คนรักคนเหล็ก

ironman-1

เรื่อง+ภาพ : ทรงกลด บางยี่ขัน

twitter.com/zcongklod

 

 

วินาทีที่เราสัมผัสเส้นชัย คงเป็นชั่วขณะที่เราดื่มด่ำกับชัยชนะ

แล้วนาทีที่เราข้ามผ่านเส้นชัยไปแล้วล่ะ มันควรจะเป็นเวลาของอะไร

ผมไม่เคยสงสัยในเรื่องนี้จนกระทั่งเดินมาเจอการแข่งขันไตรกีฬาครั้งใหญ่ในชื่อ IRONMAN โดยบังเอิญที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส

การแข่งขันครั้งนี้เริ่มต้นด้วยการว่ายน้ำ ระยะทาง 3.8 กิโลเมตร ตามด้วยขี่จักรยาน 180 กิโลเมตร และปิดท้ายด้วยการวิ่ง 42.2 กิโลเมตร จุดปล่อยตัวอยู่ที่ใดไม่ทราบได้ แต่ระยะทางช่วงสุดท้ายของการวิ่งจนถึงเส้นชัย อยู่บนถนนสายเล็กเลียบชายหาด นักกีฬาทุกคนต้องวิ่งตามถนนเส้นนี้เพื่อพาตัวเองเข้าสู่เส้นชัย ส่วนผมก็กำลังเดินบนถนนเส้นเดียวกันนี้จากอีกด้านหนึ่ง เพื่อพาตัวเองไปยังเส้นชัยเหมือนกัน

ช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ ของวันอาทิตย์ ขณะที่ผมเดินเล่นอยู่ในย่านอาคารเก่าของเมืองนีซ หูก็แว่วเสียงเพลงเทคโนแดนซ์อันแสนจะดิบและมัน ลอยไกลมาจากที่ไหนสักแห่ง ถ้าเป็นบ้านเรา เดาได้เลยว่าคงมีการตั้งเวทีงานวัดแน่ๆ แต่ที่นี่คงไม่มีงานวัด เพลงตึ้บขนาดนี้น่าจะเป็นปาร์ตี้ขนาดยักษ์มากกว่า

เมื่อเท้าก้าวเข้าใกล้เสียง ผมเห็นป้ายอันเบ้อเริ่มประกาศไว้ในสำเนียงอังกฤษว่า นี่คือการแข่งขัน IRONMAN ประจำปี 2010 ซึ่งมีการปิดถนนเลียบชายหาดเป็นระยะทางที่ยาวเอาเรื่อง เพื่อให้นักกีฬาและญาติมิตรได้เดินเข้าออกอย่างปลอดภัย เพราะจำนวนคนที่กระจุกอยู่แถวเส้นชัย และกระจายอยู่รอบๆ นั้นคงนับได้หลายพัน

ระหว่างที่ผมเดินมุ่งหน้าเข้าไป ก็มีนักกีฬาและญาติมิตรเดินจูงจักรยานสวนออกมาด้วยสีหน้าร่าเริง

 

 

ironman-9

 

ที่ผ่านมา ผมไม่เคยสนใจชมไตรกีฬาหรือวิ่งมาราธอน ในฐานะของผู้ชม ผมว่ามันไม่สนุก เพราะเป็นกีฬาที่ส่วนตัวเกินกว่าจะถ่ายทอดมาให้ผู้ชมทางบ้านดู เนื่องด้วยผู้แข่งขันส่วนใหญ่ไม่ได้หวังว่าจะเข้าสู่เส้นชัยเป็นคนแรก แค่พาร่างกายตัวเองผ่านความสมบุกสมบันเข้าสู่เส้นชัยได้ ก็นับว่าได้รับชัยชนะแล้ว

มันก็เลยเป็นกีฬาที่แข่งกับความฟิตของตัวเองมากกว่าแข่งกับผู้แข่งขันคนอื่นๆ ซึ่งผมว่าดี เพราะถ้าเราตั้งเป้าว่าจะแข่งกับคนอื่น คนนับพันจะแข่งขันเพื่อชิงรางวัลเดียว แต่ถ้าเราแข่งกับตัวเอง ทุกคนย่อมมีสิทธิ์ได้รางวัล ทั้งผู้จัดและผู้แข่งเองต่างก็คิดแบบนั้น จึงกำหนดให้ทุกคนที่เข้าเส้นชัยได้เหรียญไว้คล้องคอ

พอผมเดินเข้าใกล้เส้นชัยขึ้นเรื่อยๆ เสียงเพลงก็ดังขึ้น คนหนาตาขึ้น เช่นเดียวกับบรรยากาศที่คึกคักขึ้นตามลำดับ โซนแรกที่ผมเดินไปถึงเป็นจุดรับของของนักกีฬา ในถุงน่าจะมีเสื้อผ้าและอุปกรณ์ที่ใช้ในการแข่งว่ายน้ำและปั่นจักรยานในช่วงแรก รวมถึงจุดที่รับจักรยานคืน เหมือนการรับของจะเป็นกิจกรรมสุดท้ายที่นักกีฬาทำก่อนเดินกลับบ้าน

ironman-2

พอเดินเข้าไปอีกนิดเป็นโซนที่ผู้แข่งขันนั่งพักเหนื่อย พูดคุยเล่นกับครอบครัวที่ตามมาให้กำลังใจ บางคนก็ยืนชะเง้อคอรอญาติอยู่ตามลำพัง ผมเริ่มรู้สึกได้ถึงความพิเศษของการผ่านเส้นชัย เพราะนักกีฬาทุกคนที่ผมเห็นล้วนคลุมตัวด้วยฟอยล์ที่ด้านหนึ่งเป็นสีทอง อีกด้านเป็นสีเงิน ผมเดาว่าทีมงานคงมอบฟอยล์นี้ให้กับผู้ที่ผ่านเส้นชัยเพื่อช่วยรักษาความอบอุ่นของร่างกาย แต่ไม่ว่าเขาจะพลิกด้านไหนมาคลุมก็ดูเหมือนอัศวินที่ได้รับการประดับยศหลังรบชนะ

ขยับเข้าไปอีกนิด เป็นพื้นที่หย่อมใหญ่ที่มีป้ายเขียนว่า ‘After Finish’ เมื่อนักกีฬาวิ่งผ่านเส้นชัยมาได้ ก็ต้องเดินต่อเข้ามาในโซนนี้เพื่อลงทะเบียน และรับเหรียญทองไปคล้องคอ บรรยากาศดูสบายๆ บางคนก็เข้าไปคนเดียว บางคนก็เข้าไปกับญาติ หลายคนเข้าไปกับลูกตัวน้อย แล้วให้ลูกเป็นคนรับเหรียญ ในงานนี้เราเลยเห็นเด็กเล็กๆ เยอะมากที่มีเหรียญห้อยคอ

ลองนึกถึงการใช้เรี่ยวแรงฝ่า 3 ด่านหินๆ มาตลอดทั้งวัน พอเข้าเส้นชัยได้ กลับเลือกมอบเหรียญให้ลูกน้อยชื่นชม คงไม่ต้องอธิบายกันให้มากความว่า เขารักลูกมากแค่ไหน

พื้นที่ระหว่างจุดรับเหรียญกับเส้นชัย เป็นจุดที่คนหนาแน่นที่สุดในงาน เพราะเป็นจุดที่ญาติจะรอรับผู้แข่งขัน เนื่องด้วยไม่รู้ว่าญาติเราจะเข้าเส้นชัยเมื่อไหร่ แต่ละครอบครัวก็เลยปูผ้านั่งคุยนั่งเล่นกัน บางบ้านก็ถึงขั้นเอาอาหารมากินกันเป็นเรื่องเป็นราว

นอกจากครอบครัวแล้ว เรายังเห็นนักกีฬาจำนวนไม่น้อยที่นอนแผ่หราอยู่บนพื้นแบบไม่อายสายตาใคร เหมือนแบตเตอรี่ขีดสุดท้ายถูกใช้จนหมดเกลี้ยงแล้ว บางคนก็นอนแบตฯหมดอยู่คนเดียว บางคนก็มีญาติมิตรนั่งให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ

แล้วก็มีผู้แข่งขันจำนวนหนึ่งที่ทำหน้าเบื่อโลกเข้าขั้นรุนแรง ผมไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นอะไร หรือรู้สึกอะไร ผมแอบเดินเฉียดเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มวัยยังไม่ถึง 20 คนหนึ่งที่นั่งทำหน้าเซ็งอยู่ แม่ของเขาย่อตัวลงปลอบ ผมได้ยินไม่ถนัดว่าเขาปลอบประโลมว่ายังไง แต่ที่แน่ๆ คุณแม่เรียกคุณลูกว่า ‘Winner’ ทุกคำ ครอบครัวนี้ไม่ใช่คนฝรั่งเศส พวกเขาคงเดินทางกันมาจากที่ไหนสักแห่ง ผมไม่รู้ว่าพวกเขาคาดหวังอะไรจากการเดินทางไกลครั้งนี้ แต่ที่แน่ๆ ผมว่าแม่เขาพูดถูกมาก ไม่ว่ายังไง เด็กหนุ่มคนนี้ก็คือผู้ชนะ

 

ironman-6

ผมเดินเข้าใกล้เส้นชัยเข้าไปอีกนิด เป็นจุดที่ผู้แข่งขันทุกคนเดินออกมาหลังจากผ่านเส้นชัยแล้ว เป็นจุดที่มีการแจกฟอยล์ห่อตัว และน่าจะเป็นจุดแรกที่ได้หยุดวิ่ง ตรงนี้เลยไม่ต่างอะไรกับจุดหมายปลายทาง วินาทีที่เข้าเส้นชัยอาจไม่มีความหมายเท่าวินาทีที่ได้เดินออกมาตรงช่องนี้ เพราะมันคือพื้นที่ที่ให้ญาติมิตรได้โผเข้าสวมกอด ให้เพื่อนได้ตีมือด้วยความสะใจ ผู้แข่งขันที่มีฟอยล์สีทองหุ้มตัวบางคนก็กำหมัดแล้วตะโกนด้วยความสะใจคนเดียว

บางคนก็เอามือกุมหน้าร้องไห้แบบไม่อายใคร

มันคงเป็นความรู้สึกตื้นตันเกินจะเก็บ

ถึงจะเป็น IRONMAN หรือคนเหล็ก แต่ก็มีหัวใจ และมีน้ำตา

ใช้เวลาพักใหญ่ ในที่สุดผมก็เดินถึงเส้นชัย จุดที่เป็นที่หมายของการแข่งขันครั้งนี้ พื้นที่ประมาณ 50 เมตรสุดท้ายของการแข่งขัน มีการติดป้ายริมทางอย่างเอิกเกริก มีเสียงเพลงสุดมันดังลั่น แล้วก็มีคนยืนมุงกันมากมาย ผมสงสัยว่า การยืนดูคนทยอยวิ่งเข้าเส้นชัยนาทีละ 2-3 คนมันสนุกตรงไหน ยิ่งผู้แข่งขันเหล่านั้นไม่ใช่ญาติเราด้วย แต่ดูๆ ไปสักพักผมก็เริ่มเข้าใจ

การแข่งขันครั้งนี้นับว่าทรหดอดทนมาก ผู้แข่งขันต้องใช้แรงพาตัวเองผ่านระยะทางมาถึง 226 กิโลเมตร คนที่มาถึงเส้นชัยได้เรียกว่าต้องนับถือหัวจิตหัวใจ และสมควรกับคำว่า ‘คนเหล็ก’ จริงๆ

บรรยากาศบริเวณเส้นชัยต้อนรับเหล่าคนเหล็กได้อย่างคึกคักมาก เมื่อมีคนเหล็กวิ่งเข้ามาในโซน 50 เมตรสุดท้าย โฆษกสนามจะหรี่เพลงลง แล้วประกาศชื่อผู้แข่งขันคนนั้น แล้วตามด้วยคำว่า ‘You are the Iron Mannnnnnn’ ลากเสียงยาวเหมือนการประกาศชื่อนักมวยปล้ำ พอสิ้นเสียงประกาศ คนที่ยืนดูอยู่ก็จะปรบมือให้

เมื่อได้รับการเรียกขานว่าเป็นมนุษย์เหล็ก ผู้แข่งขันแต่ละคนคงไม่ได้ตัวแข็งเป็นเหล็ก แต่ผมเชื่อว่าพวกเขาคงรู้สึกตัวโตขึ้นด้วยความภาคภูมิ เมื่อสามารถพาตัวเองมาถึงเส้นชัยได้ ทุกคนคือผู้ชนะที่ควรค่าแก่การให้เกียรติในความพยายาม ขอแค่มาให้ถึงเท่านั้นเอง

แม้ว่าชื่อ IRONMAN จะดูเป็นการแข่งขันของหุ่นยนต์ที่แข็งกร้าว แต่เอาเข้าจริงๆ มันกลับเต็มไปด้วยความละมุนละไม ผมนึกถึงเด็กน้อยที่มีเหรียญทองห้อยคอ คุณแม่ที่เรียกลูกชายว่า Winner และแฟนสาวที่นั่งลูบหัวแฟนหนุ่มที่นอนแผ่แบบหมดสภาพ

เมื่อผ่านเส้นชัยมาได้ คนเหล็กเหล่านี้มีครอบครัว และมีคนที่เขารักคอยให้กำลังใจอยู่

ironman-10

 

ก่อนที่ผมจะเดินย้อนกลับ ผมเห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งวิ่งตีคู่มาด้วยกัน ทั้งคู่สวมเสื้อยืดสีขาวที่กรีดแขนเสื้อทิ้งเหมือนกัน หนำซ้ำบนหน้าอกเสื้อยังสกรีนด้วยคำเดียวกัน

‘JUST MARRIED’

ความรู้สึกหลังเส้นชัยของหนุ่มสาวคู่นี้คงมีความสุขกว่าใคร

 

 

 

 

 

Author

WAY

Author

กองบรรณาธิการ
ทีมงานหลากวัยหลายรุ่น แต่ร่วมโต๊ะความคิด แลกเปลี่ยนบทสนทนา แชร์ความคิด นวดให้แน่น คนให้เข้ม เขย่าให้ตกผลึก ผลิตเนื้อหาออกมาในนามกองบรรณาธิการ WAY

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า