ฉันมาฮ่องกงคราวนี้…คุ้มจริง ได้เผชิญทั้งไต้ฝุ่นและการชุมนุมประท้วง ทั้งสองอย่างเป็นเสมือนการกดปุ่ม reset ตารางชีวิตที่เราวางแผนอย่างสวยงามและตามใจฉัน
หลังจากไต้ฝุ่นวิภาผ่านเกาะฮ่องกงไปไม่กี่ชั่วโมง จู่ๆ ฟีโอนาเพื่อนสาวชาวฮ่องกงร่างเล็กบางก็ว่างจากการเตรียมงานประท้วงติดต่อกลับว่า “อยากคุยด้วย”
ฉันจึงนัดคุยอัพเดททุกข์และสุขกันตามประสาคนไม่เจอกันเป็นปี ร้านกาแฟใกล้ตลาดว่านจ๋ายกลายเป็นที่ปลดปล่อยสารพัดเรื่องชีวิตของฟิโอนา เรื่องหนึ่งที่เราคุยกันก็คือฟีโอนาไปเรียนรู้การผลิตยาแก้อาการโดนแก๊สน้ำตา กระทั่งระบบการสื่อสารของกลุ่มนักประท้วงชาวฮ่องกงที่ฉันอยากรู้ว่ามีวิธีแปลกใหม่รูปแบบไหนบ้าง เธอโพล่งขึ้นมาว่า มีอาการ flashback ด้วยนะ เป็นความทรงจำตอนเด็กเกี่ยวกับแม่ มันเป็นเรื่องที่ถูกลืมไปสิ้นแล้ว จนกระทั่งเจอประสบการณ์ในการร่วมประท้วงถี่ๆ ทำให้ความทรงจำนั้นกระโดดแว้บเข้ามา เธอบอกให้ฉันตั้งใจฟัง
ฉันไม่ได้สนิทสนมกับฟีโอนามากนัก เธอเป็นศิลปินที่สร้างเสียงดนตรีจากพลังงานการเลื่อนตัวของนู่นนี่นั่นและไฟฟ้า เรามักใช้เวลาร่วมกันดื่มสังสรรค์หลังจากเธอจบการแสดง หัวข้อในการคุยมักเป็นเรื่องแวดวงศิลปินคนทำดนตรี noise บางครั้งคุยแลกเปลี่ยนกันถึงสภาพการณ์ในประเทศของตัวเอง
พอมาครั้งนี้…แปลกไป เธอเล่าถึงเรื่องส่วนตัวมากๆ เรื่องแม่ของเธอเป็นคนจิตใจแข็งกร้าว เป็นจีนฮ่องกงที่ใกล้ชิดวัฒนธรรมจีน บ้านเธออยู่ในฝั่งติดกับจีนแผ่นดินใหญ่ แม่เธอชื่นชมความยิ่งใหญ่ของจีน ภาพจำในวัยเด็กของเธอคือ ‘ไม่มีความสุข’ แม่กำหนดทุกสิ่งในชีวิตเธอ สั่งให้เธอทำสิ่งที่ดีตามธรรมเนียม เสมือนเธอคือหนึ่งในสมบัติของแม่ เธอไม่มีอำนาจในการต่อรองใดๆ ความสุขของเธอไม่ใช่สิ่งที่แม่ให้ความสำคัญ
เธอเล่าไปถึงเหตุการณ์ flashback นั้นว่า มันเป็นครั้งแรกที่เธอมีความสุข แม่เอาลูกไก่ตัวเล็กสีเหลืองมาให้เลี้ยง ด้วยความเป็นเด็กเธอตื่นเต้นดีใจมีความสุขมากที่ได้เลี้ยงลูกไก่ตัวนั้นเหมือนสัตว์เลี้ยงเพื่อนรัก ได้ดูมันเติบโต วันหนึ่งมันมีหงอนไก่งอกขึ้นมา เธอวิ่งเอาไปให้แม่ดูด้วยความภูมิใจว่าลูกไก่ของเธอเติบโตแล้ว ไม่กี่วันต่อมาฟิโอนาน้อยกลับจากโรงเรียน เห็นไก่ตัวนั้นถูกเชือด ถอนขน ตั้งไว้ในครัวพร้อมปรุงให้ครอบครัวกินมื้อเย็น
เธอโกรธแม่ ทะเลาะกับแม่อย่างรุนแรงก่อนจะรู้ตัวว่าเธอไม่มีอำนาจต่อกรกับแม่ได้เลย
ฟีโอนาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการที่แม่ฆ่าไก่ของเธอนั้นคือบทลงโทษเรื่องอะไร หรือเป็นความคิดของแม่ที่อยากให้เธอเลี้ยงไก่เพื่อเป็นอาหารตั้งแต่ต้น
มื้อเย็นนั้นเธอถูกแม่บังคับให้เธอกินไก่ตัวนั้น
“ตอนที่เกิด flashback น่ะ เธอทำอะไรอยู่” ฉันถาม
ฟิโอนาเล่าว่า มันเกิดขึ้นตอนที่อยู่ในการชุมนุมประท้วงวันที่ 12 มิถุนายน เธอกำลังพยายามอธิบายให้คนผ่านขบวนประท้วงเข้าใจว่า ฮ่องกงมีกฎหมายที่เป็นอิสระ ไม่ต้องตอบสนองกับนโยบายใดๆ ของจีน ถ้ากฎหมายส่งคนร้ายกลับจีนผ่านจะทำให้ศาลฮ่องกงไร้อำนาจในการพิจารณาคดี ถ้าทางจีนกล่าวว่าคนคนนั้นเป็นคนร้ายตามกฎหมายจีน ฮ่องกงที่มีกฎหมายและศาลเป็นที่ยอมรับของธุรกิจนานาชาติจะถูกปลดความอิสระกลายเป็นอยู่ใต้อำนาจนโยบายจีน
ฟังฉันอีกนิดนะ ฟิโอนาสะกิดฉัน
นอกจาก flashback เรื่องลูกไก่แล้ว เธอก็กลับไปเห็น flashback เรื่องอำนาจของแม่อีกหลายเรื่อง ประมาณว่าแม่ไม่เคยให้ความสำคัญกับความต้องการหรือปัญหาใดๆ ของเธอ มีเรื่องนึงตอนเธอเดินกลับบ้านจากโรงเรียน โดนลุงเพื่อนบ้านลูบไล้แขนและหลัง เธอไปฟ้องแม่ แต่แม่แก้ต่างให้ลุงคนนั้นว่าเป็นคนดี ไม่ได้ตั้งใจแตะต้องตัวเธอ เขาเป็นที่เคารพของคนในหมู่บ้าน มันทำให้เธอรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมในการใช้อำนาจของแม่ในช่วงที่แม่ดูแลเธอมา
flashback พวกนี้มันกลับมาบ่อยครั้งในช่วงที่เธอออกไปประท้วง การวางอำนาจของจีนผ่านฝ่ายปกครองที่จีนเลือกมาปกครองฮ่องกง
ฟิโอนายังเล่าต่ออีกว่า ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา การปิดถนนประท้วงกันทุกวันเสาร์อาทิตย์ซึ่งทำให้เธอใช้เวลากับการเตรียมผลิตยาสำหรับแก้อาการโดนแก๊สน้ำตาเพื่อแจกจ่ายให้คนประท้วงแนวหน้า วิธีการผลิตยานั้นค่าใช้จ่ายต่ำและทำแจกจ่ายได้จำนวนมาก เธอได้ศึกษาแนวทางใช้ยาแบบ homeopathy จากหมอที่เคยรักษาเธอ ตามดูคลิปผลิตยาจากยูทูบ และอ่านหนังสือคู่มือ มันเป็นศาสตร์ของการแก้พิษด้วยการให้ร่างกายรับพิษนั้นในปริมาณน้อยๆ เพื่อให้ร่างกายปรับสมดุลเอง
ในระหว่างนั้นแม่เธอได้ออกคำสั่งว่าจะตัดแม่ตัดลูกและไม่ให้เธออยู่อาศัยที่บ้านอีกถ้าเธอออกไปร่วมประท้วง โดยหวังว่าฟิโอน่าจะจนมุมเพราะในช่วงประท้วงนั้นเธอขาดรายได้จากการแสดงดนตรี (เธอมีชื่อเสียงในวงการ noise music พอควร เธอยกเลิกงานเองเพราะต้องจัดการผลิตและแจกจ่ายยาแก้แก๊สน้ำตา) เธอเล่าว่านี่ครบเดือนแล้วที่เธอออกมาอยู่อาศัยกับเพื่อนบ้าง แฟนหนุ่มบ้าง
นับเป็นการประท้วงกับอำนาจแม่เหมือนกัน
แล้วเธอก็ชวนฉันไปร่วมดูการชุมนุมประท้วงของเหล่าข้าราชการที่จัดเป็นครั้งแรก ซึ่งเธอบอกว่าน่าตื่นเต้น เป็นการขยายวงของคนประท้วงกลุ่มเด็กหนุ่มเด็กสาว คนรุ่นอาม่าอากง (ซึ่งพวกเขาเข้ามาปกป้องลูกหลานของตน) ไปสู่คนที่ขับเคลื่อนฮ่องกง เขาเหล่านี้คือคนทำงานในสาขาต่างๆ เธอบอกว่า “ดูนะ ว่าวันจันทร์ที่ 5 สิงหา มีนัดหยุดงานครั้งใหญ่กัน พวกเราจะทำให้จีนเห็นว่านี่ไม่ใช่แค่การประท้วงของคนว่างงาน ถ้าคนไม่ทำงาน ธุรกิจก็ไม่ทำงานด้วย”
“แล้ววันจันทร์ฉันจะเดินทางไปสนามบินได้ไหม อุตส่าห์วางแผนบินวันจันทร์ จะได้ไม่กระทบประท้วงวันอาทิตย์” ฉันถาม เริ่มเป็นห่วงธุระตัวเอง
“ไม่รู้จริงๆ เราก็อยากให้ประท้วงสำเร็จ นั่นหมายถึงหยุดระบบทั้งหมด ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อนนะ แต่มันเป็นธุระของเราที่ต้องประท้วง” ฟิโอนาปลอบใจฉันก่อนร่ำลากัน