คนเยอรมันผู้ต่อต้านการสวมหน้ากากอนามัย ฉวยโอกาสอ้างอิงวีรกรรม โซฟี โชล

โซฟี โชล นักศึกษาเยอรมันผู้ต่อต้านนาซีซึ่งถือกำเนิดเมื่อ 100 ปีก่อนในวันนี้ (9 พฤษภาคม) ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งความกล้าหาญ และถือว่าเป็นวีรสตรีแห่งชาติสำหรับหลายคนและหลายกลุ่มความคิดที่แตกต่างในเยอรมนีสมัยใหม่

แต่ท่ามกลางการระบาดของไวรัส Covid-19 กับมาตรการสุขอนามัยของรัฐบาลเยอรมัน มรดกวีรกรรมของหญิงสาวผู้ถูกตัดสินประหารชีวิตอย่างโหดเหี้ยมเนื่องจากแจกจ่ายเอกสารคัดค้านพรรคนาซีอย่างสันตินั้น กำลังถูกฉกฉวยมาอ้างอิงโดยขบวนการต่อต้านการการล็อคดาวน์ของรัฐบาลเยอรมนีปัจจุบัน ซึ่งได้ก่อความตื่นตกใจให้กับนักประวัติศาสตร์และผู้คนที่ห่วงใยอยู่บ้าง

ในการชุมนุมประท้วงเมื่อเดือนเมษายน หญิงสาวคนหนึ่งแสดงป้ายประกาศที่มีรูปของ โซฟี โชล ห้อยพาดอยู่บนไหล่ของเธอ พร้อมข้อความ “ความเสียหายแท้จริงเกิดขึ้นโดยคนนับล้านที่ต้องการเพียงจะ ‘อยู่รอด’ ผู้คนซื่อตรงเพียงต้องการอยู่อย่างสงบสันติ” ซึ่งเป็นคำพูดที่มักถูกป่าวประกาศโดยนักรณรงค์ต่อต้านการล็อคดาวน์และมาตรการให้สวมหน้ากากอนามัย

แม้กระทั่งหลานชายคนหนึ่งของโซฟี ที่ชื่อ ยูเลียน ไอเคอร์ (Julian Aicher) ยังประกาศอย่างชัดเจนในกลุ่มผู้ประท้วงที่ไม่ยอมเชื่อเรื่องภัยร้ายแรงของโคโรนาไวรัส รวมถึงบนเวทีที่ประดับด้วยดอกกุหลาบสีขาว ซึ่งหมายความอ้างอิงถึงชื่อของกลุ่มต่อต้านที่โซฟี กับ ฮันส์ พี่ชายของเธอ ร่วมกับพวกนักศึกษาในมิวนิคดำเนินการต่อต้านนาซีในสมัยสงคราม

ในประเทศที่ลัทธิหัวรุนแรงฝ่ายขวาถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามอันดับหนึ่งต่อความมั่นคงและมีการบันทึกอาชญากรรมที่ทำต่อคนต่างชาติและการต่อต้านชาวยิวจำนวนมากครั้งเป็นประวัติการณ์ในปี 2020 นักประวัติศาสตร์บางคนกล่าวว่า การยักยอกหรือฉกฉวยความทรงจำต่อ โซฟี โชล ไปใช้นั้นน่าสะพรึงอย่างยิ่ง

บางคนยังส่งเสียงเตือนด้วยว่า ประชาธิปไตยกำลังถูกโจมตีในช่วงเวลาที่ประจักษ์พยานที่ยังคงมีชีวิตหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังลดจำนวนลงจนแทบจะมลายหายสูญไปหมดสิ้นแล้วตามกาลเวลา

“การดูแคลนและลดทอนเหตุการณ์ล้างผลาญชาวยิว (Holocaust) กับความร้ายแรงของระบอบเผด็จการโดยท่าทีของนักเคลื่อนไหวเหล่านี้เป็นอันตรายต่อประชาธิปไตย” ลุดวิก สปาเอนเลอ (Ludwig Spaenle) สมาชิกคณะกรรมาธิการเกี่ยวกับต่อต้านชาวยิวของรัฐบาวาเรียกล่าวกับผู้สื่อข่าว

ผู้ชุมนุมประท้วงที่เขตมิทเทอในกรุงเบอร์ลิน สวมหมวกยูนิฟอร์มของนักโทษในค่ายกักกัน เมษายน 2021 photo: Matthias Berg

ชาวเยอรมันให้คะแนนนิยมอันดับ 4

เมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 1943 โซฟี กับ ฮันส์ โชล พี่ชายของเธอซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มต่อต้านขนาดเล็กที่เรียกว่า ‘กุหลาบขาว’ ถูกประหารชีวิตด้วยการบั่นศีรษะด้วยกีโยตินในเรือนจำชตาเดลไฮม์ (Stadelheim) ในรัฐบาวาเรีย หลังจากการพิจารณาคดีอย่างรวบรัดโดยศาลนาซี

ทั้งสองกับสมาชิกกลุ่มคนอื่นถูกตัดสินว่ามีความผิดในการแจกจ่ายเอกสารในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยมิวนิค ไม่นานหลังจากสองพี่น้องได้บังเกิดอาการ ‘ตาสว่าง’ จากสถานะสมาชิกขององค์กรนาซีในช่วงวัยรุ่น แล้วเปลี่ยนใจมาเป็นฝ่ายต่อต้านเมื่อได้รับรู้ความอำมหิตน่าสะพรึงของผู้นำเผด็จการแห่งอาณาจักรไรค์ที่สาม

โซฟี เกิดวันที่ 9 พฤษภาคม 1921 แล้วได้กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดของขบวนการต่อต้าน โดยมีภาพถ่ายที่ยังมีชีวิตหลงเหลืออยู่ แสดงให้เห็นวัยเยาว์ที่ร่าเริงโดดเด่นกับรอยยิ้มที่มุ่งมั่นของเธอ

ปัจจุบันมีโรงเรียน สี่แยก และถนนหลายร้อยแห่งในเยอรมนีปรากฏนามของเธอประทับไว้เป็นอนุสรณ์ เมื่อปี 2003 เธอได้รับเลือกให้เป็นคนเยอรมันยอดนิยมอันดับ 4 ของประเทศ รองจากเพียง คอนราด อาเดนาวเออร์, มาร์ติน ลูเธอร์ และ คาร์ล มาร์กซ์

ชนชั้นนำทางการเมืองของเยอรมนียุคใหม่มักแสดงออกด้วยความภูมิใจเมื่อกล่าวถ้อยคำให้หวนรำลึกถึงความทรงจำของนักศึกษาชีววิทยารุ่นเยาว์ผู้นี้ที่ยืนหยัดต่อต้านพวกนาซีจนถึงวาระสุดท้าย

อันนาเลอนา แบร์บ็อค (Annalena Baerbock) ผู้สมัครของพรรค Green ที่จะลงเลือกตั้งเพื่อแข่งขันเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของเยอรมนี หลังจาก อังเคลา แมร์เกิล (Angela Merkel) ถึงวาระออกจากตำแหน่งในฤดูใบไม้ร่วงนี้ เคยกล่าวไว้ว่า โซฟี โชล คือหนึ่งในบรรดา ‘วีรสตรี’ ของเธอ

คารอลา แร็กเกอเตอ (Carola Rackete) อดีตกัปตันเรือช่วยเหลือผู้อพยพ Sea-Watch 3 กล่าวว่าหากโซฟี ยังมีชีวิตอยู่ เธอน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการทางการเมืองฝ่ายซ้ายหรือที่เรียกกันว่า Antifa

แต่ในอีกด้านหนึ่งของเฉดสีสเปกตรัมทางการเมืองเยอรมัน พรรค AfD ขวาสุดโต่ง ยังอุตส่าห์อ้างเมื่อปี 2017 ว่า โซฟีน่าจะลงคะแนนให้แก่พวกตนแน่นอน

มาบัดนี้ ภาพลักษณ์ของผู้รณรงค์ต่อต้านเผด็จการในอดีต กลับถูกปล้นชิงไปโดยผู้ประท้วงคัดค้านมาตรการล็อคดาวน์ Covid-19 ของรัฐบาลเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสในเยอรมนี ซึ่งนักประท้วงคัดค้านเหล่านี้บ่อยครั้งมักพยายามเปรียบเทียบตนเองให้ดูน่าเวทนาราวกับเป็นเหยื่อของพวกนาซีนั้นเอง

เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ชุมนุมประท้วงที่เขตมิทเทอในกรุงเบอร์ลิน สิงหาคม 2020 photo: Matthias Berg

“การฉีดวัคซีนทำให้คุณเป็นอิสระ”

มีการพบเห็นผู้ประท้วงบางคนติดรูปดาวสีเหลืองคล้ายกับที่ชาวยิวเคยถูกบังคับให้สวมชุดเช่นนั้นภายใต้อำนาจของนาซี โดยมีคำว่า “ไม่ฉีดวัคซีน” ติดอยู่ด้วย

ผู้ประท้วงรายอื่นบางคนสวมเครื่องแบบคล้ายกับผู้คุมแห่งค่ายกักกันในอดีต และถือป้ายประกาศที่มีคำว่า “Impfen macht frei” (“การฉีดวัคซีนทำให้คุณเป็นอิสระ”) ซึ่งอ้างอิงถึงถ้อยคำจารึก “Arbeit macht frei” (“Work makes you free” หรือ “การงานทำให้คุณเป็นอิสระ”) ที่เบื้องบนประตูทางเข้าค่ายกักกันนรก เอาซ์วิตซ์ (Auschwitz) ในอดีต

“ฉันรู้สึกเหมือน โซฟี โชล เพราะฉันเคลื่อนไหวในกลุ่มต่อต้านมาหลายเดือนแล้ว” ผู้ประท้วงคนหนึ่งกล่าวในการชุมนุมต่อต้านมาตรการจำกัดการแพร่ไวรัส ซึ่งนำไปสู่การประณามอย่างกว้างขวาง

“คนที่เชื่อทฤษฎีสมคบคิดชอบจินตนาการว่าตัวเองเป็นเหยื่อ ในขณะที่มักจะสร้างภาพปีศาจร้ายแล้วป้ายความผิดให้แก่กระบวนการประชาธิปไตย (democratic processes)” ซามูเอล ซัลซ์บอร์น (Samuel Salzborn) ผู้ทำงานเฝ้าระวังการต่อต้านชาวยิวในเบอร์ลินกล่าวกับสำนักข่าว AFP

จากข้อมูลของ เยนส์-คริสเตียน วากเนอร์ (Jens-Christian Wagner) นักประวัติศาสตร์ชาวเยอรมันที่เชี่ยวชาญยุคนาซี แสดงว่าการฉกฉวยใช้ภาพลักษณ์ของ โซฟี โชล โดยนักเคลื่อนไหวต่อต้านหน้ากากอนามัย แสดงให้เห็นถึงการสูญเสีย ‘การรับรู้ทางประวัติศาสตร์’ ในบางส่วนของหมู่ประชากรเยอรมัน

วากเนอร์กล่าวกับ AFP ว่า “แทบไม่เหลือพยาน” แห่งยุคนาซีอยู่อีกแล้วในปัจจุบัน

“พวกเขาไม่สามารถปกป้องตัวเองได้อีกต่อไปเมื่อต้องมาตกเป็นเครื่องมือ หรือเมื่อกลุ่มขวาสุดโต่งพยายามเขียนประวัติศาสตร์และเหตุการณ์ปัจจุบันขึ้นใหม่ โดยยกความผิดให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งที่เป็นการย้อนกลับด้านกัน แบบนี้มันทำให้ผมเป็นกังวลมาก”

หน่วยข่าวกรองแห่งเยอรมนีกล่าวว่ากำลังเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของขบวนการ ‘Querdenker’ (‘Lateral Thinkers’ หรือ ‘นักคิดเทียบเคียง’) ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านมาตรการล็อคดาวน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกแกนนำที่ส่งเสียงเรียกร้องมาแล้วหลายหน เนื่องจากมีความกังวลว่านี่คือกลุ่มที่เป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยและมีความสัมพันธ์กับลัทธิหัวรุนแรงขวาจัด

ผู้ประท้วงที่ไม่ได้เห็นแก่ชีวิตผู้อื่น

เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในฮันโนเวอร์ เยอรมนี ถึงกับต้องลงมือขัดขวางผู้หญิงที่เข้าใจผิดและสับสนในความไม่สะดวกของตนเองเมื่อถูกบังคับให้สวมหน้ากากอนามัย

หญิงสาวยานา (Jana) ผู้ต่อต้านการสวมหน้ากากวัย 22 ปี ขึ้นกล่าวปราศรัยในที่สาธารณะเพื่อประท้วงต่อต้านการล็อกดาวน์ แล้วเธอเปรียบเทียบตนเองกับ โซฟี โชล อีกด้วยเช่นเดียวกับพวกผู้ประท้วงในเบอร์ลินและที่แห่งอื่น

ตรงกันข้ามกับโซฟี ผู้มีประวัติคัดค้านฮิตเลอร์เพราะต้องการรักษาชีวิตพลเมืองเยอรมันในสงคราม แต่ยานาไม่ได้ต้องการสวมหน้ากากเพื่อช่วยชีวิตผู้อื่นในสังคมของตนเอง

“ฉันรู้สึกเหมือน โซฟี โชล นับตั้งแต่ฉันออกเคลื่อนไหวต่อต้าน ขึ้นปราศรัย ไปแจกใบปลิวประท้วง” เธอพูดขณะมีคนปรบมือเล็กน้อย

 “ฉันอายุ 22 ปี เช่นเดียวกับโซฟี ก่อนที่เธอจะตกเป็นเหยื่อของพวกนาซี” เธอกล่าวต่อ จากนั้นเธอให้คำมั่นว่าจะไม่ยอมแพ้และจะยืนหยัดเพื่อ “สันติภาพ ความรัก และความยุติธรรม”

จากนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่รับทำหน้าที่ดูแลเธอในการชุมนุมก็กลับเดินไปหน้าเวทีและขอบอกเลิกการยุ่งเกี่ยว “ผมจะไม่ยอมมีส่วนร่วมกับเรื่องไร้สาระแบบนั้น” เขาบอกยานา “ผมจะไม่ดูแลความปลอดภัยให้ใครที่พูดเรื่องห่วยๆ แบบนั้น ผมขอลาออก”

photo: twitter: MdBdesGrauens

คำอธิบายของเขาในการเลิกมีส่วนร่วมนั้นเรียบง่ายและทรงพลัง

“นี่เป็นการบอกว่าโฮโลคอสต์ไม่มีความสำคัญ” เขาประกาศ และหลังจากเขาพูดคุยกับยานาได้ไม่กี่คำ เธอถึงกับน้ำตาไหล เธออาจร้องไห้เพราะตระหนักดีว่าคำพูดของเธอช่างบ้องตื้นโดยแท้

ขณะที่ยานาคิดว่าเธอเป็นคนกล้าหาญที่ต่อต้านล็อคดาวน์ เจ้าหน้าที่คือผู้กล้าที่แท้จริงในการยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง งานของเขาคือการปกป้องผู้คน และการหยุดยั้งการแสดงออกของยานาเช่นนั้นอาจช่วยชีวิตบางคนไว้ก็ได้

การเทียบเคียงที่น่าจะเกิดขึ้นได้เพียงอย่างเดียวระหว่างการระบาดของ Covid-19 กับโฮโลคอสต์ คือ ทั้งสองเหตุการณ์ได้รับการกระตุ้นโดยอวิชชาและการรับรู้ข้อมูลที่ผิดในหมู่ผู้คน แล้วมันก็นำไปสู่ความตายและการทำลายล้างอย่างเสียสติ

อีกไม่นานต่อมา ไฮโก มาส (Heiko Maas) รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี ได้กล่าวถึงหญิงสาวยานา ลงในหน้าทวิตเตอร์

“ทุกวันนี้ใครต่อใครมักชอบเปรียบเทียบตนเองกับ โซฟี โชล หรือ แอนน์ แฟรงค์ ซึ่งเป็นการล้อเลียนถึงความกล้าหาญในการยืนหยัดต่อสู้กับพวกนาซี” มาส เขียนในทวีตของเขา

“มันทำให้โฮโลคอสต์ดูเหมือนเป็นแค่หายนะเล็กน้อย และแสดงให้เห็นถึงการลืมเลือนประวัติศาสตร์แบบที่ช่างเหลือทน ไม่ได้มีอะไรเชื่อมโยงการประท้วงโคโรนาไวรัสกับนักสู้นักต่อต้านเผด็จการเลย ไม่มีอะไรจริงๆ!”

อ้างอิง

https://www.dw.com/en/coronavirus-germany-braces-for-anti-lockdown-protests/a-55513848

https://www.abc.net.au/news/2020-11-23/german-coronavirus-protester-confronted-sophie-scholl-comparison/12909688

https://www.france24.com/en/live-news/20210508-alarm-as-german-anti-maskers-co-opt-nazi-resister-sophie-scholl

https://www.theguardian.com/global/video/2020/nov/23/german-anti-mask-protester-compares-herself-to-sophie-scholl-during-speech-video

Author

ไพรัช แสนสวัสดิ์
ทำงานหนังสือพิมพ์รายวันฉบับภาษาอังกฤษมาทั้งชีวิต มีความสนใจในระดับหมกมุ่นหลายเรื่อง อาทิ ประวัติศาสตร์ วรรณคดี การเมือง สังคม วัฒนธรรม ศิลปะ จักรยาน ฯลฯ ช่วงทศวรรษ 2520 มีงานแปลทะลักออกมาหลายเล่ม หนึ่งในนั้นคือ Bury my heart at Wounded Knee หรือ ฝังหัวใจข้าไว้ที่วูนเด็ดนี
ปัจจุบันเกษียณตัวเองออกมาทำงานแปลอย่างเต็มตัว แต่ไม่รังเกียจที่จะแปลและเขียนบทวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศ หากเป็นประเด็นที่คิดว่ามีประโยชน์ต่อชาวโลก

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า