It’s me, Warbie! ความสดใสในวัยเยาว์ สู่การสร้างสิ่งที่มีความหมาย

อาคารริมน้ำเจ้าพระยาย่านสี่พระยาตบแต่งด้วยกระจกใส สะท้อนทัศนียภาพฝั่งตรงข้ามของริมน้ำ ขณะที่ภายในแปลกตาไปด้วยนกสีเหลืองขนฟู บุคลิกน่ารักขัดกับนิสัยจอมกวนและหน้าตาที่แสดงความหงุดหงิดอยู่เสมอ นี่คือหนึ่งในตัวละครที่ครองใจและสร้างช่วงเวลาแสนอบอุ่นให้กับผู้คนหลากหลายประเทศ 

เรื่องราวของวอร์บี้ (Warbie) นกสีเหลืองจอมซนและคุณลุงยามะ (Yama) ผู้พยายามจะสานสัมพันธ์และถ่ายภาพวอร์บี้ ในแอนิเมชันเรื่อง Cheez…z ซึ่งได้รับรางวัลจากหลากหลายประเทศ จากแอนิเมชันที่เป็นธีสิสปริญญาโท สู่สติ๊กเกอร์ไลน์ ทำให้มีกลุ่มแฟนคลับมากมายไม่ว่าจะเป็นประเทศไทย ไต้หวัน อินโดนีเซีย หรือญี่ปุ่น รวมถึงการวาดการ์ตูนถ่ายทอดเล่าเรื่องราว พร้อมมอบความน่ารักและความสุขให้กับแฟนๆ ทั่วโลก กระทั่งผลิตสินค้าต่างๆ อาทิ ตุ๊กตา หมอน เสื้อ หมวก เป็นต้น

“ผมอยากให้คนอ่านรู้สึกมีความสุข เหมือนเรามีวัยเด็กที่สดใสอีกครั้งหนึ่ง นี่เป็นใจความสำคัญในการสร้างงาน เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เรื่องราวที่มีคุณค่าจะเกิดจากสิ่งที่เราคิดว่ามีคุณค่าจริงๆ และเรื่องราวที่มีคุณค่าของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน”

WAY ชวนสนทนากับ นอร์ธ-อรุษ ตันตสิรินทร์ ผู้สร้างสรรค์วอร์บี้ ยามะ (Warbie Yama) และ ‘It’s me, Warbie! The Inside World of Warbie Yama’ นิทรรศการเต็มรูปแบบครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งบอกเล่าจุดเริ่มต้นและการเดินทางของวอร์บี้ที่ทั้งแสบซน น่ารัก และอบอุ่น รวมถึงประสบการณ์ของนอร์ธที่ได้เดินทางไปกับวอร์บี้และคุณยามะ

ความทรงจำ จิตวิญญาณ และการหล่อหลอมสู่ตัวละครที่มีชีวิต

หากก้าวผ่านอุโมงค์ที่ล้อมรอบด้วยสติ๊กเกอร์ไลน์วอร์บี้หลากหลายท่าทางและความรู้สึก จะพบกับวอร์บี้ขนาดใหญ่ พร้อมแนะนำตัวละครและคาแรกเตอร์ในโลกของวอร์บี้ ยามะ สู่การจำลองห้องทำงานของนอร์ธ จากความชอบวาดการ์ตูนในวัยเด็กและความสนใจในการสร้างแอนิเมชัน ตั้งแต่เขาเริ่มร่างตัวละคร สตอรี่บอร์ด และการทำดนตรีประกอบในปี 2008

“ส่วนตัวผมเลยชอบคาแรกเตอร์ที่มีเซอร์ไพรส์ คือบางตัวละครเราอาจจะรู้สึกน่ารักจังเลยเมื่อมองจากด้านหลัง แต่พอมันหันหน้ามาเท่านั้นแหละ หน้าตาเป็นแบบนี้ รู้สึกมีความกวน มีความเป็นเด็กที่ซนอยู่”

จากนั้นมา Cheez…z ก็ได้ฉายตามเทศกาลภาพยนตร์ เทศกาลแอนิเมชันต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาและพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ซึ่งภายในนิทรรศการครั้งนี้ก็ได้มีการจำลองโลกในแอนิเมชันวอร์บี้ ยามะ ไว้ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ระหว่างการทำงานประจำที่ Nickelodeon Animation Studio เป็นเวลากว่า 7 ปี นอร์ธก็ยังคงวาดและคิดเรื่องราวของวอร์บี้ ยามะ และงานประมูลศิลปะสำหรับช่วยเหลือนักสร้างแอนิเมชันที่ป่วยเป็นมะเร็ง เมืองเบอร์แบงค์ (ฺBurbank) ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่จุดประกายว่า สิ่งที่เขากำลังทำอยู่นั้นมีความหมาย จากการวาดวอร์บี้เล็กๆ บนกระดาษ 5×7 นิ้ว ใส่กรอบส่งไปเป็นผลงานเข้าร่วมประมูล

“เราจำช่วงเวลานั้นได้ พอสิ้นสุดการประมูลราคา แล้วประกาศชื่อคนที่ได้ภาพนี้ไป คือ ผู้หญิงเกาหลีคนหนึ่งถือรูป ยิ้มๆ วิ่งออกไป ผมรู้สึกว่าจุดนั้นเป็นอีกหนึ่งจุดประกายเล็กๆ เหมือนกันว่า เพียงแค่คาแรกเตอร์ตัวเดียว บนภาพที่ไม่ได้มีพื้นหลังอะไรเลย แต่มันมีพลัง มีเสน่ห์ มีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างที่ทำให้คนรู้สึกว่าน่ารักจังเลย อยากจะสัมผัส อยากจะได้มา เป็นจุดเล็กๆ ที่สามารถจะช่วยเหลือผู้ป่วยได้ และบางทีจุดนี้อาจจะนำไปสู่อะไรได้อีก”

งานศิลปะ: พื้นที่ของการสำรวจ ทดลอง และออกแบบ

หนึ่งในพื้นที่ที่น่าสนใจของนิทรรศการ นั่นคือ งานศิลปะของนอร์ธที่จัดแสดงภาพวาด ภาพสีน้ำ สีอะคริลิค และหุ่นดินปั้นที่ได้ลงมือทำด้วยตนเองที่เชียงใหม่

“อันหนึ่งที่พิเศษก็คือ วอร์บี้ 2 ตัว ปั้นด้วยดินหยาบๆ ซึ่งผมไปปั้นที่เชียงใหม่ เพราะผมอยากรู้ว่าการใช้วัสดุพื้นบ้านปั้นออกมา คาแรกเตอร์วอร์บี้จะออกมาเป็นยังไง”

อีกทั้งยังมีการวาดสติ๊กเกอร์ไลน์เรียงรายอยู่ข้างกัน ซึ่งแรกเริ่มนอร์ธออกแบบให้คนในครอบครัวใช้เอง กระทั่งสติ๊กเกอร์ชุดแรกได้รับการอนุมัติและได้รับกระแสตอบรับค่อนข้างดี การออกแบบสติ๊กเกอร์ไลน์วอร์บี้จึงกลายเป็นหนึ่งในโอกาสให้เขาได้สำรวจและทดลองกับคาแรกเตอร์ของตัวเอง

“ในแอนิเมชันเราไม่เคยเห็นหน้าตาวอร์บี้เหวี่ยงๆ ไม่เคยเห็นวอร์บี้ร้องไห้ แล้วเราก็คิดถึงผู้ใช้งานว่า เขาจะรู้สึกอยากใช้สติ๊กเกอร์อันนี้เมื่อไหร่ใช้ส่งให้ใคร และมีความรู้สึกยังไง เลยเริ่มสนุกกับการสำรวจโลกของไลน์สติ๊กเกอร์ด้วยคาแรกเตอร์ของวอร์บี้”

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งสำคัญเมื่อทำงานกับไลน์คือการเรียนรู้ความหลากหลายทางวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ เช่น ประเทศไต้หวัน อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เป็นต้น

“การที่วอร์บี้ไม่ได้มีคำพูดเยอะ อาจจะช่วยผสมผสานวัฒนธรรมและภาษาที่แตกต่างได้ อย่างไลน์สติ๊กเกอร์เป็นสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า คนไต้หวันก็สามารถสัมผัสมันได้ คนอินโดนีเซียก็สัมผัสมันได้ โดยที่ไม่ต้องอ่านคำพูด ไม่ต้องอ่านภาษาของมันเลย

“โดยธรรมชาติวอร์บี้ไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว พอทำไปเรื่อยๆ เริ่มจะเห็นสิ่งที่ควรจะเป็นมากขึ้น เราก็ใส่วิญญาณของเรา ใส่เรื่องราวที่เป็นความทรงจำวัยเด็กลงไปด้วย”

ใจความสำคัญคือจิตวิญญาณในตัวเรา

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นอร์ธไม่เพียงทำงานด้านแอนิเมชัน ทว่ายังเป็นอาสาสมัครสอนวาดรูปให้กับเหล่าเด็กๆ และผู้สนใจที่วัดไทยแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เขานึกย้อนกลับไปถึงวัยเด็กที่จับดินสอวาดรูปบนกระดาษได้โดยไม่ต้องคิดอะไร แต่เมื่อเติบโตขึ้นอิสระเหล่านั้นเริ่มหายไป ประสบการณ์ การเรียนรู้ และทักษะที่มากขึ้นบางครั้งกลายมาเป็นกรอบที่กักขังอิสระในการลงมือปฏิบัติ

“มีเหตุการณ์ที่ผมไปเป็นอาสาสมัครสอนวาดรูป ผู้ปกครองก็เข้ามากับเด็กๆ ผมบอกว่าอยากวาดอะไร วาดเลยครับ ปรากฏว่าเด็กๆ ก็เริ่มวาดเลย สนุกมาก พอวนไปถึงผู้ปกครองยังนั่งกุมขมับอยู่และคิดไม่ออกว่าจะวาดอะไร”

“จบชั่วโมงนั้นเด็กๆ วาดรูปสีสันเต็มไปหมด ส่วนผู้ปกครองได้เพียงกระดาษเปล่า ทำให้ผมนึกไปถึงนักสร้างแอนิเมชัน Pixar คนหนึ่ง เขาผ่านการทำภาพยนตร์ทุกอย่างตลอดช่วงชีวิตของเขา จนวันนี้เขาแค่รู้สึกอยากกลับไปวาดให้ได้เหมือนเด็ก ก่อนหน้านั้นผมไม่เข้าใจ ผมรู้สึกว่าเขาก็วาดสวยอยู่แล้ว

“มันเป็นเรื่องของจิตวิทยา เหมือนมีอะไรเหนียวๆ มาเป็นกรอบ มาเกาะเราตลอดเวลา แล้วมันก็เหนียวขึ้นเรื่อยๆ จากการที่เราเติบโตในสังคม จากการที่เรารู้สึกว่ามีอะไรที่มีอิทธิพลต่อเรา ทำให้การหยิบดินสอ กว่าจะวาดลงไปต้องผ่านกระบวนการคิด จะสวยไหม จะวาดอะไรดี หัวข้ออันนี้เคยวาดแล้ว อันนี้เพิ่งวาด แล้วมันก็ส่งผลต่อการกระทำในชีวิตประจำวันเราแทบทุกอย่าง

“วันหนึ่งผมรู้สึกว่า ทำไมจิตวิญญาณ (soul) ที่เราเคยมีตอนเด็กๆ มันหายไป เราทำงานเป็นแอนิเมเตอร์มาถึงฮอลลีวูดแล้ว แต่ทำไมเหมือนจิตวิญญาณขาดไป เวลานึกถึงสมัยก่อนที่นั่งวาดรูป แล้วแม่เรียกก็ไม่กินข้าว ตอนนี้เหมือนเราคิดเยอะ เราคิดว่าจะต้องทำยังไง ทักษะมีมากขึ้น แต่จิตวิญญาณไม่ได้เพิ่มขึ้นตามนั้น ปัญหาคืออะไร มันเริ่มสะท้อนกลับมาตรงนี้แล้ว”

บางครั้งที่ชีวิตกำลังตั้งข้อสงสัยและหาคำตอบอะไรบางอย่าง จู่ๆ คำตอบก็มาปรากฏโดยที่เราไม่ทันรู้ตัว จากประโยคที่อยู่หน้าร้านขายของเล่นที่ว่า “Don’t grow up. It’s trap.” ซึ่งบางคนอาจจะตีความหมายเชิงลบว่า การโตเป็นผู้ใหญ่ต้องคิดและทำอะไรหลายอย่าง และอยากกลับไปเป็นเด็กมากกว่า แต่สำหรับนอร์ธให้ความหมายนั้นแตกต่างออกไป

“จริงๆ แล้วเราหยุดอายุไม่ได้ เราต้องโตไปตามนั้น แต่ว่าจิตใจข้างในที่สำคัญสามารถรักษาไว้ให้บริสุทธิ์ได้ขนาดไหน คือสิ่งที่ต้องทำในความเป็นผู้ใหญ่ก็ทำไป แต่เมื่อเจอปัญหาอะไร มีความจำเป็นแค่ไหนที่ต้องหมกมุ่นหรือจิตใจเสียทรงไปกับปัญหาตรงนั้น”

นิทรรศการ It’s me, Warbie! The Inside World of Warbie Yama ครั้งนี้จึงไม่ได้บอกเล่าเพียงเรื่องราวของวอร์บี้ ยามะ แต่ยังรวมถึงประสบการณ์ชีวิตที่นอร์ธได้เติบโตมาพร้อมกับการสร้างสรรค์ผลงานเหล่านี้ และสายสัมพันธ์ที่เขาถักทอกับผู้คนระหว่างการเดินทาง ซึ่งสะท้อนผ่านงานแฟนอาร์ตจากทั่วโลก

นอกจากนี้ ยังมีผลงานที่ได้ร่วมกับศิลปินทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เช่น ป๊อด โมเดิร์นด็อก (Pod Moderndog), Jung Yansu, Tina Term, Eugene Garcia, Julia Yellow และ Kim Woo Young พร้อมทั้งการฉายแอนิเมชันต้นฉบับและผลงานชิ้นใหม่ที่ได้ร่วมงานกับศิลปินท่านอื่นๆ ให้ได้ชมอีกด้วย

ร่วมรู้จักวอร์บี้ ยามะ และค้นหาแรงบันดาลใจไปกับนกสีเหลืองจอมซนตัวนี้ได้ที่ RCB Galleria ชั้น 2 River City Bangkok ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 – 25 มกราคม 2566

It’s me, Warbie! The Inside World of Warbie Yama
จัดแสดงที่ RCB Galleria, River City Bangkok
วันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 – 25 มกราคม 2566
ราคาบัตรบุคคลทั่วไป 290 บาท สำหรับนักเรียน นักศึกษา ผู้สูงอายุและผู้พิการ 190 บาท
สามารถซื้อบัตรเข้าบัตรได้ทาง ZipEvent และ Ticketmelon

Author

นันทิกร วิทูรสุนทร
จบการศึกษาจากคณะสังวิทฯ (เน้นสังคมวิทยา ไม่ใช่มานุษยฯ อย่างที่คนอื่นเข้าใจ) แต่พักการลงฟีลด์มาจับคีย์บอร์ด เมาส์ ปากกา และโทรศัพท์ เป็นมิตรแท้ของกองบรรณาธิการ(ที่มักเป็นศัตรูกับตารางเวลา) นอกจากนั้นยังจับหวีแปรงปรนนิบัติแมว รักการอ่านหนังสือโดยเฉพาะเวลาฝนตก และอ้อมกอดอุ่นของผ้าห่ม

Author

ณัชชา กันเขตร
นักพิสูจน์อักษรผู้ชอบนอนดึกตื่นเช้า อดีตนักเรียนประวัติศาสตร์ศิลปะ เวลาว่างชอบอ่านเว็บตูนและวาดรูป กำลังค้นหาและทดลองทำสิ่งใหม่ๆ ใช้ชีวิตอยู่เพื่อทักทายและทำความรู้จักกับแมวจร

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า