#ม็อบ24มีนา #เพราะประเทศนี้เป็นของราษฎร

ย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2564 ที่ท้องสนามหลวง-สนามราษฏร์ กลุ่ม REDEM นัดรวมตัวทำกิจกรรมพับจรวดร่อนจดหมายส่งข้ามรั้ววัง แต่ยังไม่ทันที่กิจกรรมจะเริ่ม เมื่อแนวกำแพงตู้คอนเทนเนอร์ถูกโค่นถล่มลงมา เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนพร้อมโล่ กระบอง แก๊สน้ำตา รถฉีดน้ำ ระเบิดเสียง กระสุนยาง ฯลฯ ก็เปิดฉากรุกไล่ประชาชนจนแตกฉานซ่านเซ็นไปคนละทิศละทาง

เป้าหมายที่รัฐบาลเผด็จการมุ่งหวังคือ การสร้างบรรยากาศแห่งความกลัว บดขยี้ผู้เห็นต่างไม่ให้กระด้างกระเดื่อง 

ทว่าการณ์กลับหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะยิ่งรัฐบาลตอบโต้ด้วยวิธีการสกปรกเยี่ยงรัฐมาเฟีย กลับยิ่งเป็นการเติมเชื้อไฟ สร้างความคับแค้นใจให้แก่มวลชน

ถัดมาไม่กี่วันหลังจากนั้น ช่วงเย็นวันที่ 24 มีนาคม 2564 มวลชนกลับคืนสู่ท้องถนนอีกครั้งที่บริเวณราชประสงค์ หรือราษฎร์ประสงค์ นำโดยกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ภายใต้ชื่อกิจกรรม #เพราะประเทศนี้เป็นของราษฎร

จุดยืนและเป้าหมายของการชุมนุมยังคงเน้นหนักในข้อเรียกร้องเดิมคือ หนึ่ง-ประยุทธ์ต้องลาออก สอง-ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ฉบับประชาชน สาม-ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ และเพิ่มเติมอีกหนึ่งข้อเรียกร้องคือ ยกเลิก 112 #ปล่อยเพื่อนเรา

นัยหนึ่งของการชุมนุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเช้าวันรุ่งขึ้น (25 มีนาคม 2564) อัยการจะมีการนัดสั่งฟ้องนักกิจกรรม 13 คน ในคดี 112 จากกรณีอ่านแถลงการณ์หน้าสถานทูตเยอรมนี เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2563 ซึ่งมีแนวโน้มว่า หากอัยการมีคำสั่งฟ้อง ผู้ต้องหาอาจจะไม่ได้รับสิทธิประกันตัวในชั้นศาล

สู้ไปด้วยกัน

การชุมนุมเริ่มต้นเมื่อเวลา 17.00 น. โดยมีผู้ปราศรัยหลัก อาทิ มายด์-ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล จากกลุ่ม ROOT, เบนจา อะปัญ จากแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และ ครูใหญ่-อรรถพล บัวพัฒน์ จากพรรคก้าวล่วง (กลุ่มราษฎรโขง ชี มูล) ซึ่งทั้ง 3 คน เป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีมาตรา 112 จากการชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมนี

นอกจากนี้ ช่วงหนึ่งของกิจกรรมมีการเปิดคลิปวิดีโอของ ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ รองศาสตราจารย์ประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ในหัวข้อ ‘สถาบันกษัตริย์กับสิทธิมนุษยชน’ 

มายด์-ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล ขึ้นกล่าวปราศรัยบริเวณแยกราชประสงค์ ตอนหนึ่งของการปราศรัยระบุว่า ต้องการส่งสารไปยังคนหลายกลุ่ม และหวังว่าการพูดวันนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน สถาบันการเมือง และสถาบันพระมหากษัตริย์ เปรียบเสมือนการปราศรัยครั้งนี้เป็นการพูดครั้งสุดท้าย เพราะไม่มั่นใจว่าศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่ หากอัยการสั่งฟ้อง 

ข้อความตอนหนึ่งบนเวทีปราศรัยระบุว่า 

“เราในฐานะประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ การพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น เราควรจะต้องพูดถึงได้ ทั้งในแง่ของการสรรเสริญ และในแง่ของการวิพากษ์วิจารณ์ นี่คือสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนไทย ตามระบอบประชาธิปไตยที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ”

นอกจากนี้ เพจแนวรวมธรรมศาสตร์และการชุมนุมยังได้เผยแพร่บทกลอนที่มายด์-ภัสราวลี อ่านทิ้งท้ายบนเวทีปราศรัย ก่อนที่การชุมนุมจะยุติลงอย่างสงบในเวลา 21.00 น.

มุ่งหมายตามล่าล้าง ดุจมิ ใช่คน

หมายมุ่งปราบมวลชน ลูกหลาน

จบแล้วซึ่งอดทน กดขี่

ทวยราษฎร์เลิกหมอบกราบ หมดสิ้น ศรัทธา

เรียนทูลกษัตริย์แก้ว ตรับฟัง

หากยังอยากหยุดยั้ง ก่อนช้า

มิให้ทุกสิ่งพัง พินาศ ดับสูญ

พสกราษฏร์ทั่วหล้า แซ่ซ้อง ยินดี

Author

กองบรรณาธิการ
ทีมงานหลากวัยหลายรุ่น แต่ร่วมโต๊ะความคิด แลกเปลี่ยนบทสนทนา แชร์ความคิด นวดให้แน่น คนให้เข้ม เขย่าให้ตกผลึก ผลิตเนื้อหาออกมาในนามกองบรรณาธิการ WAY

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า