ในเชเชน หรือสาธารณรัฐเชชเนีย ทางตอนใต้ของรัสเซีย ชาวเกย์อย่างน้อยสามคนเสียชีวิตและอีกกว่า 100 คนถูกกวาดต้อนไปยังคุกลับที่ตั้งอยู่ในเมืองอาร์กุน (Argun) จากมาตรการรุนแรงที่รัฐบาลใช้ปราบปรามชาวเกย์
กระแสความหวาดกลัวนี้แพร่กระจายไปทั่ว จนชาวเกย์ในเชชเนียจำต้องปิดแอคเคาท์ในโซเชียมีเดียทุกอย่าง เพื่อหลบซ่อนจากการถูกสอดแนมของรัฐบาล
แม้ว่าบางคนจะสามารถรอดพ้นจากมาตรการที่เข้มงวดดังกล่าว เนื่องจากมีหลักฐานมัดตัวไม่เพียงพอ แต่พวกเขาก็ยังต้องเผชิญหน้ากับความเสี่ยงที่โหดร้ายกว่านั้น คือ อาจถูกฆ่าโดยญาติหรือครอบครัว ด้วยสาเหตุว่า เพื่อลบล้างความน่าอัปยศของความเป็นเกย์ออกไปจากวงศ์ตระกูล
ข่าวดังกล่าวกลายเป็นที่จับตามองไปทั่วโลก แม้แต่พวกนิยมฝ่ายขวาบางคนก็ยังพยายามดิ้นรนเพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่กำลังเผชิญหน้ากับความน่าสะพรึงกลัวดังกล่าว
จุดเริ่มต้นของความเลวร้าย
การใช้ชีวิตของชาวเกย์ในเชชเนียไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าก่อนจะมีมาตรการเข้มงวด หรือหลังจากนั้นก็ตาม
ตั้งแต่อดีตสาธารณรัฐเชชเนียถูกปกครองด้วยกลุ่มแนวคิดอนุรักษนิยมและชายเป็นใหญ่มาอย่างยาวนาน ช่วงกลางทศวรรษ 2000 ผู้นำที่ชื่อว่า รามซาน คาดิรอฟ (Ramzan Kadyrov) มีเป้าหมายรื้อฟื้นคุณค่าทางวัฒนธรรมของมุสลิมให้กลับมาเป็นใหญ่อีกครั้งในเชชเนีย
หนังสือพิมพ์รัสเซีย Novaya Gazeta ชี้ให้เห็นว่า มีสองเหตุการณ์ที่นำไปสู่การปราบปรามชาวเกย์อย่างรุนแรง คือ
หนึ่ง ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กองกำลังรักษาความปลอดภัยในเชชเนียจับชายผู้ใช้สารเสพติดคนหนึ่ง และค้นพบว่าเขามีหนังสือลามกเกย์ จนสืบค้นจนพบว่าในโทรศัพท์มือถือของเขามีรายชื่อชาวเกย์ด้วยกัน
และเหตุการณ์ที่คาดว่าน่าจะเป็นหนึ่งในสาเหตุ คือ กลุ่มสนับสนุน LGBT ในรัสเซียอย่าง GayRussia.ru ได้เดินขบวนไปทั่วประเทศเพื่อคัดค้านโยบายต่อต้านกลุ่ม LGBT ของรัฐบาลรัสเซีย และเตรียมยื่นจดหมายไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัสเซียต่อศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป (European Court of Human Rights: EVHR) ขบวนของพวกเขาเดินทางไปยังหลายเมืองในรัสเซีย จนถึงฝั่งคอเคซัส แต่พวกเขากลับหลีกเลี่ยงที่จะไปเชชเนีย
ปรากฏการณ์ The Purge
‘ตอนนี้สถานการณ์ในเชชเนีย เริ่มใกล้เคียงกับการฆาตรกรรมเข้าทุกที โดยกองกำลังรักษาความปลอดภัยเรียกการจับกุมและกักขังชาวเกย์ว่าเป็น ‘การกวาดล้างเชื้อโรค’ คือ ข้อความท่อนหนึ่งจากหนังสือพิมพ์ Novaya Gazeta ต่อเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัวดังกล่าว – ขณะที่สื่อบางสำนักอ้างอิงว่า นี่คือการการกวาดต้อน LGBT เข้าแคมป์ครั้งแรกนับตั้งแต่เหตุการณ์โฮโลคอสต์
สถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดเปลี่ยนเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว (1 เมษายน ปี 2017) เมื่อกลุ่มฝ่ายขวาได้รับข้อความทางโทรศัพท์จากบุคคลนิรนามเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่คาดว่าเป็นเกย์ หลังจากนั้นเขาถูกจับไปขังในคุกลับ ทรมานเพื่อให้บอกข้อมูลเกี่ยวกับชาวเกย์คนอื่น แต่ส่วนใหญ่พวกเขาใช้วิธีการเปิดดูรายชื่อในโทรศัพท์ของผู้ต้องสงสัยคนนั้น และไล่หารายชื่อบุคคลที่น่าสงสัยว่าเป็นเกย์แทน ไม่ว่าชายคนนั้นจะเป็นเกย์จริงหรือไม่ เขาก็จะถูกจับตัวไป
จากเหตุการณ์ดังกล่าว เริ่มนำมาสู่คลื่นความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งความตายคืบคลานเข้ามา ส่งผลให้ชาวเกย์ในเชชเนียต้องใช้ชีวิตกันอย่างหวาดกลัว หลบซ่อน และปกปิดสถานะตัวตนของตัวเอง
อัลวี คารีมอฟ (Alvi Karimov) โฆษกของคาดิรอฟ ได้ออกมาปฏิเสธเรื่องราวทั้งหมดและกล่าวว่า เชชเนียไม่มีใครเป็นโฮโมเซ็กชวล
คุณไม่สามารถจับกุมหรือปราบปรามผู้ที่ไม่ได้มีอยู่ในเชชเนียได้ และถ้ามีคนแบบนั้นอยู่ในเชชเนียจริงๆ ล่ะก็ มันไม่ต้องถึงมือกฎหมายหรอก ในเมื่อครอบครัวของพวกเขาจะส่งคนเหล่านั้นไปยังที่ที่ไม่สามารถกลับมาได้อีกตลอดไป
ข้อความจากมอสโคว์
ดมิทรี เปสคอฟ (Dmitry Peskov) โฆษกของประธานาธิบดีรัสเซียอ้างว่าเป็น ‘ประเด็นของการบังคับใช้กฎหมาย’
ส่วน มิคาอิล เฟโดตอฟ (Mikhail Fedotov) ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนในรัสเซียแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ‘เหี้ยมโหด’ และ ‘จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน’
คาดิรอฟ ไม่เหมือนผู้นำเมืองอื่นๆ ในรัสเซีย เขาเป็นหุ่นเชิดของปูตินเพื่อปกครองเชชเนียให้อยู่ภายใต้อาณานิคมของรัสเซีย เขาเพลิดเพลินไปกับอำนาจที่รัฐบาลรัสเซียมอบให้
ไม่มีทางรู้ได้ว่า ประธานาธิบดีปูตินพึงพอใจต่อการกระทำของคาดิรอฟหรือเกรงอกเกรงใจกันแน่ แต่ผลลัพธ์ของเหตุการณ์นี้ก็นำมาสู่ความรุนแรง และผู้ที่กระทำผิดก็ไม่ต้องรับโทษใดๆ ส่วนเหยื่อที่รอดชีวิตยังต้องใช้ชีวิตอย่างหลบซ่อน ขณะที่บางส่วนต้องอพยพออกจากเมือง
“ชาวเกย์ในเชชเนีย ไม่อาจพึ่งพาหรือเชื่อใจใครได้ เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะขอความช่วยเหลือจากใคร” เยกาเทรินา โซคีเรียนสคายา (Yekaterina Sokirianskaya) ผู้อำนวยการวิกฤตการณ์นานาชาติของกลุ่มคอเคซัสทางเหนือ (The International Crisis Group’s North Caucasus Project Director) กล่าวอย่างหดหู่