ตรวจค้น ยึดของ จับกุม: วิธีรับมือหากถูกคุกคามจากการแสดงออกทางการเมือง

นับตั้งแต่รัฐประหารปี 2557 เป็นต้นมา ประชาชนจำนวนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจทำการรัฐประหาร ได้ออกมาแสดงออกและต่อต้าน แต่สิ่งที่พวกเขาเผชิญคือการถูกคุกคามจากเจ้าหน้าที่รัฐ วิวัฒนาการของการคุกคามดำเนินอย่างเป็นระบบ รูปแบบการคุกคามประชาชนของเจ้าหน้าที่รัฐทหารไทยคือรูปแบบที่นักวิชาการเรียกว่า Lawfare หรือ นิติสงคราม

WAY รวบรวมวิธีรับมือเมื่อถูกคุกคามจากการแสดงออกทางการเมือง

กระบวนการนอกกฎหมาย

หากเป็นผลจากการโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดีย

  • ถามชื่อ และหน่วยงานและบันทึกภาพเอาไว้
  • หากมีคนอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ไปเชิญตัวโดยไม่มีหมายจับสามารถปฏิเสธไม่ไปกับบุคคลดังกล่าว
  • ปรึกษาทนายความหรือบุคคลที่คุณไว้วางใจทันที

เมื่อมีคนขอให้คุณยินยอมให้ข้อมูลและลงชื่อในบันทึกข้อตกลง

  • บันทึกข้อตกลงยินยอมนั้นไม่มีสถานะทางกฎหมาย 
  • ไม่ควรลงชื่อทั้งที่คุณไม่ได้ยินยอมหรือสมัครใจ

กรณีเจ้าหน้าที่จะทำสำเนาข้อมูล หรือยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (รวมถึงโทรศัพท์มือถือ)

  • ทำได้ก็ต่อเมื่อมีหมายศาลเท่านั้น ไม่ควรให้สำเนาอุปกรณ์ หรือรหัสผ่าน (password) แก่บุคคลอื่น

การคุกคามจากเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ เช่น ครู

หากนักเรียนถูกลงโทษนอกเหนือจากกฎกระทรวงที่ระบุไว้

  • หากเกิดความเสียหายขึ้นแก่เนื้อตัวร่างกาย ชื่อเสียง ฯลฯ ครูมีสิทธิถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายหรือถูกสอบสวนวินัยได้
  • ร้องเรียนกับผู้บังคับบัญชาของครู หรือผู้อำนวยการโรงเรียนก่อน
  • เมื่อคิดว่าผลการสอบสวนยังไม่เป็นธรรม ให้ยื่นหนังสือต่อ ‘สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา’ (สำนักงาน ก.ค.ศ.)

กรณีนำเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารเข้ามาในโรงเรียน

  • การนำตำรวจเข้ามาในโรงเรียนไม่ได้รับการระบุไว้ในกฎกระทรวง
  • สถานศึกษาจะต้องไม่กีดกันให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา ทำกิจกรรม รวมทั้งแสดงออกได้อย่างมีเสรีภาพและสร้างสรรค์ ดังนั้น การนำตำรวจเข้ามาในโรงเรียนทำให้นักเรียนรู้สึกไม่ปลอดภัย
  • หากมีการตัดคะแนนความประพฤติ หรือทำกิจกรรม ให้เก็บหลักฐานว่าครูมีเจตนากลั่นแกล้งหรือเลือกปฏิบัติหรือไม่

ครูยึดสิ่งของรณรงค์ ตบหัว ยื้อยุดเสื้อผ้าหรือส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกาย รวมถึงการข่มขู่ 

  • การลงโทษหลายกรณีที่กล่าวมาเป็นความผิดทางอาญา
  • ครูไม่มีอำนาจค้นหาโทรศัพท์นักเรียนไม่ว่ากรณีใดๆ
  • หากถูกข่มขู่อาจเข้าข่ายองค์ประกอบความผิดตามกฎหมายอาญา

กรณีถูกควบคุมตัว ถูกจับกุม หรือได้รับหมายเรียก

กรณีถูกหมายเรียก

  • อ่านหมายให้ละเอียด ว่าเป็นหมายเรียกผู้ต้องหาหรือเป็นหมายเรียกพยาน มีข้อสงสัยให้โทรศัพท์ไปที่เบอร์พนักงานสอบสวนที่ระบุไว้ในหมาย
  • หากไม่สามารถไปตามหมายได้ ให้โทรศัพท์แจ้งพนักงานสอบสวนและส่งหนังสือแจ้งขอเลื่อนนัด
  • ปรึกษาทนายความ และไปพบพนักงานสอบสวนพร้อมทนายความหรือบุคคลที่ไว้ใจ
  • หากได้รับหมายเรียกครั้งที่ 1 แล้วไม่ไป เมื่อมีการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 และหากไม่ไปตามหมายอีก อาจถูกออกหมายจับได้
  • หากถูกนำไปแถลงข่าว มีสิทธิปฏิเสธไม่ยินยอมได้
  • กรณีหมายเรียก พนักงานตำรวจไม่มีอำนาจควบคุมตัวคุณ

กรณีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารจับกุมตัว

  • ขอดูหมายจับ (เพื่อดูข้อหา)
  • ขอดูบัตรแสดงตัวของเจ้าหน้าที่ (ชื่อและสังกัด)
  • ขอทราบสถานที่พาตัวคุณไป ก่อนแจ้งคนที่ใกล้ชิด และทนายความให้ทราบโดยด่วน
  • หากมีการนำตัวไปแถลงข่าว มีสิทธิปฏิเสธไม่ยินยอมได้

กรณีถูกค้นบ้าน 

  • ขอดูหมายค้น
  • การตรวจค้นต้องทำต่อหน้าคุณหรือผู้ครอบครองสถานที่ 
  • การค้นต้องทำในเวลากลางวัน 
  • ขอบันทึกการตรวจค้นจากเจ้าหน้าที่ไว้เป็นหลักฐาน

กรณีถูกคุกคามก่อนและระหว่างการแสดงออกทางการเมือง เช่น การชุมนุม

หากมีคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ติดต่อมาทางโทรศัพท์ส่วนตัวก่อนการชุมนุม

  • ตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่เป็นใครและมีความเกี่ยวข้องกับการชุมนุมหรือไม่ หากไม่ได้เกี่ยวข้องถือเป็นการละเมิดชัดเจน
  • หากเจ้าหน้าที่ที่ติดต่อมาไม่เกี่ยวข้อง คุณมีสิทธิจะไม่พูดคุยหรือให้ข้อมูลใดๆ

กรณีเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบขอถ่ายรูปและขอข้อมูลส่วนบุคคล

  • ผู้เข้าร่วมชุมนุม ผู้เข้าร่วมฯ ไม่จำเป็นต้องแสดงบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่
  • หากเจ้าหน้าที่ออกหมายเรียกให้ผู้จัดฯ ไปให้ข้อมูล ผู้ถูกเรียกสามารถโทรเลื่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือโทรขอคำแนะนำจากทนายได้

กรณีตามไปหาที่บ้าน หรือมีคนนำข้อมูลส่วนตัวไปเผยแพร่บนโลกออนไลน์ นำมาสู่การคุกคาม ความเป็นส่วนตัวหรือคุกคามทางเพศ

  • เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องแสดงตัวให้ชัดเจน ให้คุณ ถ่ายรูป ถามชื่อและสังกัด ก่อนจะส่งข้อมูลให้หน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชน 
  • หากเจ้าหน้าที่มาโดยไม่มีหมาย อ้างว่า “ขอความร่วมมือ” เท่านั้น  เราสามารถปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลใดๆ
  • หากมีการเชิญไปพูดคุยนอกรอบที่สถานีตำรวจหรือสถานที่อื่น ผู้ถูกเชิญไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องไป
  • มาถ่ายรูปบ้านและครอบครัว เรามีสิทธิที่จะไม่ให้ความยินยอมในการถ่ายภาพ
  • ข้อมูลส่วนตัวไปเผยแพร่บนโลกออนไลน์ สามรารถรวบรวมหลักฐานเพื่อเตรียมฟ้องร้องทางกฎหมาย
ที่มา: ประมวลจากรายงานของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

 

ผู้สนใจสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่

Author

กองบรรณาธิการ
ทีมงานหลากวัยหลายรุ่น แต่ร่วมโต๊ะความคิด แลกเปลี่ยนบทสนทนา แชร์ความคิด นวดให้แน่น คนให้เข้ม เขย่าให้ตกผลึก ผลิตเนื้อหาออกมาในนามกองบรรณาธิการ WAY

Illustrator

ณขวัญ ศรีอรุโณทัย
อาร์ตไดเร็คเตอร์ผู้หนึ่ง ชอบอ่าน เขียน และเวียนกันเปิดเพลงฟัง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า