SKY castle is falling down, falling down?

 

(ข้อเขียนนี้เปิดเผยเรื่องราวในซีรีส์)

 

เป้าหมาย

ทุกครอบครัวตัวละครหลักคือครอบครัวอีลีท เป็นที่นับหน้าถือตาในสังคม ทำงานมีเกียรติ พวกเขาอยู่ด้านบนของพีระมิดอยู่แล้วเมื่อมองภาพกว้างทั้งสังคมเกาหลี แต่พวกเขาก็ยังทะยานอยากขึ้นสูงไปอีก เคี่ยวเข็ญดันร่างให้ไปอยู่ตรงยอดให้ได้ หากไม่ได้ที่ตัวเอง ก็ฝากภารกิจนี้ไว้ที่ลูก

การท้อถอยเป็นเรื่องผิดมหันต์ ไม่ต้องพูดถึงการหันหลังกลับ แค่อยู่เฉยๆ ก็เท่ากับถูกคนอื่นแซงทิ้งไปโดยอัตโนมัติเสียแล้ว ทุกคนจึงมีทางเลือกเดียวคือการเหยียบคันเร่งให้มิด และเร่งแซงขึ้นไป

 

mindset เดียวที่ต้องมีคือการมุ่งไปสู่ยอดของพีระมิด นี่เป็นพันธกิจของการเกิดเป็นชนชั้นสูง เธอมียีนที่ดี เพราะฉะนั้นนี่คือหน้าที่ที่เธอจะต้องประสบความสำเร็จ เธอจะต้องเป็นหมอรุ่นที่ 3 ของตระกูล… แต่เด็กๆ ทั้งหลายก็มีวิธีรับกับความคาดหวังเหล่านี้หลายรูปแบบ

บางคนก็ขบถ แตกแถวเสียเลย บางคนก็อยู่เป็น ทำเต็มที่เท่าที่ทำได้ และต่อต้านแบบไม่ต้องแตกหัก

แต่บางคนก็ทำได้เพียงพุ่งความสนใจไปที่จุดจุดเดียว เหมือนมาโซคิสต์ที่แม้เจ็บปวดแต่โดยลึกก็พึงใจยามถูกควบคุม เหมือนทาส (แม้มนุษย์จะเกิดมาเสรี แต่ภาวะแวดล้อมกลับสร้างความเป็นทาสให้เราได้ง่ายๆ โดยเฉพาะเมื่อเป็นทาสแล้วสบาย) มีชีวิตตามโปรแกรมที่วางไว้ แถมจุดสูงสุดของพีระมิดนั้นก็ช่างเป็นรูปธรรมจับต้องได้เสียนี่กระไร เข้าทำนองแบบหนังสือฮาวทู ที่แนะนำเคล็ดลับของการประสบความสำเร็จเป๊ะๆ เราต้องแบ่งเป้าหมายเป็นขั้นย่อยๆ นี่ไงเป้าหมายของชีวิต อีกไม่กี่การสอบ ก็จะเข้าสู่ประตูมหาวิทยาลัยชั้นนำ

 

แต่หลังจากนั้นเหรอ…ไม่รู้สิ อย่าเพิ่งไปคิด อย่าวอกแวก เธอต้องมีสมาธิตั้งมั่น เหมือนม้าลากรถที่มองตรงไปข้างหน้าเท่านั้น ความสำเร็จย่อมอยู่กับผู้มีใจตั้งมั่น ตอนนี้ฉันต้องอ่านหนังสือ

อะไรจะมั่นคงไปกว่าการเดินขึ้นบันได (อย่างอุตสาหะพยายาม) เพื่อไปให้ถึงยอดพีระมิด

 

อุปสรรค

ตั้งแต่กลางเรื่องเป็นต้นมา เมื่อปัจจัยรายล้อมเผยออกมาเกือบทั้งหมด เรื่องบางเรื่องก็เหนือการควบคุม หนึ่งในนั้นคือเราเลือกพ่อแม่ของเราไม่ได้

ผู้ชมก็เห็นได้เลยว่าทั้งหมดที่ตัวละครหนึ่งทำและตัดสินใจ คือการต้อนตัวเองไปสู่ทางตัน ที่มีกับดักอันโหดร้ายที่สุดง้างรออยู่

เธอไม่ใช่คนโง่ เธอมองเห็นแล้วว่าตรงปลายทางนั้นมีอะไรรออยู่ แต่ชีวิตก็แบบนี้ คนเราไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ใช้เหตุผลขนาดนั้น ความเคยชินที่ฝังเป็นสันดานต่างหาก คือเชื้อเพลิงที่ขับชีวิตเราไป

ผู้ใหญ่หรือเด็กก็ไม่ต่าง และหากว่ากันตามตรง ผู้ใหญ่ต่างหากที่ฝังคราบความเคยชินเอาไว้นานกว่าจนไม่อาจจะซักออก

 

แต่ซีรีส์ไม่ใช่ชีวิตจริง เมื่อถึงตอนจบ เรื่องเล่าเรื่องนี้จึงจบด้วยความคลี่คลาย และสุดท้าย มโนธรรมสำนึกก็ชนะความทะยานอยากที่ฝังในสันดานเรา

แน่นอนว่าตัวละครไม่ได้จู่ๆ ก็ตาเห็นธรรม บทไม่ได้ดูถูกคนดูขนาดนั้น ไม่มีพระมาให้ข้อธรรมะคำสอนหลังละครจบ แต่ถ้าพูดให้ถึงที่สุด สิ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้มอบให้เราก็ไม่ต่าง เพียงแค่อาจจะแนบเนียนกว่า

ตัวละครที่กำลังมุ่งหน้าสู่กับดัก ตัวละครที่ทะยานอยากจนผลักมโนธรรมสำนึกออกไปก่อน “ต่อให้ฉันต้องร่ำไห้คุกเข่าขอโทษ ฉันก็ยอม ขอให้ลูกฉัน-เยซอเข้ามหาวิทยาลัยได้ก่อน” แม้กระทั่งยามคิดถึงการชดใช้สำนึกผิด เธอยังคิดได้แค่นี้เอง

การคุกเข่าขอโทษ ก็เพียงพอแล้ว ฉันชดใช้ด้วยศักดิ์ศรีของฉันเชียวนะ

แล้วตัวละครที่มีสันดานเช่นนี้ จะเปลี่ยนการกระทำด้วยเหตุใด คนเขียนบทผู้ฉลาดหาทางลงให้เธอจนได้ สุดท้ายเธอก็ยอม เพราะรู้ว่าปลายทางของการมุ่งเดินไป ลูกของเธอเองนั่นแหละที่จะแตกสลาย

แต่ก่อนจะถึงจุดตัดสินใจนั้น เราถูกป้อนด้วยห้วงทุกข์ยาวนานหลายนาที (ในซีรีส์ ได้แค่หลักนาทีเท่านั้นแหละ แต่จะสมจริงเราคงต้องนั่งดูตัวละครร้องไห้สักสองสามวัน โดยผู้ชมถูกเข็มขัดรัดไว้ไม่ให้หนีไปไหน จะได้ซึมซับความอึดอัดทรมานได้สักนิด)

ฉากรันทดเหล่านั้นจงใจจัดให้เกิดในเซ็ตติ้งที่หรูหราผ่อนคลาย มีรสนิยม (และมีแม่บ้านทำความสะอาดดูแลเช็ดถูให้เสมอ) เศร้าเหลือแสนแม้จะปรนเปรอสุนทรียะของสภาพแวดล้อมของคนมีอันจะกินให้ผู้ชมเสพ

ความเศร้านั้นมีหลายเรื่อง หลายตัวละคร หลายปมปัญหา แต่ล้วนเป็นความเศร้าของคนมีอันจะกิน

 

เธอร้องไห้บนชุดเฟอร์นิเจอร์เอาท์ดอร์มองเห็นสวนสวย

เขาเมามายด้วยความเศร้าเพราะครอบครัวยึดถือ mindset คนละแบบ ศักดิ์ศรีของหัวหน้าครอบครัวถูกท้าทาย แต่ซิงเกิลมอลต์วิสกี้ช่วยให้เมาหลับไปบนฟูกราคาแพง

เธอมือสั่น ปากสั่น นอนไม่หลับเพราะความผิดบาปในใจทำให้ฝันร้าย แต่มีอาหารดีๆ กินทุกมื้อแถมมีแม่คอยปลอบใจ

เธอหัวใจสลายเพราะลูกชายที่อยู่ในคอนโทรลมาตลอดเกือบห้าสิบปี จู่ๆ ต่อต้านขึ้นมาและพรั่งพรูความอัดอั้นกลางร้านหรู… เศร้าเหลือเกิน เดี๋ยวฉันจะไปกินซาชิมิปลอบใจตัวเองหน่อย

และหลายๆ เธอร้องไห้ในอกขมไหม้ แต่มิเป็นไร เพราะแต่ละบ้านมีเนสเพรสโซแคปซูลให้ดื่มบรรเทาความทุกข์ใจ

ฯลฯ

หมอคังจุนซัง ลูกชายผู้ไม่เคยมีชีวิตเป็นของตนเอง

 

เหยื่อ

แม้กระทั่งตัวละครที่เป็นเหยื่อ คุณแม่นักเขียนผู้ถูกวางตัวเป็น ‘ค่านิยมใหม่’ ที่ซีรีส์พยายามสร้างให้เกิด ก็มีความเห็นอกเห็นใจอย่างล้นเหลือ เธอมีความเห็นใจให้กระทั่งฆาตกร และเอาชนะความแค้นต่างๆ ได้ ด้วยเธอเองก็มองเห็นว่าโค้ชคิมใจเหี้ยมนั้น ก็เคยเป็นเหยื่อด้วยเหมือนกัน

เรื่องจบลงแบบนี้ แบบที่มองภาพกว้างๆ ว่าทุกคนในสังคมที่แข่งขันกันสูงของเกาหลีนั้น ต่างเป็นเหยื่อกันถ้วนหน้า และในหมู่เหยื่อนั้น ต่างก็สูญเสียบางสิ่งบางอย่างกันทั้งนั้น

แต่เผอิญซีรีส์เรื่องนี้คือเรื่องปลุกปลอบขวัญชนชั้นกลางจิตใจเปราะบาง (เหมือนเยซอ) ตอนจบจึงใจดีกับคนอย่างเธอมาก และถึงจะผิดจะพลั้งอะไรไป อย่างน้อยที่สุด ในชีวิตนี้ เธอยังมีโอกาสได้สำนึกเสียใจ

ไม่เหมือนกับเด็กสาวอีกคน ที่เป็นชนชั้นล่างกระเสือกกระสนของแท้

เธอเป็นตัวละครเพียงตัวเดียวที่ถูกฆ่าตาย เป็นลูกสาวของแม่เลี้ยงเดี่ยวผู้ป่วยไข้ แต่ก็ยังเรียนจนได้ที่ 1 แถมยังฉลาดในการเอาตัวรอดและหาเงินจากอีลีทคนอื่นที่โง่กว่า

เธอฉลาดจริงๆ และเพราะฉลาดมากจึงเห็นว่าเกมที่ตัวเองกำลังแข่งนั้นกติกาบิดเบี้ยวเพียงใด

 

Goodbye SKY Castle

เมื่อเกมมันไม่แฟร์เสียขนาดนี้ เธอจะ abuse เกมนี้ซะ แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน เธอตั้งใจจะทำลายกลไกอันไม่ยุติธรรมนี้ (AKA เปลี่ยน mindset พวกอีลีท ฉันจะแสดงให้เห็นว่าแม่ชนชั้นต่ำของฉันดีกว่าแม่ไฮโซของเธอ) ตัวละครตัวนี้จึงเป็นตัวละครเดียวที่ถูกฆ่าตาย สยดสยอง

ฉากการตายของเธอเป็นครั้งแรกที่เราเห็นว่าเธอมีน้ำตา

เธอเลือดออก สมองบวม เจ็บกายก็ว่าสาหัสแล้ว แต่ปวดที่ใจคือน้ำตาและความเศร้าหยาดสุดท้าย ที่หลั่งให้แก่พ่อแท้ๆ ผู้เป็นหมอ ที่จำเธอไม่ได้ และเสือกไสจนเธอไปตายในบรรยากาศโกลาหลของห้อง ICU แบบศพไร้ญาติ

หลังสำนึกผิดและเรื่องคลี่คลายหมดสิ้นแล้ว พวกเขาก็ยังได้ร่ำไห้ไว้อาลัยกันในสถานที่อันสวยงาม เงียบ สงบ ดอกไม้ขาวพิสุทธิ์สามดอกวางไว้อาลัย…

ผู้ชมบางคนก็เลยเศร้า เพราะรู้ทั้งรู้ว่าไม่ควรจะเปรียบเทียบความโศกว่าใครสลดกว่า แต่ดูสิ…ความรันทดของตัวละครต่างคลาสก็ยังแบ่งชนชั้นกันอยู่ดี

“อยู่ตรงกลางนี่แหละดี” เด็กชายคนหนึ่งบอกพ่อกับแม่ผู้ที่เนื้อแท้ไม่ได้ทะยานอยากขนาดนั้น

ซีรีส์เรื่องนี้คือการแสร้งว่าเสียดสีสังคม แต่สุดท้ายก็กล่อมเราอย่างเนียนๆ ให้ดำรงตนอยู่ใน status quo

ปราสาทหลังนี้ก็เหมือนพีระมิด มันสับเปลี่ยนผู้อยู่อาศัยไปเรื่อยๆ เมื่อคิดได้ เราอาจจากลามันไป แต่ไม่ว่าจะกี่ร้อยกี่พันปี ปราสาทนี้ก็ใช่ว่าจะทลายลงมา

 

SKY castle ซีรีส์เกาหลีใต้ ฉายระหว่างพฤศจิกายน 2018 ถึง กุมภาพันธ์ 2019

Author

ณขวัญ ศรีอรุโณทัย
อาร์ตไดเร็คเตอร์ผู้หนึ่ง ชอบอ่าน เขียน และเวียนกันเปิดเพลงฟัง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า