พลาดหัวข่าว: พวงมาลัย การให้อภัย และความตายที่ไม่อาจฟื้นคืน

นี่คือหนึ่งในซีรี่ส์ ‘พลาดหัวข่าว’ ตั้งต้นงานวิจัยประเด็น ‘ผลกระทบของเด็กที่ตกเป็นข่าวหน้าหนึ่ง’ บทความชิ้นแรกพูดถึงผลกระทบในเชิงวิชาการ และหลักการในการทำข่าวของสื่อมวลชน หากเรายังต้องการสะท้อนเสียงของผู้ที่ตกเป็นข่าว ทั้งผลกระทบในการใช้ชีวิตและเรื่องเล่าอีกมุมหนึ่ง โดยเฉพาะมิติความเป็นมนุษย์ของพวกเขา

บทสนทนาเหล่านี้เกิดขึ้นจากคำถามที่ว่า เด็กที่กระทำความผิด เป็นปีศาจ เป็นคนเลวโดยสันดาน หรือเป็นผลพวงจากการทำงานที่ไม่เป็นมืออาชีพของกระบวนการยุติธรรม การทำงานของสื่อมวลชนที่ร่วมกันประกอบสร้างความเป็นปีศาจให้ประทับร่างลงในตัวตนของเด็กที่ก้าวพลาด

บทสนทนาถัดจากนี้ได้รับความร่วมมือจากเจ้าของเรื่อง ผู้ที่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านกาญจนาภิเษก ในวันที่พวกเขาพร้อมจะพูดคุยผ่านพื้นที่สาธารณะ และพร้อมจะบอกกล่าวกับทุกคนในสังคมนี้ว่า ปีศาจตนนั้นได้ดับสูญไปจากจิตวิญญาณของเขาแล้ว

 

ขีดเส้นใต้ไว้ ณ ที่นี้อีกครั้งว่า เจตจำนงของบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้มิได้ต้องการจะสนับสนุนว่า คดีความที่พวกเขาได้ก่อขึ้นนั้นเป็นสิ่งถูกต้อง และปฏิเสธไม่ได้ว่าความสูญเสียที่เกิดกับเหยื่อและครอบครัวผู้เกี่ยวข้องมีอยู่จริง ไม่อาจมีสิ่งใดมาลดทอนความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้

หากเพียงอีกด้านหนึ่งในความรู้สึกส่วนลึกของผู้กระทำผิด พวกเขาเองก็ได้รับบาดแผลในใจเฉกเช่นกัน แม้ไม่อาจเทียบได้กับสิ่งที่พวกเขาทำ แต่อย่างน้อยบาดแผลนั้นก็บ่งบอกให้รู้ได้ว่า พวกเขายังคงมีความเป็นมนุษย์อยู่ในตัวในตน และรอคอยการ ‘ให้อภัย’ จากสังคม


บอล, 19 ปี

รู้ไหมว่าหลังเกิดคดีแล้ว ตัวเองตกเป็นข่าวดัง

รู้ครับ จังหวะที่เราไปเจอกับญาติผู้เสียหาย เขาถามเราคำเดียวเลยว่า ไปฆ่าลูกเขาทำไม ลูกเขาไม่รู้เรื่อง ทำไมถึงทำกับลูกเขาแบบนี้ จังหวะนั้นผมสะเทือนใจมาก ไอ้เหี้… เราฆ่าคนบริสุทธิ์ แล้วมันกลายเป็นข่าวดังแถวบ้านผม พอเราเข้าไปอยู่ข้างใน (สถานคุมประพฤติเยาวชน) คนในนั้นก็จะถามเราว่า “ใช่คดีนี้มั้ย?”

มีคนกลัวเรา แต่เราไม่ได้ภูมิใจกับตรงนั้น มันเหมือนเป็นตราบาป อยากลืม แต่ลืมไม่ได้ เราฆ่าคนบริสุทธิ์ ฆ่าคนที่ไม่ได้รู้เรื่อง

ตอนที่เป็นข่าว มันมีคนแชร์รูปผมเยอะมาก แต่เป็นรูปที่ไม่ค่อยชัด คือรูปที่ใส่หมวกกันน็อค ใส่กุญแจมือ ตอนมอบตัว ในคอมเมนต์ใต้รูปมีคนด่ากันเยอะมาก ผมเลยปิดเฟซ เก็บตัวเงียบ ตอนนั้นโรงเรียนก็เหมือนจะไล่ผมออก มันกดดันทุกทาง แต่ก็มีครูที่คอยช่วยเหลือทางคดี สุดท้ายศาลตัดสินจำคุกผม 3 ปี ส่ง 5 ปี มาอยู่ที่ ‘บ้านกรุณา’

ตอนที่ลงมาบ้านกรุณา ตอนแรกคิดว่าไม่อยากเอาอะไรแล้ว ไม่เอาโลก เกเรครับ ใครแรงมาเราแรงกลับ กลายเป็นว่าเราเกม (ทำผิดแล้วถูกทำโทษ) ตลอด ชีวิตไม่มีอะไรดีขึ้น ยิ่งอยู่ในนั้นก็ยิ่งแย่กว่าเดิม ตอนแรกก่อนที่จะเข้าบ้านกรุณาก็คิดว่าอยากเข้าไปทบทวนตัวเอง อยากจะเริ่มต้นใหม่ แต่พอไปอยู่จริงๆ มันไม่ใช่ เพราะเราเจอแต่ด้านมืด อยู่ที่นู่นมีแต่คนใส่ด้านมืดกับเรา

ผมไม่ยอมคนอยู่แล้ว ปะทะกัน เกมแล้วเกมอีก ไม่ได้กลับบ้านสักที คนอื่นอยู่กันครบ 8 เดือนก็จะได้กลับบ้าน ผมอยู่ 1 ปี 4 เดือน ไม่เคยได้กลับบ้านเลย สุดท้ายผมอยู่ที่นั่นเกือบ 2 ปี จึงสมัครเข้ามาอยู่ที่บ้านกาญจนาฯ

พอย้ายมาอยู่บ้านกาญจนาฯ ชีวิตเปลี่ยนไปไหม

พอมาอยู่ที่นี่ก็แบบ…อะไรวะเนี่ย ทำไมเจ้าหน้าที่ที่นี่เขาอ่อนน้อมกับเราจังเลย แต่ก่อนเคยเจอแต่เจ้าหน้าที่ที่ใช้ด้านมืด ใช้กำลังกับเรา แต่เจ้าหน้าที่ที่นี่พูดกับเราดีมาก ปฏิบัติกับเราดีมาก ยังสงสัยเลยว่าแสแสร้งป่าววะ แต่พออยู่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ เขาคอยให้กำลังใจเรา เป็นแรงผลักดันให้เรา มีปัญหาอะไรก็ปรึกษาเจ้าหน้าที่ได้ทุกคน อุ่นใจ สบายใจ

ตอนอยู่ที่เก่า นอนหลับยังต้องระวังตัว ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องตอนไหน จะมีใครเดินมาแทงเรามั้ย แต่อยู่ที่นี่ไม่ต้องกังวล ผมมีความสุขทุกวัน บ้านหลังนี้เหมือนจุดประกายชีวิตใหม่ให้ผม เป็นแสงนำทาง ผมมาอยู่ที่นี่ ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ได้คิด ได้สำนึก ว่าชีวิตคนเรามีค่า

แต่ก่อนเรามองว่าชีวิตคนอื่นไม่มีค่า แม้แต่ชีวิตตัวเองก็คิดว่าเราหมดคุณค่าจะเป็นคนดี สายไปแล้ว แต่เขาทำให้เราเห็นคุณค่าในตัวเอง ไม่ว่าจะพลาดมากี่ครั้ง แต่ไม่ใช่ว่าทุกครั้งที่เราพลาด คุณค่าในตัวจะหมดไป ทุกคนมีคุณค่า แต่อยู่ที่ว่าเราจะงัดมันออกมา ทำให้ตัวเองมีคุณค่ามากขึ้นหรือเปล่า

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ได้กลับบ้านวันสงกรานต์ แล้วเจอคู่อริตัวเต็งๆ ที่เคยแค้นกันมาก ใจผมอยากจะเดินไปต่อยหน้า แต่ตอนนั้นมันคิดแบบ…ตึกๆๆ เลยว่า ถ้าเราทำเขาตอนที่โกรธมากๆ เราไม่ยั้งมือ มีเรื่องขึ้นศาล ไม่ได้ปล่อยตัว พ่อแม่เสียตังค์อีก เราเลยแบบ ไม่เอาดีกว่า ปล่อย เดินผ่าน เพื่อนก็ถามว่า เห้ย…ทำไมมึงไม่เอาวะ

ผมพูดไปคนอื่นก็อาจไม่เชื่อ แบบ…มึงพูดให้บ้านนี้ดูดี แต่ผมคิดว่า ลองมาอยู่สิ แล้วจะรู้เลย ตอนนี้ผมรอวันปล่อยตัว ดีใจมาก สิ้นสุดการรอคอยมานานแล้วนาน ผมรอแค่คำสั่งศาลอนุมัติอย่างเดียว

ออกไปแล้วจะทำอะไรต่อ  

ผมคุยกับครอบครัวแล้ว วางแผนแล้วว่าจะกลับไปเรียนแล้วก็ทำงานไปด้วย ผมจะตัดวงโคจรเดิมๆ ไม่ให้ตัวเองว่าง เลิกเรียนปุ๊บก็ขี่รถไปทำงานพิเศษต่อเลย

ได้เจอญาติของคู่กรณีทั้งสองบ้างไหม

เจอนะครับ แม่ของผู้ตายคนหนึ่งเขาเหมือนจะให้อภัยเราแล้ว แต่แม่ของอีกคนยังให้อภัยเราไม่ได้ เข้าใจเขานะครับ เราไปฆ่าลูกเขา มันก็ยากนะ ถ้าผมมีลูกแล้วมีคนมาฆ่าลูกผม มันก็ยากที่จะให้อภัย เราเข้าใจ แต่ก่อนเขาไม่เคยคุยดีๆ กับเราเลย แต่เดี๋ยวนี้เหมือนจะอ่อนกับเราหน่อย เวลากลับบ้าน ผมก็จะทำบุญให้เขาทุกครั้ง

คิดว่าอะไรที่จะทำให้เขาอภัยให้เราได้

ไม่รู้เลยครับ ชีวิตคนมันหาอะไรมาทดแทนไม่ได้ ประเมินค่าไม่ได้ ผมคิดเอาไว้ว่า ถ้าเผื่อเรามีชีวิตใหม่ มีการมีงานดีๆ ทำ ก็อยากที่จะช่วยครอบครัวเขา มันอาจจะลบล้างสิ่งที่เราทำไม่ได้ก็จริง แต่ก็เหมือนเป็นการช่วยเยียวยาเขา สักนิดหนึ่งก็ยังดี

พยายามจะทำให้เขาใจอ่อนน่ะครับ อย่างวันสงกรานต์ รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ผมก็แวะไปบ้านเขา แต่เขาก็ไม่ค่อยพอใจนัก แบบว่ามาทำไม แล้วผมก็ถือพวงมาลัยไปไหว้ บอกว่าขอโทษ ตอนแรกเหมือนเขาจะไม่รับพวงมาลัย แต่สุดท้ายก็รับ จังหวะนั้นผมดีใจมาก คงต้องใช้เวลาสักพัก วันหนึ่งเขาคงจะให้อภัยผม

ช่วงแรกๆ ที่ติดอยู่ในบ้านกรุณา ผมฝัน ภาพมันติดตา เป็นตราบาป แต่เดี๋ยวนี้นานๆ ทีค่อยฝันเห็นเขาสองคน ไม่รู้ว่าผมเมาหรือเปล่า อาจจะเกี่ยวที่ทำให้เราฝันนู่นฝันนี่ แต่ตอนนี้ไม่ได้คิดอะไร กลับบ้านทุกครั้งก็ทำบุญให้เขา แต่ผมเป็นคนไม่ค่อยกินเหล้านะ คือให้กินก็กินได้สามสี่แก้ว แต่ถ้าเป็นเบียร์ก็กิน ชอบกินเบียร์ แต่ผมจะรู้ลิมิตตัวเอง พอรู้สึกว่าเริ่มเมาก็จะไม่กินแล้ว

อยู่ที่นี่ได้กินบ้างไหม

ถ้าจะเอาก็เอาเข้ามาได้หมดนะ เพราะเจ้าหน้าที่เขาไม่ค้นตัว แต่มันอยู่ที่จิตสำนึกคนมากกว่า เขาให้ใจเรา ไว้ใจเรา เขาไม่ค้นเรา เราก็ไม่เอาเข้ามา จบ แฟร์ๆ วัดใจกัน แต่ก็มีบางคนแอบเอาเข้ามา คนที่ยังก้าวข้ามไม่ได้ ยังอ่อนแออยู่

เรามองว่าเขาอ่อนแอ?

อ่อนแอครับ เราไม่ได้มองว่าเขาเจ๋ง แบบมึงแม่งเจ๋งว่ะ แต่ผมมองว่าเขาเป็นคนอ่อนแอ เหมือนเขาเอาชนะใจตัวเองไม่ได้ แต่เวลาที่เขาเกม เราก็ไม่ได้ไปซ้ำเติมเพื่อน เราอยากให้เขาเริ่มใหม่ ที่นี่จะมีกิจกรรมหนึ่งให้เราเขียนให้กำลังใจเพื่อน เราก็เขียนแบบ เออ…เริ่มใหม่นะเพื่อน

ถ้าถึงวันที่ได้ออกจากบ้านกาญจนาฯ จะรู้สึกคิดถึงที่นี่ไหม

คงเศร้านิดหนึ่ง เหมือนเราคุ้นเคย เหมือนที่นี่เป็นบ้าน เรากิน อาบน้ำ นอนที่นี่ เศร้านิดหนึ่งถ้าไม่ได้เจอเพื่อนๆ ในกลุ่มที่เราสนิทๆ ถามว่าแย่มั้ย ก็รู้สึกแย่ แต่เราก็อยากออกเหมือนกัน เพื่อนก็จะแซวว่า เดี๋ยวมึงก็ทิ้งกูแล้ว

วันแรกที่ออก คิดว่าจะไปทำอะไร

คงใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ช็อปปิ้ง ไปกินข้าวกับที่บ้านสักสองสามวันแล้วก็เริ่มทำงาน กลับไปเรียนต่อ ผมวางแผนชีวิตไว้ตั้งแต่ยังไม่ได้ปล่อยตัวเลย (หัวเราะ)
ติดตามซีรีส์ ‘พลาดหัวข่าว’ อื่นๆ ที่
พลาดหัวข่าว: โรงละครในข่าวรายวัน กับผลกระทบที่ไม่จบแค่หน้าจอ
พลาดหัวข่าว: คำสารภาพของเด็กหน้าหนึ่ง (1)
พลาดหัวข่าว: คำสารภาพของเด็กหน้าหนึ่ง (2)
พลาดหัวข่าว: คำสารภาพของเด็กหน้าหนึ่ง (3)

Author

ณิชากร ศรีเพชรดี
ถูกวางตำแหน่งให้เป็นตัวจี๊ดในกองบรรณาธิการตั้งแต่วันแรก ด้วยคุณสมบัติกระตือรือร้น กระหายใคร่รู้ พร้อมพาตัวเองไปสู่ขอบเขตพรมแดนความรู้ใหม่ๆ นิยมเรียกแทนตัวเองว่า ‘เจ้าหญิง’ แต่ไม่ค่อยมีใครเรียกด้วย เนื่องจากส่วนใหญ่มองว่าเธอไม่ใช่เจ้าหญิงแต่เป็นนักเขียนและนักสื่อสารที่มีอนาคต
(กองบรรณาธิการ WAY ถึงปี 2561)

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า