#กราดยิงโคราช ค่ำคืนอันยาวนาน ฝันร้ายอันยาวนาน

กระสุนนัดแรก

เวลาประมาณ 15.30 น. ของวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่า จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา อายุ 32 ปี ทหารสังกัดค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จ.นครราชสีมา ใช้อาวุธปืนยิง พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ อายุ 48 ปี สังกัดกรมสรรพาวุธกระสุน ที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 และนางอนงค์ มิตรจันทร์ ซึ่งเป็นแม่ยายของ พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ เสียชีวิตทั้ง 2 คน หลังก่อเหตุ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ใช้รถฮัมวีขับเข้าไปในค่าย แล้วปล้นอาวุธปืนสงครามแบบ เอชเค.33 พร้อมเครื่องกระสุนอีก 40 นัด ในค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จากนั้นได้ยิงพลทหารที่ดูแลคลังกระสุนเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บอีก 2 นาย

โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊คระหว่างก่อเหตุ

จ.ส.อ.จักรพันธ์ ใช้เส้นทางหลบหนีไปทางศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช เมื่อไปถึงลานจอดรถบริเวณชั้น 2 ได้กราดยิงประชาชนผู้บริสุทธิ์ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย

เวลา 18.30 น. ผู้ก่อเหตุไลฟ์ในเฟซบุ๊คส่วนตัว ขณะที่เจ้าหน้าที่ปิดล้อมศูนย์การค้า คนร้ายที่หลบหนีอยู่ภายในศูนย์การค้า ได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊คเป็นระยะ สถานการณ์ภายในศูนย์การค้ายังมีประชาชนหลายรายติดอยู่

จับตัวประกัน

เวลาประมาณ 19.20 น. ผู้ก่อเหตุอยู่บริเวณชั้น 4 ของศูนย์การค้า จับตัวประกันไว้ 16 คน ในเวลาต่อมา พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า เจ้าหน้าที่กำลังปิดล้อมคนร้ายซึ่งกราดยิงประชาชนไม่เลือกหน้า ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 10 คน ตำรวจสันนิษฐานว่า จ.ส.อ.จักรพันธ์ มีความขัดแย้งกับครอบครัวของ พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ เกี่ยวกับค่านายหน้าจากการขายที่ดิน

ทางการได้ส่งหน่วยคอมมานโด หน่วยหนุมานกองปราบฯ รวมทั้งตำรวจหน่วยนเรศวร 261 ตชด. ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารได้นำส่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์

นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ รมช.กลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก ติดตามสถานการณ์ ดูแลผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตให้ดีที่สุด รวมทั้งสั่งการให้ปิดล้อมจับกุมคนร้ายให้ได้

แม่ของผู้ก่อเหตุได้เดินทางจากบ้านที่ จ.ชัยภูมิ เพื่อมาเกลี้ยกล่อมลูกชายให้ยอมมอบตัว

ปิดล้อมช่วยตัวประกัน

เวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งปิดพื้นที่รัศมี 2 กม. รอบศูนย์การค้า เพื่อป้องกันอันตรายจากคนร้ายและอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบปราม สั่งการด่วนให้นำกำลังทั้งในและนอกเครื่องแบบ รวม 24 นาย สนับสนุนปฏิบัติการปิดล้อมและช่วยเหลือตัวประกัน

21.20 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานยอดผู้เสียชีวิต อยู่ที่ 16 คน

ข่าวปลอม-ข่าวจริง

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แจ้งว่าได้ประสานกับเฟซบุ๊ค ปิดกั้นการใช้งานเฟซบุ๊คของผู้ก่อเหตุ ทำให้คนร้ายไม่สามารถโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คได้

ขณะที่ กสทช. ขอความร่วมมือสื่อมวลชนงดการรายงานสดแบบ live เพื่อให้การนำเสนอข่าวสารไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน และความปลอดภัยของประชาชนในบริเวณโดยรอบ ตลอดจนไม่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน

ภารกิจช่วยเหลือประชาชนยังดำเนินต่อไป

23.50 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังรับฟังรายงานสถานการณ์จาก ผอ.โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เขาระบุว่าได้รับการยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิต 20 ราย ผู้เสียชีวิตทั้งหมดอยู่ที่ รพ.มหาราชฯ

ผู้เสียชีวิต 20 รายนี้ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 16 ราย เสียชีวิตที่ รพ.มหาราชฯ 3 ราย และเสียชีวิตที่ รพ.กรุงเทพราชสีมา 1 ราย ผู้บาดเจ็บมีทั้งสิ้น 31 ราย อาการหนัก 10 ราย ในจำนวนผู้บาดเจ็บมีตำรวจ 2 นาย

กระทรวงสาธารณสุข ระดมแพทย์ผ่าตัด แพทย์-พยาบาลฉุกเฉิน กว่า 100 คนในพื้นที่จ.นครราชสีมา เตรียมห้องผ่าตัด ห้องไอซียู สำรองเลือด กว่า 1,700 ยูนิต ดูแลผู้บาดเจ็บจากเหตุกราดยิง พร้อมเตรียมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านศัลยกรรม เวชศาสตร์ฉุกเฉิน วิสัญญีแพทย์ จิตแพทย์ จากส่วนกลางพร้อมเดินทางสนับสนุนทันที

ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมพื้นที่ตั้งแต่ชั้น G ของศูนย์การค้าได้เรียบร้อยแล้ว ทีมหนุมาน กองปราบ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าควบคุมพื้นที่และช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ภายใน

เวลา 00.40 น.ของวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ควบคุมสถานการณ์บริเวณชั้น G เทอร์มินอล 21 เพื่อทยอยช่วยเหลือประชาชนออกมา

ค่ำคืนอันยาวนาน

ในเวลา 01.45 น. นำประชาชนออกมาจากเทอร์มินอล 21 ได้อย่างปลอดภัย หลังควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว

02.10 น. ประชาชนชุดสุดท้าย กว่า 50 คนที่ได้รับความช่วยเหลือออกมาได้แล้ว มีการระดมรถพยาบาลมาที่ด้านหน้าห้างฯ ประมาณ 5 คัน และมีการลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บออกมา ผู้สื่อข่าวในพื้นที่รายงานว่ามีเสียงปืนดังขึ้น 2 รอบ

ประมาณ 03.00 น.เจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่หน้าห้างฯ แต่คนร้ายยังพยายามต่อสู้ ทำให้หน่วยปฏิบัติการพิเศษ บาดเจ็บ 4 นาย และเสียชีวิต 1 นาย

04:55 น. พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก เดินทางออกจากเทอร์มินอล 21 โดยไม่ได้กล่าวอะไรกับผู้สื่อข่าว บอกเพียงว่า ให้รอตำรวจแถลง ขณะที่ภายในพื้นที่ยังเหลือ ผบ.ตร. ควบคุมสถานการณ์จับกุมคนร้าย

เช้าวันที่ 9 กุมภาพันธ์

06.15 น. อนุทิน ชาญวีรกูล ระบุว่า ได้รายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ โดยการส่งข้อความทางไลน์ตลอด พร้อมระบุว่า “ผมไม่เคยเจอแบบนี้ ที่เจ้าหน้าที่เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ก็ใจหาย”

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คว่า “หลังจากที่ได้ติดตามสถานการณ์มาตลอดทั้งคืน ตอนนี้ผมกำลังเดินทางไปโคราชพร้อมกับกำลังใจจากคนไทยทั้งประเทศ น้ำใจคนไทยมากมายครับ สำหรับพี่น้องประชาชนที่ไปบริจาคโลหิตช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ ช่วยกันแชร์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ทำงานกันอย่างเต็มที่ ขอบคุณทุกคนครับ ช่วงเวลาแบบนี้เราต้องช่วยกัน ร่วมมือกัน แสดงน้ำใจต่อกันครับ #ส่งใจไปโคราช

เวลาประมาณ 09.00 น. มีรายงานข่าวว่า ผู้ก่อเหตุได้เสียชีวิตจากปฏิบัติการจับกุมของเจ้าหน้าที่

เวลา 09.35 น. นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาคที่ 2, พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค (ผบช.ภ.3) และสาธารณสุขจังหวัด ได้ร่วมกันเปิดแถลงข่าว ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่สามารถยุติการกระทำผิดของคนร้ายได้แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างเก็บรวบรวมหลักฐานทางคดี และให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้สูญเสีย

ขณะที่รายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บอย่างเป็นทางการ เวลา 09.54 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สรุปยอดผู้เสียชีวิต 27 ราย (ในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ 2 ราย และ ผู้ก่อเหตุ 1 ราย) บาดเจ็บ 57 ราย แบ่งเป็น กลับบ้านแล้ว 25 ราย แอดมิด 32 ราย เข้าผ่าตัด 12 ราย ใช้เลือดไป 64 ยูนิต

ส่วนเรื่องสาเหตุ สอบสวนแล้วเป็นปัญหาเครียดส่วนตัวจากเรื่องการขายที่ดิ

หลายปรากฏการณ์ในคืนเดียว

ระหว่างปฏิบัติการจับกุมผู้ก่อเหตุในพื้นที่ ปรากฏการณ์ในโซเชียลมีเดียก็มีหลายสิ่งเกิดขึ้นและมีการแชร์ข้อมูลต่อกันเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนที่ติดค้างในศูนย์การค้า

เช่น เพจ ThaiArmedForce ได้นำเสนอ คำแนะนำวิธีเอาตัวรอดในสถานการณ์ Active Shooter จากรัฐบาลสหรัฐ

หรือการที่ผู้ใช้งานในโซเชียลมีเดียแชร์ประสบการณ์การรายงานข่าวของสื่อต่างประเทศในสถานการณ์ทำนองเดียวกันที่เคยเกิดขึ้นกับประเทศต่างๆ เพื่อท้วงติงการนำเสนอและรายงานข่าวของสื่อมวลชน

รวมถึงมีการนำเสนองานวิจัยที่เป็นประโยชน์ เช่น มีงานวิจัยพบว่าแนวทางที่สื่อรายงานข่าวการกราดยิงในที่สาธารณะนั้นสามารถนำไปสู่การระบาดของสถานการณ์การเลียนแบบได้ การรายงานข่าวอย่างมีความรับผิดชอบสามารถลดความเสี่ยงนี้ได้

ขณะที่แง่มุมของการก่อเหตุก็มีเคสที่น่าสนใจ อาทิตย์ ทองอินทร์ อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ สุโขทัยธรรมาธิราช ได้เผยแพร่ผ่านสเตตัสในเฟซบุ๊คส่วนตัว ว่า

“หนึ่งในข้อพึงระลึกคือ การกราดยิงโดยธรรมชาติของมันเองแล้ว เป็นพฤติกรรมเลียนแบบ คล้ายไวรัสแพร่กระจายไปยังกลุ่มคนภูมิคุ้มกันต่ำคือบรรดาผู้โกรธแค้นเจ็บปวด เกลียดชังสังคม และอยากตาย”

ผู้ศึกษาการก่อการร้ายและการเมืองในตะวันออกกลางท่านนี้ ได้อธิบายอีกว่า

“โดยทั่วไปในเหตุที่เคยเกิดๆ ขึ้นทั่วโลก ผู้ก่อเหตุมักไม่ใช่คนโง่ ติดยา หรือบ้า แต่เป็นคนป่วย โดยรู้สึกว่าสังคมกระทืบหน้าเขาอยู่ตลอดเวลา เหยียบตัวตน (self) ของเขาจนจมดินบุบสลาย หรือไม่ก็รู้สึกคาดหวังว่าสังคมจะยอมรับตัวตนและความสามารถของเขามากกว่าความเป็นจริงที่เป็นอยู่ซึ่งถูกเพิกเฉยและกดทับปิดกั้นเอาไว้ กระทั่งความคาดหวังกับความเป็นจริงมันต่างกันลิบลับและหาความหมายของชีวิตรวมทั้งสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นไม่พบ หรือไม่ก็ทั้งสองอย่างรวมกัน เมื่อมนุษย์หาคำตอบไม่ได้ มนุษย์มีความโน้มเอียงจะใช้ความรุนแรง

“ในการศึกษาการก่อการร้ายแนวทางที่มุ่งทำความเข้าใจไปที่ตัวผู้กระทำการก่อเหตุ (ซึ่งกรณีนี้ประยุกต์กับการก่ออาชญากรรมก็พอได้อยู่) มันมีเส้นแบ่งบางๆ ระหว่างผู้ก่อการร้ายแบบฆ่าตัวตาย (suicide terrorist) และนักรบ/ทหารกล้าผู้พลีชีพ (martyr) กับผู้ก่อเหตุแบบกราดยิง สองแบบแรกสวมตัวตนความหมายที่แหว่งวิ่นผุพังของชีวิตเขาได้พอดีในคุณค่าของชุมชนบางอย่างนำมาซึ่งเจตนารมณ์ที่จะ kill และ be killed ไปพร้อมๆ กันเพื่อปกป้องคุณค่าศักดิ์สิทธิ์ (sacred value) บางอย่างของชุมชนที่สังกัด”

ปรากฎการณ์ในคืนที่ผ่านมาทำให้สังคมไทยพบว่า ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่เราต้องเรียนรู้ร่วมกัน

เรียบเรียงลำดับเหตุการณ์จาก

  • BBC Thai
  • The Reporter

Author

กองบรรณาธิการ
ทีมงานหลากวัยหลายรุ่น แต่ร่วมโต๊ะความคิด แลกเปลี่ยนบทสนทนา แชร์ความคิด นวดให้แน่น คนให้เข้ม เขย่าให้ตกผลึก ผลิตเนื้อหาออกมาในนามกองบรรณาธิการ WAY

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า