“เราคาดหวังสังคมไทยที่ดีกว่านี้” คำปราศรัยของ จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ ก่อนถูกควบคุมตัว

จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ นักศึกษาจากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แกนนำสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษา แห่งประเทศไทย (สนท.) เพิ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ขณะที่เธอขึ้นรถแท็กซี่ไปเรียนตามปกติ พนักงานสอบสวน สน.สําราญราษฎร์ ได้ควบคุมตัว อั๋ว-จุฑาทิพย์ ในเวลา 15.00 น. ออกจากสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ มุ่งหน้าไปยังศาลอาญา เพื่อขออำนาจศาลอาญาฝากขังเธอในชั้นสอบสวน

ขณะที่เธอออกมายืนต่อหน้าสื่อมวลชน มือหนึ่งได้ถือหนังสือ สามัญสำนึก Common Sense ซึ่งเขียนโดย โธมัส เพน (Thomas Paine) ขณะที่อีกมือชูสามนิ้วแสดงสัญลักษณ์หยุดคุกคามประชาชน 

เนื้อหาต่อไปนี้เป็นคำปราศรัยระหว่างขึ้นเวทีที่ ‘สมุทรปราการดีดนิ้วไล่เผด็จการ’ บริเวณหอชมเมือง จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2563 

 

สวัสดีค่ะ ขอบอกก่อนว่าหนูยังมีหมายจับอยู่ แต่ยังไม่โดนจับ เป็นคนสุดท้าย ถ้าจะจับอย่าลืมมาจับนะคะ รอทุกวัน

สิ่งที่จะนำมาพูดในวันนี้ เป็นประเด็นสืบเนื่องมาจากเวทีแรงงานปฏิวัติ ที่ปู่เจ้าสมิงพราย วันนั้นพูดไม่จบเพราะมีชายไม่ทราบฝ่ายขึ้นมาล็อคตัวไปก่อน น่าเสียดายที่ยังไม่ได้ถ่ายทอดข้อมูลให้ทุกคนได้ฟัง

เวลาที่เราพูดถึงคำว่า ‘ปลดแอก’ ข้อหนึ่งที่เราจะพูด ปลดแอกหมายถึงการทำลายพันธนาการ หมายถึงพันธนาการทางชนชั้นด้วย เพราะไม่ได้มีเพียงแอกที่กดทับเราอยู่ แต่ยังมีโซ่ตรวนที่ยังกดทับเราอยู่เช่นกัน เพราะฉะนั้น ชนชั้น ปากท้อง และประชาธิปไตย คือเรื่องเดียวกัน และเราจะขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปไม่ได้ 

ในสมัยศักดินา สามัญชนถูกกดขี่โดยเหล่าขุนนาง จวบจนสมัยหนึ่งเหล่าขุนนางได้เข้าไปกดขี่ในรูปแบบของชนชั้นนายทุน แต่ประเทศไทยนั้นแปลกศักดินาและนายทุนได้รวมกันกดขี่พวกเรา พวกเขาสอดประสานกันอย่างไม่มีสิ่งใดมาแยกขาดออกจากกันได้ 

พวกเขากดขี่เราไม่ให้มีความฝัน กดขี่เราไม่ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ทุกคนลองมองไปที่งบประมาณแผ่นดินว่าด้วยสถาบันกษัตริย์ เป็นงบประมาณส่วนพระองค์ที่มีการพูดถึงในชั้นกรรมาธิการ 

ในปี 2563 มีงบประมาณทั้งสิ้น 7,685 ล้านบาท ส่วนในปี 2564 งบประมาณสถาบันกษัตริย์ ได้เพิ่มเป็น 8,990 ล้านบาท โดยไม่มีการชี้แจงงบประมาณ และตรวจสอบไม่ได้ และที่สำคัญคือภาษีของประชาชน 

หากดูตัวเลขและพูดกันอย่างตรงไปตรงมา เงินส่วนนี้สามารถนำมาสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพวกเราได้ สามารถนำมาสร้างรัฐสวัสดิการได้ ลองจินตนาการดูว่า ถ้าเงินส่วนนี้ถูกนำมาพัฒนาคุณภาพชีวิต พวกเราจะไม่ต้องอดอยากอีกต่อไป ไม่ต้องทำงานหนักขนาดนี้ พวกเราจะไม่ต้องทำงานจนไม่มีชีวิต ตอนนี้พวกเราทำงานจนไม่มีชีวิตกันแล้วค่ะ

งบประมาณเหล่านี้ ควรถูกนำมาใช้เป็นค่ารักษาพยาบาล การศึกษา ระบบขนส่งสาธารณะ หรืออะไรก็ตามแต่ที่จะทำให้ชีวิตของพวกเราดีขึ้น ไม่ใช่จัดสรรเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่เพื่อคนไทยทั้งประเทศ คุณภาพชีวิตที่ดีถ้วนหน้าจะเป็นของคนไทยทุกคน ฝุ่นควันจะหมดไป รถไฟจะทั่วถึง และจะไม่มีใครต้องตื่นแต่เช้า 5 โมง 6 โมง เพื่อไปทำงานให้ทัน 8 โมง 9 โมงเช้า ความเจริญจะต้องไม่กระจุกตัวแค่ในกรุงเทพฯ ทุกแห่งจะได้รับการกระจายทรัพยากรอย่างทั่วถึง

หนูเป็นคนต่างจังหวัด ไม่มีแม้กระทั่งรถเมล์ ไม่มีแม้กระทั่งระบบการศึกษาที่ดี เราเพิ่งจะเห็นรถเมล์ตอนที่มาเรียนในกรุงเทพฯ ซึ่งเราก็ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อที่มาจ่ายตรงนี้ และนอกจากนี้เราทำงานหนักไปไม่พอ เรายังต้องจ่ายภาษีให้ตำรวจมาขู่เราที่หอพักด้วย กล้าดียังไงมาบอกว่าครอบครัวหนูล้มล้างสถาบัน กล้าดียังไงมาบอกว่าพวกเราจ้องทำร้ายประเทศไทย ขู่แม้กระทั่งแม่บ้านที่หอพัก พวกเราจะไม่ยอมให้เขากดขี่ค่ะ 

เงินเดือนของพี่ๆ เจ้าหน้าที่ คือภาษีประชาชน ภาษีของประชาชนต้องถูกจัดสรรให้ประชาชน และแน่นอนว่าตอนนี้เพดานการเคลื่อนไหวของพวกเราในแนวดิ่งได้ถูกทำลายลงไปแล้ว ตอนนี้พวกเราได้พูดถึงสถาบันอย่างตรงไปตรงมา เรารู้ว่าใครเซ็นรัฐประหาร เราพูดถึงสิ่งที่เป็นความจริง เราพูดถึงสิ่งที่เป็นข้อมูล ทุกคนสามารถตรวจสอบทุกข้อมูลได้

แม้ว่าวันนี้ประชาธิปไตยที่แท้จริงจะยังไม่กลับมา แต่พวกเราได้ออกมาร่วมกันแสดงเจตจำนงที่จะปรับแก้ไขให้ดีขึ้นกว่านี้ พวกเราต้องตั้งคำถามไปยังการทำลายชนชั้น พวกเราต้องขจัดการกดขี่ทั้งจากนายทุน ขุนศึก หรือไม่ว่าจะเป็นศักดินา ประชาธิปไตยและประชาราษฎร์จะต้องเสมอหน้ากันอย่างยั่งยืน เผด็จการต้องจบที่รุ่นเรา แต่แค่นั้นยังไม่พอ ทุกอย่างต้องได้รับการปฏิรูปในรุ่นเรา พวกเราคาดหวังว่าสังคมไทยจะเป็นสังคมที่ดีกว่านี้ 

ขอบคุณค่ะ 


 

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวประชาไท สืบค้นข้อมูลรายจ่ายเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ พ.ศ. 2563 จากเว็บไซต์ของสำนักงบประมาณ พบว่า ภาพรวมรายจ่ายส่วนนี้มีจำนวน 29,728 ล้านบาท (สองหมื่นเก้าพันเจ็ดร้อยยี่สิบแปดล้านบาท) หรือคิดเป็นร้อยละ 0.93 ของงบประมาณทั้งหมดในปี 2563 (3.2 ล้านล้านบาท)

ในรายงานเรื่อง เปิดงบประมาณปี 2563 ส่วนที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ 2.9 หมื่นล้านบาท  ระบุว่า หน่วยงานต่างๆ ที่ใช้งบประมาณจะมีการระบุถึงแผนงานและงบประมาณที่จะใช้ไว้ในร่างงบประมาณ ยกเว้นลำดับที่ 1. คือ ส่วนราชการในพระองค์ ซึ่งประกอบด้วย 3 หน่วยงานหลัก ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 ได้แก่ สำนักพระราชวัง สำนักองคมนตรี และหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ทั้งนี้ ร่างกฎหมายระเบียบบริหารราชการในพระองค์เป็นวาระเร่งด่วนที่พิจารณากันในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2560 โดยเป็นการประชุมลับและใช้เวลาผ่าน 3 วาระรวดภายในเวลา 2 ชั่วโมง

Author

กองบรรณาธิการ
ทีมงานหลากวัยหลายรุ่น แต่ร่วมโต๊ะความคิด แลกเปลี่ยนบทสนทนา แชร์ความคิด นวดให้แน่น คนให้เข้ม เขย่าให้ตกผลึก ผลิตเนื้อหาออกมาในนามกองบรรณาธิการ WAY

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า