วิสกี้เป็นส่วนหนึ่งของชาวสก็อตติช
เขาว่าความจริงไม่ผิดจากนี้
ปี 2009 การลดแลกแจกดริงค์แบบ Happy-hour ถูกแบน แต่ดูเหมือนจะไม่มีผลอะไรต่อเครื่องดื่มสามัญประจำชาติ เพราะคนก็ยังหิ้วเบียร์เป็นแพ็คออกจากร้านสะดวกซื้อได้ง่ายๆ เหมือนเดิม รัฐบาลสก็อตแลนด์จึงย้อนไปที่ต้นตอของปัญหาสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้นคือ ‘ราคา’
ว่าด้วยคอนเซ็ปต์ ‘จน เครียด กินเหล้า’ นักดื่มสก็อตติชคือคอทองแดงอันดับหนึ่งในสหราชอาณาจักร ข้อมูลจากรัฐบาลระบุว่า สถิติการขายแอลกอฮอล์ต่อสัปดาห์ในสก็อตแลนด์มากกว่าอังกฤษและเวลส์ 17 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังพบว่า สำหรับผู้คนชานเมืองที่มีรายได้น้อยจะมีพฤติกรรมดื่มจัดและหนักกว่าในย่านผู้มีอันจะกินหลายเท่า เมื่อเทียบกับคนที่ดื่มกลางๆ มีรายงานศึกษาว่า
คนดื่มหนักในเขตยากจนจะมีอันตรายมากกว่าคนรวย 11 เท่า
1 พฤษภาคม จะเป็นวันแรกที่สก็อตแลนด์จะประกาศใช้กฎหมายควบคุมราคาขั้นต่ำของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันการดื่มที่ ‘เว่อร์’ เกินจำเป็น รัฐบาลสก็อตแลนด์จึงเป็นประเทศแรกที่กำหนดนโยบายกำหนดราคาขั้นต่ำของเครื่องดื่มแอลกอฮล์ซึ่งจะมีผล 1 พฤษภาคมนี้ ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีนิโคลา สเตอร์เจียน (Nicola Sturgeon) ที่อยากจัดความสัมพันธ์ระหว่างแอลกอฮอล์กับปัญหาสุขภาพใหม่
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ผู้นำหัวตารางการบริโภคคือสก็อตแลนด์ โดยเฉลี่ยคิดเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 13 ลิตรต่อปี มากกว่าอเมริกันชนถึง 40 เปอร์เซ็นต์ และปี 2016 ผู้เสียชีวิตในสก็อตแลนด์ 1,265 คนเกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ มากกว่าปี 2015 ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์
เพราะการดื่มเป็นเหมือนจิตวิญญาณของชาวสก็อต แต่รัฐบาลก็ตระหนักว่า จิตวิญญาณที่ว่าสร้างความเสียหายให้ประชากรในประเทศไม่น้อย ทั้งปัจเจกชน ครอบครัว กระทั่งประเทศชาติ
“มันนานแล้วที่มีคำพูดประมาณว่า พวกสก็อตดื่มจัด มันเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์พวกเรา วัฒนธรรมของเรา เหมือนอากาศหรือดินเลยทีเดียว” ปีเตอร์ ไรซ์ (Peter Rice) ประธาน Scottish Health Action on Alcohol Problems กล่าว “หลักฐานที่แสดงความสัมพันธ์ของแอลกอฮอล์กับโรคและการเสียชีวิตมีมากขึ้นชัดเจนกว่าที่อื่น และผมเชื่อว่า นักการเมืองก็เชื่อแล้วว่า ต้องการเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้”
กฎหมายใหม่ของรัฐบาลจะกำหนดราคาขั้นต่ำคิดตามหน่วยแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 10 มิลลิลิตร จะมีราคาขั้นต่ำ 66 เซ็นต์ หรือราว 20 บาท ตัวอย่างเช่น วิสกีขวดมาตรฐาน 700 ซีซีในซูเปอร์มาร์เก็ต จากราคาเดิมประมาณ 15.50 ดอลลาร์ (492 บาท) จะกลายเป็น 19.80 ดอลลาร์ (628 บาท)
“ไม่ใช่แค่ซิงเกิลมอลต์หรือวิสกีแบรนด์ดังๆ เพราะแน่นอนว่าราคามันแพงอยู่แล้ว” ปีเตอร์ ไรซ์ หนึ่งในผู้เสนอกฎหมายกล่าว “แต่ถ้าคุณก้มลงมองที่ชั้นล่างๆ ของซูเปอร์มาร์เก็ต คุณจะเห็นพวกเหล้าที่ไม่ได้ยี่ห้อดังอะไร และตรงนั้นมันราคาถูกมาก”
ในชานเมืองที่เป็นเขตของผู้มีรายได้น้อยที่มีอัตราดื่มเกินความเป็นวัฒนธรรมประจำชาติ จนไม่ต่างจาก จน เครียด กินเหล้า ร้านสะดวกซื้อบางแห่งมีเบียร์ราคาถูกกว่าน้ำแร่ สินค้าขายดีคือ Frosty Jack Cider ที่มีแอลกอฮอล์ 7.5 เปอร์เซ็นต์!! ปัจจุบันราคา 5.65 ดอลลาร์ (178 บาท) จะขึ้นราคาเป็น 16.20 (515 บาท)
ขณะที่ แคลร์ กัลลาเกอร์ (Claire Gallagher) ผู้จัดการศูนย์บำบัดสำหรับคนไร้บ้านในกลาสโกว์ เชื่อว่า การขึ้นราคาจะทำให้บางคนหันไปหาสารเสพติดชนิดอื่น
“สิ่งที่ลืมกันไปคือเหตุผลที่พวกคนต้องการเครื่องดื่มถูกๆ แรงๆ” เธอกล่าว “สำหรับคนส่วนใหญ่ที่เราเห็น มันเหมือนเครื่องช่วยป้องกันปัญหาอื่นๆ การขึ้นราคาแอลกอฮอล์เป็นเท่าตัวเท่ากับว่าพวกเขาต้องหันไปหาอย่างอื่นทดแทน”
ในศูนย์แห่งนี้ เควิน เคอร์ริแกน (Kevin Kerrigan) ที่เข้ารับการบำบัดการติดเหล้ามาห้าเดือนกล่าวว่า “พูดจากประสบการณ์ของผมนะ ถ้าคุณอยากกินเหล้า คุณก็ต้องได้กิน” และ “ดังนั้นผมไม่คิดเลยราคาที่สูงขึ้นจะมีความหมายอะไรนอกจากจะทำให้คุณเหลือเงินในกระเป๋าน้อยลง”
กัลลาเกอร์ยังย้ำว่า การปรับราคานี้ไม่ต่างจากการขึ้นภาษีคนจนในสังคม “นโยบายแอลกอฮอล์ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเหมือนที่พวกเขาคาดไว้” โดยเฉพาะพฤติกรรมการดื่มซึ่งแทบจะเป็นสัญลักษณ์ชาวสก็อต (เราพร้อมจะเสียค่าปรับกับการเดินดื่มข้างถนน และสิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือ คนที่ไม่มีเงินจ่ายค่าปรับก็จะถูกโยนเข้าห้องขัง”
“การเสพติดกับชีวิตที่ยากลำบากมองดูเหมือนเรื่องชั่วร้าย แต่ตอนนี้นะ เรื่องราคาขั้นต่ำยังไม่สามารถหยุดคนที่เมาพับตอนเย็นๆ ‘วันนี้มันเป็นวันที่แย่โคตรๆ’ จากนั้นก็กระดกไวน์จนหมดขวดได้หรอก”
อ้างอิงข้อมูลจาก: nbcnews.com
Author
