สวัสดีค่ะ คิมนัมจุน
เราไม่เคยเจอกันมาก่อน และแม้ฉันจะรู้จักวงชื่อ BTS มาตั้งแต่ปี 2013 แต่ฉันเพิ่งมารู้จักคุณจริงๆ ก็เมื่อปีที่แล้วเอง
ปี 2017 เป็นปีที่ BTS ซึ่งคุณเป็นหัวหน้าวง โด่งดัง ได้รับความนิยมและถูกพูดถึงในระดับโลก BTS ถูกรับเชิญขึ้นเวทีงาน 2017 Billboard Music Awards ก่อนที่ปลายปีจะถูกเชิญขึ้นเวที 2017 American Music Awards แน่นอนว่าวงของคุณถือเป็นวงจากเกาหลีใต้วงแรกที่ได้ขึ้นเวทีเหล่านี้
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกสะดุดใจจนต้องแอบไปเสิร์ชชื่อคุณในเว็บไซต์กูเกิลและทวิตเตอร์หรอกนะคะ
ช่วงนี้ของปีที่แล้ว ก่อนที่ BTS หรือวง Bangtan Boys (ซึ่งบางทีฉันก็ชอบเรียกย่อๆ ว่า ‘บังทัน’) จะคัมแบ็คกลับมากับเพลง ‘DNA’ ในทวิตเตอร์มีแฮชแท็กข้อความหนึ่งที่ขึ้นติดเทรนด์ในประเทศไทย แฮชแท็กนั้นคือคำว่า #LoveYourself พอฉัน – ซึ่ง ณ ขณะนั้น เข้าทวิตเตอร์เพื่อตามข่าวเหล่าเด็กชายจากรายการ Produce 101 ซีซั่น 2 – เห็นแฮชแท็กที่ว่านั่นก็งงๆ ไปชั่วขณะ คิดในใจว่า “นี่พวกโลกสวย นิยมคำคม ชอบแสวงหา Monday motivation เป็นคนสร้างกระแสเทรนด์แฮชแท็กนี้ขึ้นมารึเปล่าเนี่ย?”
ไม่ปล่อยให้ความสงสัยดำรงอยู่ในตัวนาน ฉันลองคลิกเทรนด์แฮชแท็กนั้นเล่นๆ ก่อนที่เทรนด์ทวิตเตอร์ #LoveYourself จะนำฉันไปรู้จักกับทีเซอร์ขนาดยาวของวง BTS รวมถึงรู้จักชายที่ชื่อ คิมนัมจุน ผู้เป็นหัวหน้าวง
“ไม่เห็นจะหล่อเลย” ฉันคิดในใจ
พล็อตทวิสต์ใช่ไหมคะ? นั่นแหละค่ะ ความรู้สึกแรกสุดที่ฉันมีต่อคุณ
แต่เทรนด์ทวิตเตอร์ #LoveYourself นั้น ก็มีผลต่อความอยากรู้อยากเห็นของฉันมากค่ะ แม้ว่าคุณจะไม่หล่อมากในสายตาฉัน (ในตอนนั้น) แต่เพราะอยากรู้ว่าแฮชแท็กนี้ติดเทรนด์ได้ยังไง ฉันเลยคลิกดูพลางไล่อ่านข้อมูลในทวิตเตอร์ต่อไปเรื่อยๆ จนฉันเจอทวีตหนึ่งที่เขียนว่า คุณเป็นคนไอคิวสูง เป็นไอดอลที่พูดภาษาอังกฤษเก่ง และที่สำคัญ คนเกาหลีอย่างคุณนั้นฝึกภาษาอังกฤษเองจากการดูซีรีส์เรื่อง Friends!
คิมนัมจุนคะ…เพราะคำว่า “ซีรีส์เรื่อง Friends” นี่เองที่ทำให้ฉันเริ่มสนใจคุณ
ฉันเริ่มเปิดเว็บไซต์กูเกิล กรอกคีย์เวิร์ดว่า ‘คิมนัมจุน+ภาษาอังกฤษ’ ลงไป จากนั้นคลิปและข่าวต่างๆ ก็หลั่งไหลเข้ามา
ท่ามกลางคลิปทั้งหมดนั้น มีคลิปหนึ่งซึ่งเป็นงาน 2017 Billboard Music Awards บนพรมแดงนั้น มีพิธีกรหญิงอเมริกันสักคนยืนสัมภาษณ์คุณและเพื่อนร่วมวงอยู่ เธอถือไมค์และถามว่า พวกคุณพร้อมที่จะกลายเป็น North America’s heartthrob หรือยัง?
ตอนนั้นเอง คิมนัมจุน, คุณถามเธอกลับว่า คำว่า ‘heartthrob’ แปลว่าอะไร?
ฉันรู้สึกประทับใจคำถามนั้นมาก เพราะนั่นเผยให้เห็นว่า เมื่อคุณไม่รู้หรือไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง คุณไม่อายที่จะยอมรับว่าคุณไม่รู้ ไม่เข้าใจ
และคุณก็แค่ถาม เพื่อให้ได้รับคำตอบ เพื่อจะได้เข้าใจและได้เรียนรู้มากขึ้น
ฉันรู้สึกว่าคุณเป็นคนน่าทึ่งจากประโยคคำถามนั้น
หลังจากคลิป heartthrob นั้น ฉันเลยติดตามผลงานของคุณ และวง BTS มาตลอด ฉันย้อนกลับไปดูมิวสิควิดีโอเก่าๆ ย้อนรอยกลับไปอ่านประวัติศาสตร์และเรื่องราวการก่อกำเนิดวง BTS วงของคุณเดบิวต์เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2013 ในค่ายเล็กๆ ที่ชื่อ Big Hit Entertainment พวกคุณคือบอยแบนด์วงแรกของค่าย และนับถึงปัจจุบัน BTS ก็ยังเป็นบอยแบนด์วงเดียวของค่ายอยู่ (แต่ค่ายยังดูแลศิลปินเดี่ยวอีกหลายคน)
จากค่ายเล็กๆ จากศิลปินเบอร์เล็กๆ พวกคุณค่อยๆ สร้างประวัติศาสตร์ให้เกิดขึ้น จากผลงานเพลง จากการแสดงบนเวทีที่ยอดเยี่ยม รวมถึงการใช้โซเชียลมีเดียอย่างทวิตเตอร์ให้เกิดประโยชน์ แฟนคลับของพวกคุณค่อยๆ ขยายตัว พอๆ กับชื่อเสียงและความสำเร็จที่แผ่วงกว้างไปทั่วโลก
ในสายตาของกลุ่มแฟนคลับของพวกคุณ หรือที่เรียกว่าอาร์มี่ (A.R.M.Y) พวกเขาน่าจะประทับใจจุดเริ่มต้นที่เหมือนเป็น underdog ของวง BTS ก่อนที่จะถูกเสียงดนตรีและการแสดงอันทรงพลังคว้าหัวใจไว้ได้
ในหลายคอมเมนท์ของแฟนคลับวงคุณที่มีอยู่ทั่วโลก พวกเขามักจะบอกว่า ดนตรีของ BTS สื่อสารมากกว่าเรื่องราวของความรักหนุ่มสาว มันมีเนื้อหาบางอย่างที่ปลุกปลอบใจผู้พ่ายแพ้ เนื้อหาที่บอกให้คนฟังรู้สึกว่า พวกเขาไม่ได้อยู่เดียวดายในโลกแสนเฮงซวยใบนี้
คิมนัมจุนคะ…อันที่จริง ฉันคิดว่าย่อหน้าข้างบนค่อนข้างจะเว่อร์ไปนิดนึงล่ะ เราต้องยอมรับกันจริงๆ เนอะ ว่าบนโลกแสนเฮงซวยใบนี้ ไม่ได้มีแค่วง BTS หรอกที่สร้างสรรค์ดนตรีที่มีเนื้อหาหลากหลาย ไม่ได้มีแค่เสียงเพลงของวง BTS ที่เยียวยาจิตใจผู้คน และไม่ได้มีแค่วง BTS ที่เป็นตัวแทนของมนุษย์กลุ่ม underdog
เสียงดนตรีของ BTS ก็เป็นเช่นเดียวกับหลายๆ วง หรือหลายๆ ศิลปินบนโลกใบนี้
มันมีบางบทเพลง ที่สะท้อนเสียงของมนุษย์ที่เคยผิดพลาด และเจ็บปวด
มันมีบางบทเพลงที่แล่นตรงเข้าสู่หัวใจคนฟัง
มันมีบางบทเพลงที่บอกเล่าถึงความหวาดกลัว
…และในบางถ้อยคำของบางเพลงเหล่านั้น คุณเป็นคนเขียนมันขึ้นมา…
เช่นเดียวกับหลายๆ วง หรือหลายๆ ศิลปินบนโลกใบนี้ คิมนัมจุน คุณก็เคยผิดพลาด เคยเจ็บปวด เคยหวาดกลัว
และฉันดีใจที่คุณยอมเปิดเปลือยความรู้สึกเหล่านี้ออกมา
คิมนัมจุนคะ เมื่อวันที่ 24 กันยายน ที่ผ่านมา คุณและสมาชิกร่วมวง BTS เพิ่งเข้าร่วม U.N. Youth Strategy Conference ในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 73 (UNGA 73) ที่กรุงนิวยอร์ค
พวกคุณไปในนามผู้แทนขององค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ที่ช่วยสื่อสารแคมเปญ ‘Love Yourself’ และเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ ENDViolence ที่รณรงค์งดใช้ความรุนแรงในเด็กและเยาวชน รวมทั้งยังสานต่อบทบาทในแคมเปญ ‘Generation Unlimited’
ในฐานะผู้แทนของ UNICEF คุณขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ เนื้อหามีความยาวราว 6 นาทีกว่าๆ ไม่นานนัก แต่สิ่งที่คุณทิ้งไว้หลังสุนทรพจน์จบลง น่าจะสร้างผลกระทบเชิงบวกได้ยาวนานจนประเมินค่าไม่ได้
อย่างน้อยที่สุด สำหรับเยาวชนที่ได้ฟังข้อความเหล่านั้น – ข้อความที่คุณบอกกับเราว่า คุณก็เคยผิดพลาด หวาดกลัว หลงทาง แต่คุณเรียนรู้ที่จะฟังเสียงตัวเอง และโอบกอดตัวเองให้แน่นขึ้น รวมถึงค่อยๆ เริ่มรักตัวเองขึ้นทีละนิด
ผม คิมนัมจุน หรือ RM วง BTS ผมเป็นไอดอลและศิลปิน จากเมืองเล็กๆ ในเกาหลี และเหมือนกับคนอื่นๆ ผมได้ทำอะไรผิดมากมายในชีวิต ผมมีสิ่งผิดพลาด ผมมีความกลัว แต่ผมจะโอบกอดตัวเองให้แน่นที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ และผมจะค่อยๆ เริ่มรักตัวเองขึ้นทีละนิดทีละนิด
“What’s your name? Speak yourself.”
คิมนัมจุนคะ สุนทรพจน์ของคุณในเวที UNGA 73 ที่เพิ่งผ่านพ้นนั้นน่าทึ่งมาก มันงดงาม สะท้อนความเข้าใจในความอ่อนแอของผู้คน ขณะเดียวกันก็ปลุกปลอบผู้คนไปในตัว
ขอบคุณนะคะที่เขียนสุนทรพจน์นี้ขึ้นมา
ขอบคุณที่เลือกเป็นลีดเดอร์วง BTS
และขอบคุณที่สุด ที่เลือกจะเป็นคิมนัมจุน-คนที่เปิดกว้างและรักตัวเอง
คิมนัมจุน หรือ RM วง BTS
คิมนัมจุน อายุ 24 ปี เจ้าของไอคิว 148 เคยสอบวัดระดับเข้ามหาวิทยาลัยแล้วได้คะแนนในกลุ่มท็อปของประเทศ (วิชาภาษาเกาหลี, ภาษาต่างประเทศ,คณิตศาสตร์, และสังคมศาสตร์) นัมจุนถูกยกย่องให้เป็นไอดอลเกาหลีคนหนึ่งที่ใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า ฝึกฝนภาษาอังกฤษเองผ่านการดูซีรีส์เรื่อง Friends ซึ่งเป็นซีรีส์ยอดฮิตช่วงนั้น นัมจุนเป็นแร็ปเปอร์และหัวหน้าวง BTS ทั้งยังเป็นนักแต่งเพลงด้วย นอกจากนี้เขายังเป็นไอดอลที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนับสนุนสิทธิของ LGBTQ แม้สังคมเกาหลีใต้จะยังไม่ยอมรับเรื่องเหล่านี้ในวงกว้างก็ตาม เสียงของนัมจุนเป็นหนึ่งในกระบอกเสียงสำคัญที่ทำให้เยาวชนและผู้ฟังเพลงหลายคนเรียนรู้ที่จะรักตัวเองมากขึ้น |