คือแฮชแทกในทวิตเตอร์ที่พยายามส่งเสียงเรียกร้องให้โลกหันมามองสงครามที่เงียบงันในเยเมน แม้ไม่อาจส่งเสียงดังได้มากพอที่จะขึ้นอันดับ trending ในโลกทวิตเตอร์ แต่หากได้ลองเข้าไปแล้ว คงรู้สึกโศกเศร้าไม่น้อย
สงครามเยเมนดำเนินมากว่า 900 วัน และยังคงไม่มีทีท่าจะยุติง่ายๆ เลวร้ายกว่านั้น สงครามที่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ แต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเหี้ยมโหดที่สุดคือ เด็ก
ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 กันยายน องค์กร Human Rights Watch ออกมาประณามกองทัพกลุ่มประเทศพันธมิตรซาอุดิอาระเบีย (ประกอบด้วย ซาอุดิอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, บาห์เรน, อียิปต์ และเยเมน) ที่ออกปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในประเทศเยเมน จนคร่าชีวิตพลเรือนทั้งหมด 36 คน และ 26 คนจากในนั้นเป็นเด็ก ในระยะเวลาเพียงสองเดือน นับจากวันที่ 9 มิถุนายน-4 สิงหาคมที่ผ่านมา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กองทัพนานาชาติถูกประณามจากประชาคมโลก ตั้งแต่เข้ามาปฏิบัติการทางทหารต่อสู้กับกลุ่มต่อต้านรัฐบาลเยเมนเมื่อปี 2015 จากรายงานขององค์การสหประชาชาติ มีจำนวนพลเรือนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศ เฉพาะที่ยืนยันได้ทั้งหมด 5,144 ราย
เช่นเคย ทางกลุ่มกองทัพพันธมิตรออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวทันที พร้อมอ้างว่า ผู้เสียชีวิตไม่ใช่ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ แต่เป็นกลุ่มกบฏกองกำลังติดอาวุธฮูธี (Houthi)
นอกจากต้องเจอกับความรุนแรงทางทหารแล้ว ด้านชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่แห่งนี้ก็ยากเกินจินตนาการ
ในเยนเมน เด็กๆ ส่วนใหญ่เป็นอหิวาตกโรคและโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน พวกเขาขาดสารอาหาร และน้ำคือสิ่งมีค่ายิ่งกว่าเงินทอง สงครามที่กินเวลายาวนานส่งผลให้ระบบสาธารณูปโภคพังพินาศ ไร้ซึ่งระบบโครงสร้างขั้นพื้นฐาน ไม่มีโรงพยาบาล ไม่มีโรงเรียน ไม่มีไฟฟ้า ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ชาวเยเมนกว่า 15 ล้านคนต้องพบเจอในทุกวันและไม่อาจหลีกหนีได้
ในวันเดียวกัน องค์การ UNICEF ออกมาเปิดเผยรายงานล่าสุดว่า เด็กมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ที่มีความขัดแย้งทั่วตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งยังชี้ให้เห็นว่า หากเด็กอยู่กับความรุนแรงและขาดสาธารณูปโภคที่เหมาะสมมากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งเสี่ยงต่อความตายมากเท่านั้น
เกียต แคปเปแลเร (Geert Cappelaere) ผู้อำนวยการ UNICEF ประจำภูมิภาคดังกล่าว แสดงความคิดเห็นต่อวิกฤติที่เลวร้ายครั้งนี้ว่า
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้ขโมยชีวิตในวัยเด็กของเด็กๆ กว่าล้านคนทั่วโลก พวกเขาต้องเจอกับความรุนแรงที่เลวร้ายและได้เห็นความน่าสะพรึงกลัวที่ไม่ควรจะเห็น หากความรุนแรงและสงครามยังไม่สิ้นสุด ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อจากนี้จะไม่ใช่แค่ในบริเวณภูมิภาคนี้ แต่ทั่วโลกจะได้เผชิญร่วมกัน แน่นอนว่าผู้นำแต่ละประเทศจำเป็นต้องหยุดยั้งความรุนแรงให้เร็วที่สุด เพื่ออนาคตของเด็กๆ เหล่านี้