จากวันเด็กถึงวันครู เสียงสะท้อนเด็กไทย อยากเห็นครูแบบไหนมากที่สุด

ในรอบหลายปีที่ผ่านมา การศึกษาไทยต้องเผชิญกับความเสื่อมถอยอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ก่อนและหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา โครงการประเมินสมรรถนะนักเรียนตามมาตรฐานสากล หรือ Programme for International Student Assessment (PISA) พบว่า คะแนนสอบ PISA ของเด็กไทยในหลากหลายวิชาตกตํ่ามากที่สุดในรอบ 20 ปี โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่าน แม้เด็กไทยจะมีชั่วโมงการเรียนการสอนมากติดอันดับโลกก็ตาม 

จากผลคะแนน PISA ที่ปรากฏเช่นนี้ ทำให้หลายฝ่ายโฟกัสไปที่หนึ่งในใจกลางปัญหาสำคัญของระบบการศึกษาไทยคือ ‘ครู’ ที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราได้เห็นเสียงสะท้อนที่หลากหลายของระบบการศึกษาไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ครูที่ไม่สามารถสอนได้อย่างเต็มศักยภาพ เนื่องจากต้องรับภาระด้านธุรการและกิจกรรมโครงการต่างๆ ของโรงเรียน รวมไปถึงพฤติกรรมอำนาจนิยมที่ไม่พึงประสงค์ของตัวครูเองที่ถูกตั้งคำถามโดยสังคมอย่างต่อเนื่อง 

เมื่อ ‘วันเด็กแห่งชาติ’ ที่ผ่านมา Rocket Media Lab ยูนิตวิจัยเอกชน ร่วมกับ มูลนิธิแพธทูเฮลท์ (Path2health Foundtion) ได้เปิดผลสำรวจแบบสอบถามความคิดเห็น ‘เด็กไทยอยากได้อะไรจากระบบการศึกษา’ จากนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในช่วงระหว่างวันที่ 9-11 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา จำนวนทั้งสิ้น 1,985 คนจากทั่วประเทศ ซึ่งรวมไปถึงกลุ่มนักเรียนที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) จำนวน 199 คน และไม่ต้องการระบุเพศ 51 คนด้วย 

ภาพรวมของเสียงสะท้อนจากแบบสอบถามนี้ให้ความสำคัญกับระบบการศึกษา กฎระเบียบ การเรียนการสอน และครู โดยเด็กนักเรียนต้องการให้มีการปรับปรุงห้องนํ้าให้สะอาด การลดชั่วโมงเรียนลง ยกเลิกการกำหนดทรงผม วิชาลูกเสือ และยกเลิกกิจกรรมหน้าเสาธง 

ส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ ‘ครู’ เป็นหนึ่งในประเด็นที่ร้อนแรงประเด็นหนึ่ง โดยแบบสอบถามได้ถามว่า ‘การลงโทษของครูแบบไหนที่ไม่ชอบมากที่สุด’ ผลสำรวจ 3 ลำดับแรก พบว่า 

  1. 39.14% การประจานต่อหน้าเพื่อน
  2. 17.93% ด่าทอด้วยคำหยาบคาย 
  3. 12.49% กล้อนผม/ตัดผม

เมื่อถามว่า ‘เรื่องที่อยากให้ครูเข้าใจและช่วยเหลือมากที่สุด’ เด็กนักเรียนแสดงความต้องการให้ครูทำความเข้าใจและช่วยเหลือมากที่สุด 3 ลำดับแรกคือ

  1. 40.65% เงื่อนไขที่ต่างกันของนักเรียน เช่น ปัญหาครอบครัว ปัญหาส่วนตัว
  2. 21.21% สุขภาพจิต เช่น อาการซึมเศร้า ความวิตกกังวล
  3. 19.24% ความแตกต่างทางกายภาพ เช่น สีผิว รูปร่าง ความสูง

ขณะเดียวกัน นักเรียนยังมีความต้องการให้ครูเข้าใจใน ‘ความหลากหลายทางเพศ’ มาเป็นลำดับ 4 คิดเป็น 14.21% ขณะที่ปัญหาเรื่องการบุลลี ความสามารถที่แตกต่าง ฯลฯ มีเพียง 4.69% เท่านั้น 

นอกจากนี้ เด็กนักเรียนยังได้สะท้อน ‘สิ่งที่ไม่อยากให้ครูทำมากที่สุด’ ซึ่งมีเสียงที่หลากหลายในประเด็นต่างๆ โดย 3 อันดับแรกพบว่า

  1. 22.52% ล้อนักเรียน เช่น กายภาพ เพศ ชาติพันธุ์ สำเนียง
  2. 20.15% สั่งการบ้าน
  3. 14.61% พูดจาหยาบคาย

นอกจากนี้ การเลือกที่รักมักที่ชัง การสั่งงานจนเกิดภาระทางการเงิน ตามมาในลำดับที่ 3 และ 4 ส่วน ‘การถึงเนื้อถึงตัว’ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่คุกคามทางเพศ และมีกรณีเกิดขึ้นในระบบการศึกษาไทยอย่างต่อเนื่องมาในลำดับที่ 5 คิดเป็น 3.17% อีกทั้งการนินทานักเรียนลงในโซเชียลมีเดียและการโพสต์คลิปและถ่ายภาพนักเรียนลงโซเชียลมีเดีย การนินทานักเรียนให้ห้องอื่นฟัง ไม่ใส่ใจการเรียนการสอน ก็เป็นหนึ่งในประเด็นที่มีการหยิบยกขึ้นมาด้วยเช่นกัน

อ้างอิง: 

Author

ณัฏฐชัย ตันติราพันธ์
อดีตผู้สื่อข่าวต่างประเทศ อดีต น.ศ. ป.โท ในประเทศอีเกียที่เรียนไม่จบ

Illustrator

ณขวัญ ศรีอรุโณทัย
อาร์ตไดเร็คเตอร์ผู้หนึ่ง ชอบอ่าน เขียน และเวียนกันเปิดเพลงฟัง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า