ผ่านไปสามตอนแล้ว อุดมคติ จริยธรรม และความรับผิดชอบต่อพื้นที่สาธารณะ ทั้งสามประการนี้อยู่ที่ปลายสุดของเส้นกราฟพัฒนาการ ซึ่งกว่าที่เด็กคนหนึ่งจะได้มา ชีวิตก็ต้องล่วงเลยมาถึงประมาณวัยทีนและวัยรุ่นคืออายุ 13-18 ปี ตามตำราจิตวิทยาพัฒนาการทุกสมัย
ไม่มีข้อยกเว้น นักวิชาการทุกสาขานั่งดูมาหลายร้อยปีแล้ว ถ้าจะมีคำว่าปัญหาวัยรุ่น เราพบว่าปัญหาวัยรุ่นเหมือนกันทุกยุคสมัย อาจจะมีข้อแตกต่างหนึ่งข้อคือสมัยโบราณไม่มีวัยรุ่น มีแต่วัยเด็กและวัยผู้ใหญ่ เด็กคนหนึ่งเปลี่ยนผ่านเป็นผู้ใหญ่ด้วยพิธีกรรมบางอย่างในวันเดียว หลังจากนั้นต้องทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ผู้ใหญ่ สามารถแต่งงานแล้วมีลูกได้เลย ไม่มีคำว่าตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรและไม่มีการขอเงินพ่อแม่ใช้อีก เป็นเช่นนี้ทุกเผ่าพันธุ์
โครงร่างของจิตวิทยาพัฒนาการมีหลายสำนัก ฟรอยด์, มาห์เลอร์, ไคลน์, จุง, อีริคสัน, เพียเจต์, ไวก๊อตสกี, โคห์ลเบิร์ก, ซัลลิแวน, เฟนิเกล ฯลฯ ตามด้วยจิตวิทยาเชิงบวกและ Executive Function (EF) นอกจากนี้ยังมีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ด้านสมองและพันธุกรรม เหล่านี้มีข้อที่ไม่เหมือนกันเป็นบางส่วนแต่หลักใหญ่ใจความแล้วไม่มีเรื่องใหญ่ที่ขัดแย้งกัน
เราสามารถเขียนเป็นเส้นกราฟพัฒนาการเส้นที่ 4 ซึ่งผมตั้งชื่อให้ว่า ‘บันได 7 ขั้นสู่ศตวรรษที่ 21’ เพื่อให้ทำความเข้าใจง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับท่านที่มิได้เรียนพื้นฐานของนักคิดสายจิตวิทยาแต่ละท่านมาก่อน
เราเริ่มต้นด้วย ‘แม่’
ขั้นที่ 1 สร้างแม่ที่มีอยู่จริง ทารกเกิดใหม่ไม่รับรู้ว่ามีแม่ แม่ไม่มีอยู่จริง เขาใช้เวลา 6 เดือนแรกสร้างแม่ที่มีอยู่จริงก่อน เป็นเสาหลักของพัฒนาการทั้งชีวิตที่เหลือ
ขั้นที่ 2 สร้างสายสัมพันธ์ ครั้งที่ทารกอยู่ในครรภ์ แม่-ลูกมีสายสัมพันธ์ด้วยสายรกที่มองเห็นและจับต้องได้ เมื่อทารกคลอดสายรกถูกตัดขาด มนุษย์สร้างสายรกเส้นใหม่ที่มองไม่เห็นด้วยตาและจับมิได้ด้วยมือแต่สัมผัสได้ด้วยใจ คือสายสัมพันธ์
ขั้นที่ 3 สร้างตัวตน ตัวตนเกิดขึ้นที่ปลายเชือกที่เรียกว่าสายสัมพันธ์ แต่เป็นเชือกที่มองไม่เห็น ทอดยาวไปได้รอบโลก อยู่เหนือกาลเวลา ตัวตนเป็นประธานของประโยค ใช้เดินทางต่อไปในอนาคต
ขั้นที่ 4 สร้าง self esteem ตัวตนไปข้างหน้าด้วยพลังของเซลฟ์เอสตีม คือความสามารถที่จะรับรู้ว่าตนเองทำอะไรได้บ้างและทำได้มากแค่ไหน ทำได้เซลฟ์เอสตีมดีจึงจะพัฒนาต่อไปไม่หยุดอยู่กับที่
ขั้นที่ 5 คือมีการควบคุมตนเอง เรียกว่าเซลฟ์คอนโทรล (self control) ใช้เป็นแบริเออร์กั้นพัฒนาการมิให้ไปเร็วเกินไป มากเกินไปหรือออกนอกเส้นทาง แบริเออร์ไม่ควรมาจากภายนอกและไม่ควรมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ควรเกิดขึ้นภายในจิตใจและมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เป็นเครื่องมือที่เด็กใช้กำกับตัวเอง บางตำราใช้คำว่าเซลฟ์เรกูเลชั่น (self regulation)
ขั้นที่ 6 คือมี EF มาจากคำว่า Executive Function หมายถึงความสามารถที่จะควบคุมตนเองไปให้ถึงเป้าหมาย ตนเองประกอบด้วยความคิด อารมณ์และการกระทำ โดยเด็กเป็นผู้กำหนดเป้าหมายด้วยตัวเอง มิใช่พ่อแม่กำหนดให้ เด็กควรมีความสามารถกำหนดเป้าหมายตามความถนัดและความหลงใหล
ขั้นที่ 7 คือมีทักษะศตวรรษที่ 21 ได้แก่
- ทักษะเรียนรู้ คือ มีความคิดเชิงวิพากษ์และสามารถเรียนรู้จากทุกสถานที่ทุกเวลา
- ทักษะชีวิต คือ มีความสามารถในการกำหนดเป้าหมาย วางแผน กล้าตัดสินใจ กล้าลงมือทำ มีความรับผิดรับชอบ กล้าประเมินผล และคิดยืดหยุ่น สามารถเปลี่ยนมุมมอง ปรับเป้าหมาย แผน วิธีทำงาน ตัวชี้วัด ตัวแปร และกระบวนทัศน์
- ทักษะไอที คือมีความสามารถในการเสพสื่อ วิเคราะห์สื่อ ใช้เครื่องมือไอทีสมัยใหม่ และรับมือกับ disruption ที่มาถึงด้วยความเร็วที่มากกว่าคนสมัยก่อน
บันไดขั้นที่ 1-3 สร้างมาจากบ้านและครอบครัวเสียมาก อย่างไรก็ตาม สังคม การเมือง และโครงสร้างที่ดีจะช่วยให้บ้านและครอบครัว คุณพ่อและคุณแม่ ทำงานงานนี้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น มีความสุขมากขึ้น แทนที่เราต้องปากกัดตีนถีบหาเงินเลี้ยงลูก แต่สวัสดิการรัฐด้านแม่และเด็กที่ดีจะผ่อนงานของทุกคนไปได้มากมาย ผลลัพธ์ที่ได้คือเด็กไทยมีฐานพัฒนาการ 3 ขั้นแรกที่แข็งแรงถ้วนหน้า
ดีออก
บันได้ขั้นที่ 4-7 สร้างมาจากระบบการศึกษาเสียมาก การศึกษาแบบท่อง จำ ติว สอบ และตัวใครตัวมัน ตัดตอนสติปัญญาเด็กมาก และทำลายเด็กเรียนไม่เก่งตามมาตรฐานมานักต่อนัก ระบบการศึกษาที่ดีกว่าคือการศึกษาที่มุ่งเน้นการเรียนรู้จากการทำงานดังที่เรียกว่า active learning ด้วยโจทย์ปัญหาเป็นฐานเรียกว่า Problem-Based Learning, PBL ด้วยกลไกนี้เด็กไทยจึงจะคิดเป็นทำเป็น ทำได้ด้วยการพาเด็กออกนอกห้องเรียน เรียนด้วยการลงมือทำงานจริงในโลกที่เป็นจริง ซึ่งจะทำได้ต่อเมื่อมีการกระจายอำนาจการจัดการศึกษาออกจากระทรวงศึกษาธิการไปที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชน รวมถึงภาคประชาชนในแต่ละท้องถิ่น
กระจายเงินด้วย
หากเราทำโครงสร้างที่เปิดโอกาสให้บ้านและครอบครัวสามารถเลี้ยงลูกโดยสะดวก แล้วทำโครงสร้างที่เปิดโอกาสให้โรงเรียนและครูสามารถจัดการศึกษาสมัยใหม่ได้ด้วยตนเอง เด็กไทยจะคิดเป็นทำเป็น เป็นเรื่องดีสำหรับทุกๆ คน
พัฒนาการใดๆ ควรมีการกำกับ แต่การกำกับควรมาจากภายในคือ internal control ซึ่งสร้างได้ด้วยการศึกษาปฐมวัยหรือชั้นอนุบาลที่เหมาะสม ไม่ควรมาจากภายนอกคือ external control คืออำนาจและสิ่งกีดขวางซึ่งมีแต่จะทำร้ายและทำลายพัฒนาการ
เมื่อเด็กคนหนึ่งมีทักษะศตวรรษที่ 21 เขาจะพัฒนาอุดมการณ์ จริยธรรม และพื้นที่สาธารณะด้วยจิตใจที่เปิดกว้าง ไม่คับแคบ ดีต่อส่วนรวมและดีต่อบ้านเมือง
ดีออก
อ่าน ‘เรื่องดีๆ อยู่ที่ปลายทาง’ ย้อนหลัง
- ต้นทางของวัยรุ่นที่มีอุดมคติ คือเด็กที่ไม่ด้อยโอกาสทางการเล่น
- วัยรุ่น: ส่วนรวมมาก่อนส่วนตัว ผู้ใหญ่: ส่วนตัวมาก่อนส่วนรวม
- พื้นที่สาธารณะ: สังคมที่คับแคบสร้างวัยรุ่นที่คับแคบ