วาดฝันอนาคตประเทศไทยกับคนรุ่นใหม่ 12 นโยบายจากค่าย Singhadang Policy Maker Camp

นับตั้งแต่คลื่นแห่งการประท้วงระลอกใหญ่เกิดขึ้นในปี 2563 หนึ่งในผู้ที่ร่วมเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างแข็งขันคงจะหนีไม่พ้นประชากรกลุ่มที่เรียกว่า ‘คนรุ่นใหม่’ โดยเฉพาะบรรดานักเรียน นักศึกษาจากสถานศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศ

แต่การเรียกร้องทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ไปไกลกว่าแค่ประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง พวกเขาพากันพูดถึงการรื้อถอนค่านิยมเก่าๆ และโครงสร้างอำนาจเก่าๆ ที่เป็นปัญหาเรื้อรังของสังคมไทยมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่เรื่องความหลากหลายทางเพศ การต่อสู้กับระบบอำนาจนิยมในชีวิตประจำวัน การกระจายอำนาจ การลดความเหลื่อมล้ำ ตลอดจนการสร้างรัฐสวัสดิการที่จะโอบอุ้มชีวิต และเติมเต็มความฝันของพวกเขาให้สมบูรณ์

ในช่วงที่สถานการณ์การเลือกตั้งกำลังระอุเช่นนี้ การฟังเสียงคนรุ่นใหม่ว่าพวกเขาวาดฝันอนาคตของประเทศเอาไว้เช่นไรจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนี่คือแผ่นดินที่พวกเขาจะต้องเติบโต ใช้ชีวิต สร้างประเทศและส่งต่อทรัพยากรแก่คนรุ่นถัดไปอีกนานหลายปี

WAY ชวนวาดฝันอนาคตประเทศไทยกับคนรุ่นใหม่ ผ่าน 12 นโยบายจากผู้เข้าร่วมค่าย Singhadang Policy Maker Camp ณ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 23-26 มีนาคม 2566 ซึ่งจัดโดยกลุ่มอาสาวิชาการ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับองค์กรพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) มูลนิธิฮันส์ ไซเดล และภาคีเครือข่ายนโยบายสาธารณะระดับประเทศ

พรรคอนาคตไทย 

เยาวชนทีมแรกมาพร้อมนโยบาย ‘บำนาญก้าวหน้า’ เนื่องจากพวกเขาเล็งเห็นว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ดังนั้นจึงเสนอให้จัดตั้งกองทุนบํานาญเพื่อพัฒนาสังคมแห่งชาติ โดยมุ่งเน้นไปที่ประชากรภายในประเทศ เริ่มตั้งแต่อายุ 20-59 ปี ผ่านการออมเงินกับกองทุนฯ และรัฐสนับสนุนสมทบเงินตามอัตราที่กําหนดอย่างเหมาะสม เพื่อเป็นการพัฒนาและสร้างความมั่นคงให้กับผู้สูงอายุวัยเกษียณและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้คนในสังคม

ข้อเสนอของพรรคอนาคตไทยมีดังนี้

  • จัดตั้งกองทุนบํานาญเพื่อพัฒนาสังคมแห่งชาติ หรือบํานาญก้าวหน้า 
  • จัดตั้งศูนย์บริบาลรองรับปัญหาผู้สูงอายุขาดการดูแล นำเทคโนโลยีที่มาใช้ในการรักษาผู้ป่วย เพื่อลดความแออัดของโรงพยาบาลในภูมิภาค
  • เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้ใช้ฝีมือและประสบการณ์สร้างรายได้ ออกแบบหลักสูตรการเรียนที่ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน ออกพระราชบัญญัติกองทุนบํานาญเพื่อพัฒนาสังคมแห่งชาติ และกฎหมายคุ้มครองแรงงานผู้สูงอายุ
พรรคอนาคตไทย

พรรคเสี้ยม

กลุ่มที่ 2 เสนอนโยบายที่สนับสนุนสิทธิและเสรีภาพของคนรุ่นใหม่ กล่าวคือสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในสถานศึกษา ทั้งภายในโรงเรียนและในมหาวิทยาลัย นักเรียนและนักศึกษาจะต้องมีสิทธิในการแสดงออกอย่างเสรี โดยไม่ถูกผูกมัด ขัดขวาง หรือลงโทษจากกฎระเบียบของสถานศึกษา ตลอดจนมีกลไกในการสะท้อนความคิดเห็นเหล่านั้นไปสู่สังคมและรัฐบาล

  • แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ เพื่อให้ครอบคลุมถึงการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง
  • ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในระบบยุติธรรมอย่างศาลและตํารวจต้องเป็นกลางในการกระทําการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งข้อกล่าวหา 
  • ส่งเรื่องให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเป็นตัวกลางระหว่างนักเรียนและนักศึกษา อีกทั้งให้องค์กร NGO มีส่วนร่วมในการตรวจสอบ
พรรคเสี้ยม

พรรคคิดเลขเกรด 1 คิดถึงเธอเกรด 4

กลุ่มที่ 3 เสนอนโยบาย ‘คืนครูสู่นักเรียน’ เนื่องจากระบบการศึกษาไทยในปัจจุบันยังคงมีปัญหาในหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องบุคลากรครูที่ต้องรับภาระงานหนักจนส่งผลต่อคุณภาพการเรียนการสอน และส่งผลต่อทั้งคุณภาพชีวิตของครูและนักเรียน ตัวอย่างเช่นการประเมินครูที่ต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ ที่ซับซ้อน มีคณะกรรมการและกฎเกณฑ์ชุดหนึ่งจากส่วนกลาง แต่กลับไร้ซึ่งเสียงสะท้อนจากฝ่ายผู้เรียน อีกทั้งแบบฟอร์มการประเมินยังไม่มีความชัดเจน

ดังนั้น คนรุ่นใหม่กลุ่มนี้จึงเสนอให้ 

  • ปรับรูปแบบการประเมินครู เพิ่มสัดส่วนการประเมินจากฝ่ายผู้เรียน 
  • เพิ่มแบบฟอร์มรับฟังความคิดเห็น และช่องทางในการติดตามความคืบหน้า
พรรคคิดเลขเกรด 1 คิดถึงเธอเกรด 4

พรรคไทยเท่าเทียม

ผู้เข้าร่วมค่ายกลุ่มที่ 4 เสนอนโยบาย โรงเรียน De (centralized) ที่ทุกคนเป็นเจ้าของ เนื่องจากการศึกษาเป็นรากฐานในการพัฒนามนุษย์ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลจะต้องใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือในการขจัดความเขลาแก่ประชาชน ดังนั้น โครงสร้างพื้นฐานทางการศึกษาที่เหมาะสมจะเป็นแนวทางยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยได้อย่างเสมอภาค

  • กระจายอํานาจการบริหารจัดการสถานศึกษาให้ท้องถิ่น
  • กระจายอำนาจบริหารจัดการทรัพยากร งบประมาณและบุคลากร 
  • กระจายอํานาจในการบริหารและกำหนดหลักสูตรการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่
พรรคไทยเท่าเทียม

พรรคเพื่ออนาคตเรา

กลุ่มที่ 5 มาพร้อมนโยบายด้านสาธารณสุขที่มีความก้าวหน้าอย่าง ‘ไทย Prep (Pep) ไทยพร้อม’

เอชไอวี (HIV) เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมทั้งโรคเอดส์ (AIDS) และประชากรกลุ่มเสี่ยงในประเทศไทยก็มีจำนวนมาก เชื้อเอชไอวีจึงไม่เพียงปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน แต่ยังส่งผลต่อการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ นอกจากนี้ เอชไอวียังมาพร้อมปัญหาสังคมอื่นๆ อาทิ การรังเกียจกีดกัน การตีตรา การเลือกปฏิบัติ ตลอดจนการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้ติดเชื้ออีกด้วย โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศและกลุ่มที่เป็น sex worker พรรคเพื่ออนาคตเราจึงเสนอให้

  • เพิ่มงบประมาณอุดหนุนการวิจัยเวชภัณฑ์เกี่ยวกับเพศศึกษาและโรคเอดส์ 
  • เพิ่มหลักสูตรการเรียนการสอนเกี่ยวกับวิธีใช้ยาเวชภัณฑ์ และการป้องกันโรคติดต่อทางเพศ 
  • อบรมให้ความรู้เฉพาะทางแก่พยาบาลและเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อให้บริการผู้ที่มีความเสี่ยง
  • เพิ่มตัวเลือกทางการตลาดในการนําเข้ายาจากต่างประเทศ 
  • แก้ไขกฎกระทรวงสาธารณสุขให้สอดคล้องกับปัญหาที่เกิดขึ้นจริง
พรรคเพื่ออนาคตเรา

พรรคเศรษฐกิจสร้างไทย

พรรคเศรษฐกิจสร้างไทยเสนอนโยบาย ‘เศรษฐกิจใหม่ซีรีส์วาย’ 

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเอกลักษณ์และความหลากหลายทางวัฒนธรรม แต่ในที่นี้ผู้คิดนโยบายมองเห็นว่า ความหลากหลายในวัฒนธรรมร่วมสมัยคือ ความหลากหลายทางเพศที่มีอิสระเสรีมากขึ้น และหนึ่งในสินค้าที่ตอบสนองความหลากหลายดังกล่าวคือ ซีรีส์วาย ซึ่งขายได้ในหลายประเทศทั่วโลก ดังนั้นเพื่อยกระดับวัฒนธรรมไทยดั้งเดิมให้มีความสมัยใหม่ และเพื่อเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจไทยในตลาดภาพยนตร์เอเชียตะวันออกและลาตินอเมริกา กลุ่มที่ 6 จึงเสนอนโยบายต่างๆ ได้แก่

  • สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมบันเทิง
  • แก้ไขกฎหมายเพื่อลดอํานาจรัฐ และกระจายอำนาจให้ภาคเอกชน ปลดล็อกเสรีภาพในการแสดงออกของหนังและซีรีส์ แก้ไขพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ 
  • ลดการผูกขาดของนายทุน โดยให้รัฐส่งเสริมศักยภาพของผู้สร้างซีรีส์วายขนาดกลางและขนาดย่อมในตลาด เพื่อไม่ให้เกิดการผูกขาด
  • กําหนดสัดส่วนเวลาการทํางานของผู้ผลิตและนักแสดงให้ชัดเจน
พรรคเศรษฐกิจสร้างไทย

พรรคผ่อนน้อย

กลุ่มที่ 7 นำเสนอนโยบาย ‘3 ส. ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน’

ความเปราะบางทางเศรษฐกิจนำมาซึ่งปัญหาความเหลื่อมล้ำที่รุนแรง ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจยังก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และสร้างความขัดเแย้งในสังคมตามมา พรรคผ่อนน้อยจึงเสนอทางแก้ไขปัญหาความไว้เนื้อเชื่อใจและความไม่สมานฉันท์ในสังคม พร้อมทั้งเร่งพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาวผ่านนโยบาย 3 ส. ได้แก่

  • สอน เศรษฐกิจบนฐานความรู้และการเข้าถึงเทคโนโลยีจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และทำให้ความรู้กระจายสู่ชุมชนในรูปแบบ ‘เพื่อนสอนเพื่อน’
  • สร้าง หลักประกันให้ผู้ที่มีความเปราะทางทางเศรษฐกิจ
  • เสริม การเจริญเติบโตให้ต่อเนื่อง ครอบคลุม และยั่งยืน
พรรคผ่อนน้อย

พรรคที่ 8 ส่งเสริมระบบนิเวศวิสาหกิจเพื่อสังคม

กลุ่มที่ 8 เสนอนโยบายพัฒนาวิสาหกิจเพื่อสังคม (social enterpise) เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ําทางสังคม การเข้าไม่ถึงบริการของภาครัฐและสวัสดิการพื้นฐาน ตลอดจนการขาดแคลนสิ่งจําเป็นในการดํารงชีวิต และเพื่อแก้ปัญหาการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม 

  • ออกพันธบัตรเพื่อสังคม (social impact bond) เป็นการสนับสนุนด้านเงินทุน
  • ลดอุปสรรคและขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ 
  • ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิสาหกิจเพื่อสังคมและการทำธุรกิจเพื่อสังคม เช่น จัดประชาสัมพันธ์ สร้าง soft power และสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม
พรรคที่ 8 ส่งเสริมระบบนิเวศวิสาหกิจเพื่อสังคม

พรรคไทยอภิวัฒน์เสรี

พรรคไทยอภิวัฒน์เสรีร่างนโยบายผลักดัน soft power ไทย เนื่องจากเห็นว่าวัฒนธรรมไทยมีความเข้มแข็งและมีศักยภาพพอที่จะผลักดันให้เป็นทรัพยากรในการสร้าง soft power หลังวิกฤตโควิด-19 ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าส่งออก ดึงดูดเม็ดเงินภาคการท่องเที่ยว และยังเป็นการเสริมสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก 

soft power ดังกล่าวจะถูกสร้างผ่านนโยบายหลัก 3 ด้าน ได้แก่ Thai Value, Thai Pop-culture และ Thai Traditional 

  • Thai Value ค่านิยมไทยเสรี อาทิ สมรสเท่าเทียม และ sex toy ถูกกฎหมาย 
  • Thai Pop-culture อาทิ Siam Square Model และผลักดันให้ป็อปคัลเจอร์ไทยไปสู่สากล 
  • Thai Traditional อาทิ หนึ่งอำเภอ หนึ่งโฮมสเตย์
พรรคไทยอภิวัฒน์เสรี

Democratic of Siam

กลุ่มที่ 10 คิดค้นนโยบาย ‘จบไปมีงานทำ’ โดยนำเสนอข้อมูลว่า ในปี 2022 ประเทศไทยมีอัตราว่างงานเฉลี่ยที่ 6.5 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายความว่าปัจจุบันมีคนไทยว่างงานกว่า 400,000 คน และนักศึกษาจบใหม่ก็สุ่มเสี่ยงที่จะกลายเป็นคนว่างงาน ทำให้ไทยขาดกำลังในการพัฒนาประเทศ พรรค Democratic of Siam จึงเสนอนโยบายเพิ่มทักษะของนักศึกษาให้ตรงกับความต้องการของตลาด รวมไปถึงทำให้นายจ้างมีแรงจูงใจในการจ้างงาน 

  • สร้างความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาและบริษัท เพื่อพัฒนาทักษะนักศึกษาให้ตรงกับความต้องการของตลาด
  • ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับบริษัทที่จะจ้างนักศึกษาจบใหม่
  • สร้างระบบจับคู่งาน พัฒนาระบบกลางให้นายจ้างและลูกจ้างเจอกันง่ายขึ้น
Democratic of Siam

พรรคก้าวใกล้เพื่อสร้างไทย

เยาวชนกลุ่มนี้นำเสนอนโยบาย ‘สภาเกษตรเพื่อมวลชน’ อันได้แก่

  • ปฏิรูปสภาเกษตรเพื่อมวลชน – โดยพัฒนาจากสภาเกษตรแห่งชาติเป็น ‘สภาเกษตรเพื่อมวลชน’ ผ่านการกระจายอำนาจ ไม่ให้การบริหารรวมศูนย์อยู่ที่ราชการส่วนกลาง
  • การศึกษาพาเกษตร – ปรับปรุงระบบการศึกษาให้สอดรับกับความรู้ทางการเกษตรสมัยใหม่ เพื่อดึงดูดนักเรียนหรือประชาชนเข้ามาเรียนในหลักสูตร
  • StartupWork อัพพลังสู้ทุนผูกขาด – ส่งเสริมสตาร์ตอัปเข้าไปแข่งขันกับนายทุนในตลาดการเกษตร เพื่อกินส่วนแบ่งทางการตลาดและลดความเหลื่อมล้ำ
  • Hub ความรู้ด้านการเกษตร – จัดทำ Hub เพื่อรวบรวมข้อมูลความรู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อลดความลำบากในการเข้าถึงข้อมูลทางการเกษตร 
พรรคก้าวใกล้เพื่อสร้างไทย

พรรคผักบุ้งไฟแดง

กลุ่มสุดท้ายปิดเวทีด้วยนโยบาย ‘ปลูกเมล็ดพันธุ์คืนงานสู่ประชาชน’

แม้ประเทศไทยจะมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แต่การเติบโตนี้กลับไม่ได้มาพร้อมการกระจายความมั่งคั่งอย่างเท่าเทียม จึงต้องสร้างงานเพื่อสร้างรายได้ และกระจายรายได้สู่แรงงานให้ถ้วนหน้า ผ่าน 2 นโยบาย

  • job training – ให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในการเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยคำนึงถึงความสนใจ ศักยภาพและความต้องการของตลาดแรงงาน  เพื่อรับประกันว่าแรงงานมีคุณภาพและมีศักยภาพเพียงพอ 
  • smart city – เปลี่ยนเมืองให้กลายเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรม เทคโนโลยี การลงทุน ตัวอย่างเช่นการใช้ระบบขนส่งอัจฉริยะ แหล่งพลังงานหมุนเวียน และโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล  
พรรคผักบุ้งไฟแดง

Author

ปิยนันท์ จินา
หนุ่มใต้ที่ถูกกลืนกลายเป็นคนอีสาน โตมาพร้อมตัวละครมังงะญี่ปุ่น แต่เสียคนเพราะนักปรัชญาเยอรมันเคราเฟิ้มและนักประวัติศาสตร์ความคิดชาวฝรั่งเศสที่เสพ LSD มีหนังสือเป็นเพื่อนสนิท แต่พักหลังพยายามผูกมิตรกับมนุษย์จริงๆ ที่มีเลือด เนื้อ เหงื่อ และน้ำตา หล่อเลี้ยงชีวิตให้รอดด้วยน้ำสมุนไพรเพื่อคอยฟาดฟันกับอำนาจใดก็ตามที่กดขี่มนุษย์

Illustrator

พิชชาพร อรินทร์
เกิดและโตที่เชียงใหม่ มีลูกพี่ลูกน้องเป็นน้องหมา 4 ตัว ชอบสังเกต เก็บรายละเอียดเรื่องราวของผู้คน ตัดขาดจากโลกภายนอกด้วย playlist เพลงญี่ปุ่น อยู่ตรงกลางระหว่างหวานและเปรี้ยว นั่นคือ ส้ม

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า