู้ผลิตรายใหญ่และธุรกิจนำเข้ารถยนต์พากันแสดงความยินดีต่อการออกพระราชกฤษฎีกาของ กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลอะซิซ อาล สะอูด (Salman bin Abdulaziz Al Saud) ขณะที่กระบวนการร่างกฎเกณฑ์ประกอบรองรับกฎหมายใหม่กำลังดำเนินไปเพื่อให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่มิถุนายน 2018 เป็นต้นไป
นิสสันแถลงผ่านทางทวิตเตอร์แทบจะในทันที
ขอแสดงความยินดีต่อท่านสุภาพสตรีทั้งหลายที่จะสามารถขับรถเองได้
BMW เจ้าของโมเดล X5 SUV ซึ่งขายดีมากในตะวันออกกลาง ก็ออกข่าวแสดงความยินดีเช่นกัน แบรนด์รถยนตระดับกลางเช่น โตโยต้า ฮุนได-เกีย กับนิสสัน เป็นผู้นำที่ครอบครองตลาดรถยนต์ในซาอุดีอาระเบีย รวมกันมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์
ยอดขายรถเก๋งนั่งในประเทศเคยมีอยู่สูงถึง 858,000 คัน ในปี 2015 ได้ลดลงประมาณหนึ่งในสี่ จนเหลือเพียงตัวเลขคาดการณ์ว่า ปีนี้น่าจะเป็นประมาณ 644,000 คันเท่านั้น แต่ด้วยกฎเกณฑ์ใหม่ ทำให้สำนักวิเคราะห์ Merrill Lynch ประเมินว่า หลายส่วนของ ‘ผู้มีศักยภาพจะซื้อหา’ จำนวน 2.2 ล้านคนเหล่านี้น่าจะผลักดันยอดขายให้พุ่งขึ้นได้ไม่ยาก
ผู้บริหารของ Naghi Motors ผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่แห่งเมืองเจดดาห์ ตัวแทนของแบรนด์ดังเช่น BMW, Mini, Hyundai, Rolls Royce และ Jaguar Land Rover หลายโมเดลให้ความเห็น “เราคาดการณ์ได้ทันทีว่าความต้องการรถยนต์ต้องขยับขึ้นต่อเนื่องอีกครั้ง เมื่อสุภาพสตรีได้รับไฟเขียวให้ขับรถ”
ผู้ผลิตรายใหญ่ในต่างประเทศ ทั้งโตโยต้ามอเตอร์และนิสสันมอเตอร์ของญี่ปุ่น ฮุนไดมอเตอร์ของเกาหลีใต้ รวมทั้งบางแบรนด์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนศึกษารายละเอียดความเป็นไปได้ของการตั้งโรงงานผลิตในราชอาณาจักร ต่างคาดคะเนว่า จำนวนรถยนต์นั่งขนาดเล็กน่าจะเป็นที่ต้องการมากขึ้นสำหรับตลาดซาอุดีอาระเบีย หนังสือพิมพ์ข่าวภาษาอารบิก Asharq Al-Awsat ที่ออกในกรุงลอนดอนรายงานไว้เมื่อเดือนมิถุนายนโดยอ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีอุตสาหกรรม
สำนักพยากรณ์ LMC Automotive ระบุว่าผู้หญิงนักขับรถมือใหม่ที่กำลังจะแสดงบทบาทบนท้องถนนจะมีส่วนเกื้อหนุนยอดขายขึ้นอีก 15-20 เปอร์เซ็นต์ต่อปี และความหนาแน่นของรถยนต์ต่อประชากรในราชอาณาจักร จะเพิ่มขึ้นจาก 220 คันต่อ 1,000 คน เป็น 300 ต่อ 1,000 ในปี 2025
ปกติครอบครัวชาวซาอุดีอาระเบียฐานะระดับกลางถึงระดับสูง มีรถยนต์อย่างน้อยสองคันในครอบครอง คันหนึ่งสำหรับชาย หัวหน้าครอบครัวเป็นผู้ขับ คันที่สองมักจะมีโชเฟอร์ชายที่ว่าจ้างไว้เป็นประจำเต็มเวลาเพื่อรับส่งภรรยากับลูกๆ
กฎเกณฑ์ใหม่นี้อาจเป็นข่าวร้ายอยู่สักหน่อยสำหรับบางส่วนของคนขับรถมืออาชีพจำนวน 1.3 ล้านคนที่กำลังทำงานอยู่ในประเทศ ซึ่งหลายคนเป็นแรงงานต่างชาติที่ได้รับค่าแรงในระดับต่ำกว่ามาตรฐานของซาอุดีอาระเบีย ส่วนใหญ่มาจากบังคลาเทศ ปากีสถาน และฟิลิปปินส์ ต่อไปในอนาคตจำนวนแรงงานย้ายถิ่นเหล่านี้น่าจะค่อยๆ ลดลงตามลำดับ ตามการคาดการณ์ของ LMC Automotive หลังการประกาศมาตรการใหม่นี้
“แนวทางใหม่นี้ช่างน่าตื่นเต้น” นักวิเคราะห์ รีเบคกา ลินด์แลนด์ (Rebecca Lindland) แห่งเว็บไซต์ Kelley Blue Book ผู้อยู่อาศัยและทำงานในซาอุดีอาระเบียมานานกว่าสองปีกล่าว “อุปสรรคอาจจะยังมีอยู่บ้าง แต่นี่เป็นความก้าวหน้าที่สำคัญ ในแง่ที่ซาอุดีอาระเบียเริ่มยอมรับว่า ผู้หญิงก็สามารถมีส่วนอุทิศตนเกื้อหนุนเศรษฐกิจของประเทศได้”
มาตรการปลดปล่อยเสรีในระยะเริ่มต้นอาจมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยและอุบัติเหตุบนถนนอยู่บ้างสำหรับนักขับรถหญิงมือใหม่ผู้ไม่ประสีประสาและขาดทักษะที่สำคัญต่อการบังคับควบคุมรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นบนท้องถนนหรือการเอารถเข้าและออกจากที่จอด เธอกล่าว และเรื่องนี้อาจถึงกับส่งผลให้บริการ ‘แบ่งปันโดยสาร’ (ride-sharing service) อย่าง ‘อูเบอร์’ (Uber) อันเป็นที่นิยมในประเทศ ถึงกับต้องลดขนาดลงอย่างมากๆ เลยก็ได้ อย่างน้อยก็ในช่วงแรก
อย่างไรก็ตาม อูเบอร์นั้นเองในระยะยาวอาจไขว่คว้าผลประโยชน์จากมาตรการใหม่นี้อย่างเพลิดเพลินเจริญใจสบายๆ ก็ได้ จากการคาดคะเนว่า อูเบอร์น่าจะต้องจัดให้มีหน่วยรถยนต์นั่งบริการด้วยพนักงานขับรถสตรีเพิ่มเติมขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน เนื่องจากทางการรัฐบาลในแง่มุมหนึ่งก็ต้องการเสริมส่งอย่างแข็งขันให้อูเบอร์เจริญเติบโตเต็มที่อยู่แล้ว เพราะว่าสำนักงานทรัพย์สินของราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียนั้นเองคือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของวิสาหกิจอูเบอร์
คำแถลงของอูเบอร์ระบุ “เราภูมิใจที่ได้ช่วยส่งเสริมความสามารถเดินทางไปไหนมาไหนอย่างคล่องตัวของสุภาพสตรีในซาอุดีอาระเบีย และรู้สึกตื่นเต้นยินดีในโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ทั้งหลาย ที่มาตรการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้จะส่งผลดีต่อเหล่าสตรีในอนาคต”
เท่าที่ผ่านมา สถิติแสดงว่าลูกค้าของอูเบอร์ในซาอุดีอาระเบียที่เป็นผู้หญิงมีอยู่ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์
เซเวล ชาน (Sewell Chan) นักวิเคราะห์เขียนลงใน The Times โดยเล็งเห็นผลว่าปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นต่อไปน่าจะหนักหนายิ่งกว่านั้น “การยกเลิกข้อห้ามจะทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถจะ ‘สลัดทิ้ง’ งานบริการของคนขับรถไปได้ถึงประมาณหนึ่งล้านคนภายในเวลาไม่นาน และจะกลับไปกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างงานให้แก่พวกผู้หญิงที่จะขับรถให้แก่ผู้หญิงด้วยกันจำนวนมากที่ไม่ถนัดหรือไม่ชอบขับรถ”
ในแง่มุมโอกาสการเปิดโลกทัศน์ของสตรี
ผู้หญิงไม่น่าจะเรียนรู้อะไรต่อมิอะไรได้มากนักหรอก ถ้าหากไม่ขับรถ
นักวิเคราะห์ รีเบคกา ลินด์แลนด์ กล่าวย้ำถึงประสบการณ์ของเธอเองจากที่ได้อยู่อาศัยมาในประเทศนี้ “ในสภาพของผู้หญิงแบบเดิมๆ คุณอาจไม่คิดจะใส่ใจต่อสิ่งใดเลยเนื่องจากคุณอยู่กับที่นั่งด้านหลังภายในรถยนต์ หรือบนเก้าอี้ของรถบัส ถ้าคุณไม่ขับรถ คุณก็จะไม่รู้สึกซึมซับกับสิ่งต่างๆ รอบด้าน”